CIS ตอนที่ 621: แม่น้ําศักดิ์สิทธิ์โลกสวรรค์
“ในที่สุดก็ผนึกเสร็จสักที”
อี้เทียนหยุนมองไปที่ค่ายกลพร้อมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แม้ว่าคราวนี้จะไม่ได้สมบัติอะไร แต่อย่างน้อยก็ได้รู้เรื่องมากขึ้น ทั้งยังได้ค่าความชํานาญและค่าประสบการณ์จํานวนมาก ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าดี
และที่สําคัญคือได้รู้เรื่องของปีศาจตนนี้ ไม่อย่างนั้นหากถึงตอนที่มันท่าลายผนึกออกมา ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องประสบกับความทุกข์ยากมากขนาดไหน โดยที่ไร้ซึ่งการเตรียมตัว แล้วยังต้องมาเผชิญหน้ากับปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุดตนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครที่สามารถต้านทานมันได้บ้างหรือเปล่า?
หลังจากผนึกเสร็จ เขาก็ทําการเรียกดินออกมาถมที่นี่ไว้ ซึ่งก็ไม่ได้ใช้เวลานานนัก เพียงไม่นานก็สามารถถมจนเต็มดั้งเดิม พร้อมทั้งทําการจัดการปรับหน้าดินจนไม่หลงเหลือร่องรอยอะไรไว้อีก
“ตอนนี้คงยังไม่มีปัญหาชั่วคราว” อี้เทียนหยุนสายตาเย็นชา ตอนนี้ที่กังวลที่สุดคือเรื่องของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง นอกจากว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงจะรู้เรื่องที่อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นย่อมไม่ส่งกําลังมาอีก
หากแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงจะรู้เรื่องนี้ ก็คงจะรู้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เฟยเทียน แม้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟยเทียนจะไม่มีอยู่แล้ว แต่ย่อมมีบางอย่างทิ้งเอาไว้อย่างแน่นอน
ในนั้นอาจจะบันทึกเอาไว้ว่าที่โลกมนุษย์มีสมบัติบางอย่าง แต่แท้จริงแล้วคือผนึกปีศาจ
แต่ไม่ว่าจะยังไง เมื่อมีวิญญาณเวทย์เฝ้าอยู่ นอกจากว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนมาด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นย่อมต้องถูกวิญญาณเวทย์จัดการอย่างง่ายดาย แต่จนถึงตอนนี้ ผู้เชียวชาญระดับราชาเซียนยังไม่สามารถมาที่นี่ได้ชั่วคราว
ส่วนเรื่องจะให้คุยกับพวกเขาดีๆ นั้น ก็กลัวว่ายากที่จะทําสําเร็จ หากบอกไปว่ามีปีศาจอยู่ พวกเขาจะเชื่ออย่างงั้นเหรอ?
แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงมีเรื่องบาดหมางกับเขา ไม่มีอะไรที่สามารถทําให้ความเกลียดชังนี้หายไปได้ หากจะให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันจัดการกับปีศาจตนนี้ เรื่องนี้อี้เทียนหยุนเองก็ไม่ต้องการสุนัขไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยที่ชอบกินอึ นี่เป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอน
หากร่วมมือกันกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง หากวันไหนไม่ระวังก็อาจจะถูกแทงข้างหลังเข้าให้ โดยที่ไม่ทันได้รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
หากต้องเผชิญหน้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง ความคิดเดียวที่มีของเขาก็คือ ทําลายให้สิ้นซาก!
“ให้ที่นี่เป็นเขตหวงห้าม ไม่ว่าศิษย์คนไหนก็ห้ามเข้าใกล้ที่นี่เด็ดขาด” อี้เทียนหยุนพูดกับไป๋อวี๋เหลียนที่อยู่ใกล้ๆ
“กระหม่อมจะทําตามที่ฝ่าบาททรงรับสั่งเพคะ” ไป๋อวี๋เหลียนตอบอย่างเคารพ
“หากว่ามีคนบุกเข้ามาแล้วมีระดับที่แข็งแกร่งเกินไป ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นยังไง ก็ให้เจ้ารีบไปหาที่ซ่อนโดยไว ไม่จําเป็นต้องเอาชีวิตเข้าปกป้องที่นี่” อี้เทียนหยุนบอก
ไป๋อวี๋เหลียนตกใจ เธอก็คิดว่าอี้เทียนหยุนจะให้เธอสาบานว่าจะปกป้องที่นี่จนตาย แต่ใครจะรู้ว่าเขากลับบอกให้เธอวิ่งหนี้ได้ ยังไงก็ตาม เธอก็ไม่ได้ถามออกไป พร้อมกับพูดตอบรับออกไปว่า “ตามพระประสงค์ของฝ่าบาทเพคะ”
เธอฉลาดมาก รู้ว่าอะไรที่ควรถาม และไม่ควรถาม ในเมื่ออี้เทียนหยุนไม่พูด เธอก็ไม่ถามออกไป
อี้เทียนหยุนพยักหน้า ที่เขาไม่อธิบายให้ไป๋อวี๋เหลียนฟังก็ไม่ได้มีความคิดอื่นใด ก็แค่ว่าเรื่องนี้มีคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี หากว่ามีคนบุกเข้ามา แล้วพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณเวทย์ระดับราชาเซียน ก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไง?
หลังจากบอกกล่างอย่างง่ายๆ แล้ว อี้เทียนหยุนก็เตรียมที่จะจากไป และในตอนนี้เอง อวชีเชี่ยนที่อยู่ใกล้ๆ ก็ได้ทําใจกล้าเดินเข้ามาถามว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมสามารถไปยังอาณาจักรเทียนหยุนพร้อมกับพระองค์ได้หรือไม่เพคะ?”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะตัดสินใจแล้วสินะ” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มออกมา การที่อรี่ชีเชียนสามารถเข้าร่วมชุมอำนาจของตนได้ แน่นอนว่าย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างมาก
“เพคะ ฝ่าบาททําให้กระหม่อมรู้หลายเรื่อง กระหม่อมอยากจะยืนในที่สูงกว่านี้ เดินไปให้ไกลยิ่งกว่า!” นัยน์ตาคู่งามของอรี่ชีเชี่ยนเต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ นี่คือความหวังและความสุขที่ได้คาดหวัง
“ไม่มีปัญหา เจ้าถือป้ายนี้ไปยังเมืองเทียนหยุน จากนั้นจะมีคนพาเจ้าเข้าไป” อี้เทียนหยุนโคจรพลัง ควบกลั่นป้ายออกมา พร้อมกับใส่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในนั้น เพื่อเป็นตัวบอกกลางคําพูดของเขา
“ฝ่าบาท พระองค์จะไม่กลับไปหรือเพคะ?” อวี่ชีเชี่ยนตกใจ เธอก็คิดว่าอี้เทียนหยุนกําลังจะกลับ ก็เลยคิดว่าจะกลับไปพร้อมกัน
“ข้ายังไม่กลับชั่วคราวก่อน ยังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องทําให้เสร็จ เจ้าไปเองคนเดียวก็ได้” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “ด้วยระดับของเจ้า การไปยังอาณาจักรเทียนหยุนย่อมไม่มีปัญหาแต่อย่างใด”
“เพคะ ฝ่าบาท…” นัยน์ตาคู่งามของเธอมากไปด้วยความผิดหวัง แต่ก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้น
แม้ว่าอี้เทียนหยุนจะมีความรู้สึกดีๆ ให้เธอ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งเธอกลับไปโดยเฉพาะ เรื่องที่เขาต้องจัดการในตอนนี้มีมากมาย เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ที่นี่ต่อ
หลังจากนั้นเขาก็จากไป อวี่ชีเชี่ยนมองตามหลังของเขาจนลับตา พร้อมกับพูดพึมพําออกมาว่า “ข้าจะพยายามให้หนัก มีเพียงแต่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ถึงจะไม่ถูกใครรังแกอีก….”
ความเปลี่ยนแปลงในจิตใจของเธอ ส่วนใหญ่ล้วนมาจากความเปลี่ยนแปลงของวังโหมวเทียนนี้ ก่อนหน้านี้ เธอถูกผู้อาวุโสวังไป๋อวี๋เหลียนละทิ้ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขุมอํานาจที่สุดร้ายกาจ ต่อให้ดิ้นรนยังไงก็เปล่าประโยชน์
และหลังจากที่ตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้ว ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะเดินไปยังหนทางด้านหน้านี้!
หลังจากอี้เทียนหยุนจากมา เขาก็ไม่ได้กลับไปยังโลกใต้พิภพ แต่ตรงไปยังเส้นทางที่นําไปสู่โลกสวรรค์ ซึ่งเป็นความทรงจําที่ได้มาจากป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์ เขารู้สถานการณ์ของทั้งสามโลกอย่างคร่าวๆ แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้มีข้อมูลอะไรมาก แต่อย่างน้อยก็รู้ถึงสถานที่สําคัญๆ
หากว่าสามารถไปยังโลกสวรรค์ด้วยเส้นทางนี้ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะขึ้นไปข้างบนด้วยเส้นทางนี้
หลังจากบินมาสักพัก เขาก็มาถึงบริเวณแม่น้ําศักดิ์สิทธิ์โลกสวรรค์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะนําไปสู่โลกสวรรค์ได้อย่างรวดเร็ว!
เมื่อมาถึงบริเวณนี้ ที่ปรากฏต่อสายตาของเขาก็คือแม่น้ําที่กว้างใหญ่ แม้จะบอกว่าเป็นแม่น้ํา แต่ก็เหมือนกับทะเลส่วนหนึ่งมากกว่า ทั้งยังเป็นทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา สิ่งเดียวที่ต่างจากทะเลทั่วไปก็คือที่บริเวณใจกลางแม่น้ํา ได้มีแม่น้ําที่ไหลขึ้นไปข้างบน ดูแล้วเหมือนกับแม่น้ําสายหนึ่งที่ไหลขึ้นฟ้า!
แม่น้ํานี้ไม่ได้เป็นน้ําที่มาจากข้างบน แต่เป็นน้ําที่ไหลจากทะเลขึ้นไป หากว่าไม่ดูให้ดีแล้วล่ะก็ จะคิดว่าน้ําไหลลงมาจากด้านบน แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว กลับเป็นน้ําที่ไหลขึ้นไปจากที่นี่ ราวกับถูกอะไรดูดขึ้นไปอย่างไงอย่างงั้น
และเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป ก็มองไม่เห็นถึงจุดสิ้นสุด เห็นแต่แม่น้ําที่ไหลผ่านชั้นเมฆไป
นี่คือแม่น้ําศักดิ์สิทธิ์โลกสวรรค์ สามารถผ่านที่นี่เพื่อไปยังโลกสวรรค์ได้ แต่ว่าไม่สามารถบินขึ้นไปได้ ต้องว่ายน้ําขึ้นไปเท่านั้น! หากว่าบินขึ้นไปก็จะพบกับแรงกดดันที่ส่งลงมา ทําให้ไม่สามารถบินได้ นอกจากว่าจะมั่นใจในพลังของตน ไม่อย่างนั้นย่อมไม่มีทางบินขึ้นไปได้อย่างแน่นอน
นี้ก็เหมือนกับทางผ่านใต้พิภพ จําเป็นต้องผ่านบททดสอบบางอย่างเสียก่อน ถึงจะสามารถผ่านไปได้
แน่นอนว่าหากมีระดับที่แข็งแกร่งพอ ก็สามารถบินขึ้นไปอย่างง่ายดาย แต่หากว่ามีระดับต่ํา ก็มีแต่ต้องค่อยๆ ว่ายขึ้นไปที่ละน้อยเท่านั้น มันเหมือนกับว่ายอยู่ในน้ําวน หากว่าไม่สามารถควบคุมได้แม้แต่ครั้งเดียว ก็จะถูกดีดออกมา หลังจากนั้นก็ต้องว่ายขึ้นไปใหม่
“ทางนี้มันปิดอยู่หรือเปล่า…”
รอบๆ เต็มไปด้วยหมอกที่กระจัดกระจาย ดูแล้วเหมือนหมอกทั่วไปมาก แต่ก็ง่ายที่จะทําให้หลงอยู่ด้านใน ที่สําคัญคือเส้นทางนี้ปิดอยู่ ต่อให้ว่ายไปตามแม่น้ําศักดิ์สิทธิ์โลกสวรรค์ ก็ไม่มีทางที่จะไปถึงโลกสวรรค์ได้สําเร็จ
แต่ว่านี่ย่อมต้องมีช่วงเวลาจํากัด ก็เหมือนกับทางผ่านใต้พิภพ ที่บางครั้งจะปรากฏช่องว่างในบางเวลา ทําให้ไม่สามารถที่จะผ่านไปได้ง่ายสักเท่าไหร่
แต่แม่น้ําศักดิ์สิทธิ์โลกสวรรค์นี้เมื่อเทียบกับทางผ่านใต้พิภพแล้ว เส้นทางมันได้ปิดอยู่ แบบนี้ยังจะว่ายขึ้นไปได้หรือเปล่า?
“ดูเหมือนว่าคงต้องรอเวลาสักพัก ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้จะมีคนลงมา คงจะใช้ช่วงเวลาพริบตาที่เส้นทางนี้เปิดออกลงมาสิ้นะ” อี้เทียนหยุนส่ายหัว
แม่น้ําศักดิ์สิทธิ์โลกสวรรค์เปิดออกแค่พริบตาเท่านั้น เป็นประจําทุกปี ซึ่งเวลาที่เปิดก็ไม่นานนัก แต่ก็ยึดหยุ่นอย่างมาก
และครั้งนี้เวลาที่เปิดออกก็ได้ผ่านไปแล้ว ต่อให้อี้เทียนหยุนต้องการ ก็จําเป็นต้องรอถึงปีหน้า