ตอนที่ 623: ขอความช่วยเหลือ
จิตสังหารปกคลุมทั่วทั้งห้องนี้เท่านั้น ส่วนชาวบ้านที่อยู่ข้างนอกต่างก็พากันทําเรื่องที่ต้องทําของตนต่อ ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ควรพูดว่าพวกเขาไม่มีความรู้สึกอะไรเลยดีกว่า ใครจะคิดเล่าว่าชายชราที่อยู่ข้างบ้านจะเป็นสุดยอดผู้เชี่ยวชาญ?
ทั่วทั้งหมู่บ้านนี้ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เป็นผู้ฝึกตน ส่วนคนอื่นๆ ล้วนแต่เป็นชาวประมงทั่วไปที่นี่ปกติแล้ว ปลอดภัยมาก ส่วนใหญ่ต้องยกความดีความชอบให้กับผู้พิทักษ์เหล่านี้ ที่สามารถทําให้ที่แห่งนี้กลายเป็นที่ที่ปลอดภัยสุดๆ ปลอดภัยจนแม้แต่สัตว์อสูรสักครึ่งตัวยังไม่เคยก้าวย่างเข้ามา
แม้แต่พายุอะไรก็ไม่มีมา มีผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวสู่ระดับราชาเซียนผู้นี้อยู่ในฐานะที่เป็นสุดยอดผู้เชี่ยวชาญ เขาสามารถจัดการระเบิดพายุลูกไหนก็ได้ในหมัดเดียว
ขณะที่เผชิญหน้ากับจิตสังหาร อี้เทียนหยุนยังคงยกจอกเหล้าขึ้นจิบพร้อมกับพูดด้วยสีหน้าเฉยชา “ไม่ต้องกังวลไป ท่านคิดว่าป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์จะส่งต่อความทรงจําให้คนอื่นๆ ง่ายๆ อย่างงั้นเหรอ?”
จิตสังหารนี้รุนแรงมาก แต่ว่ากับเขาแล้วไม่ได้มีความหมายแต่อย่างใด หากว่าคนที่ส่งจิตสังหารนี้ออกมาเป็นศัตรูของเขา ป่านนี้คงถูกเขาตบตายไปนานแล้ว
“นี่…” ชายชราตกใจ หลังจากนั้นสักพัก ก็ได้ลดจิตสังหารลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่นั่งลงก็ยังไม่วายที่จะจ้องมาที่เขาอย่างดื้อด้าน พร้อมกับถามออกมาว่า “เจ้ามีความสัมพันธ์กับนายท่านอย่างงั้นเหรอ?”
เขาสงบใจลงอย่างรวดเร็ว คนที่รู้เรื่องนี้ รู้ว่าพวกเขาเป็นผู้พิทักษ์นั้นมีอยู่น้อยมาก ต่อให้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ เฟยเทียนในช่วงแรกเริ่มก็ยังมีอยู่น้อยคนที่จะรู้เรื่องของพวกเขา
ที่สําคัญคือพวกเขาอยู่ในโลกมนุษย์ พวกที่อยู่ในโลกใต้พิภพ แน่นอนว่าย่อมเป็นธรรมดาที่จะไม่รู้จัก
“ท่านเดาได้ถูกแล้ว ข้าคือผู้สืบทอดของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน” อี้เทียนหยุนเรียกบอลพลังขึ้นมือ ทําให้กลิ่นอายที่คุ้นเคยโชยออกมา ทําให้ชายชรารู้สึกตื่นเต้น
“ท่าน ท่านคือนายน้อย!”
ชายชราตื่นเต้น ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และในขณะที่กําลังจะคุกเข่าลงนั้น ก็ได้มีพลังมาหยุดเขาไว้
“ไม่จําเป็นต้องทําความเคารพ การที่ท่านช่วยปกป้องที่นี่มาเงียบๆ เป็นเวลานาน ต่อให้เป็นตัวราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนมาเอง เขาก็ต้องชื่นชมท่าน” อี้เทียนหยุนไม่ให้เขาคุกเข่า การที่ยอมอยู่ปกป้องที่นี่ ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างแท้จริง
หากว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทําการปกป้องบางอย่างตามค่าสั่งของเขาเป็นเวลานาน แล้วเขาจะไม่ชื่นชมได้อย่างงั้นเหรอ? และที่สําคัญที่สุดคือที่นี่มีความสําคัญเป็นอย่างมาก อีกทั้งราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนยังจากไปเป็นเวลานาน การที่อีกฝ่ายสามารถรับผิดชอบเรื่องนี้ได้ อย่างนี้จะไม่ทําให้เขารู้สึกชื่นชมได้ยังไง?
หากว่าเปลี่ยนเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์แล้วล่ะก็ ป่านนี้คงหนีไปนานแล้ว ยังไงก็ตาม การที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนปล่อยให้พวกเขาคอยพิทักษ์ปกป้องที่นี้ ถือว่าเขามีสายตาที่เฉียบคมมาก
“ไม่ ไม่เลย นายท่านเขาเป็นผู้ที่มีบุญคุณกับครอบครัวของเรามาก ตอนเด็กข้าได้รับการรู้แจ้งครั้งหนึ่ง ไม่อย่างนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะประสบความสําเร็จได้ถึงขั้นนี้ และท่านพ่อของข้าก็ยิ่งได้รับโชคที่มากกว่าจากนายท่าน แต่ว่าตอนนี้ผู้ใหญ่ในครอบครัวของเราไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว” ชายชราทอดถอนใจ
อี้เทียนหยุนพยักหน้า แค่นี้ก็รู้แล้วว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนจากไปนานแค่ไหนแล้ว จากที่ดผู้พิทักษ์ในปัจจุบัน อย่างน้อยเขาก็มีอายุได้หลายร้อยปี หรืออาจจะเกินพันปีไปแล้วก็ได้
ระดับราชาวิญญาณ มีชีวิตได้สูงสุดถึงประมาณพันปี ส่วนระดับราชาเซียนนั้น มีอายุจํากัดประมาณ 3-4 พันปี ส่วนระดับราชาศักดิ์สิทธิ์นั้น อายุขัยเกินหมื่นปีขึ้นไป แต่ต่อให้อายุขัยจะเพิ่มขึ้นขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่คู่โลกไปได้ตลอดกาล
หลังจากฟังสถานการณ์จากปากของชายชรา ก็ทําให้รู้ว่าพวกเขามีกันอยู่สี่คน ลูกชายและภรรยาออกไปข้างนอก เหลือแค่เขาและหลานชายที่อาศัยอยู่ที่นี่ อีกทั้งระดับของลูกชายและภรรยาของลูกชายก็ไม่ได้ต่ําเลย ต่างก็เป็นระดับราชาวิญญาณและระดับวิญญาณเที่ยงแท้กันแล้ว
ทั่วทั้งครอบครัวของเขานี้ค่อนข้างน่าทิ้ง มีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณอยู่ถึงสองคน ด้วยพลังนี้ พวกเขาเพียงพอที่จะปกครองประเทศได้แล้ว แต่พวกเขากลับอยู่เป็นผู้พิทักษ์ที่นี่ ไม่ได้คิดที่จะออกไปสร้างชุมอํานาจหรือแสวงหาพลังที่โลกภายนอก
ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนได้สอนวิชายุทธ์จํานวนมากให้กับพวกเขาเช่นกัน และวิชาพวกนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอเลย ต่อให้จะมีพรสวรรค์ขนาดไหน แต่หากไร้ซึ่งวิชาที่ดีแล้วล่ะก็ มีพรสวรรค์ไปก็ไร้ประโยชน์
วิชาที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนมอบให้พวกเขา ย่อมต้องเป็นวิชายุทธ์ระดับสวรรค์ที่ดีที่สุด ประสิทธิภาพของมันย่อมไม่ด้อยอย่างแน่นอน
“ที่ข้ามาในครั้งนี้ เหตุผลสําคัญก็คือเพื่อพูดเรื่องๆ หนึ่ง นั่นก็คือเรื่องป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์” รอยยิ้มบนใบหน้าอี้เทียนหยุนไม่มีอยู่อีกต่อไป แต่ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“หรือว่าผนึกจะเสียหาย?” เริ่นเต๋อพูดสิ่งที่คิดออกมา และการคาดเดาของเขาก็ถูกต้องเสียด้วย
“ใช่ ไม่นานมานี้ผนึกได้เสียหายจริงๆ หากข้าไม่ได้ซ่อมมัน มันก็จะทนได้อีกแค่ประมาณ 50 ปีเท่านั้น จากนั้นก็จะแตกออกอย่างสมบูรณ์” เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “แต่ว่าข้าก็ได้ซ่อมแซมผนึกให้กลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้นจึงมีเวลาอีกอย่างน้อยร้อยปี ซึ่งเวลานี้ไม่ถือว่าน้อย แต่ก็ไม่นานเช่นกัน”
“ประมาณร้อยปี…” สายตาของเรื่นเต่อเย็นชา “ข้าสามารถอยู่ได้ถึงตอนนั้น หากว่าปีศาจนั่นหนีออกมาจากผนึกได้ ข้าจะเป็นแนวหน้าที่เข้าไปสู่กับมันอย่างแน่นอน!”
แม้ว่าเขาจะแก่ แต่ในสายตาของเขาก็ยังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
“นี่เป็นแค่เรื่องแรก เรื่องที่สองคือข้าอยากจะแต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้พิทักษ์ของอาณาจักรข้าอย่างเป็นทางการ” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง
“เรื่องนี้มัน…. นายน้อย พวกเราได้สาบานไปแล้วว่าจะเป็นผู้พิทักษ์ที่นี่รุ่นต่อรุ่น ไม่สามารถไปจากที่นี่ตามใจได้” เริ่นเต๋อเผยสีหน้ากระอักกระอ่วน
อี้เทียนหยุนไม่ได้ประหลาดใจ แต่ยังคงอธิบายต่อไปว่า “ในปัจจุบันมีคนกําลังสนใจสมบัติชิ้นนี้อยู่ ซึ่งก็คือ แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง และข้าก็มีความแค้นกับพวกมันอย่างถึงที่สุด การขัดขวางพวกมันในการตามหาป้ายลาบรรพกาลสะกดสวรรค์นี้ อาณาจักรของข้ายังค่อนข้างอ่อนแอ ยากที่จะต้านทานได้ หากว่าถึงตอนนั้นแล้ว เราต้านไม่อยู่ ผนึกจะต้องถูกทาลายอย่างแน่นอน!”
“การที่ท่านมาเป็นผู้พิทักษ์อาณาจักรของข้า ไม่เพียงแต่จะมีส่วนช่วยปกป้องเส้นทางนี้ไว้เท่านั้น แต่ยังสามารถทําให้โลกมนุษย์ปลอดภัยขึ้นกว่าเดิมด้วย”
“นี่….” เริ่นเต๋อเงียบไป หากพูดถึงความสําคัญ ตอนนี้เส้นทางนี้ยังคงไม่มีปัญหาชั่วคราว ดังนั้นหากจะไปช่วย ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ถึงยังไง หน้าที่ของพวกเขาก็คือการปกป้องโลกมนุษย์เอาไว้ ดังนั้น การที่ไปขัดขวางผู้รุกรานพวกนี้ ก็ไม่ได้ผิดต่อสัญญาแต่อย่างใด
“ก็ได้ ในเมื่อนายน้อยออกปาก พวกเราก็จะเป็นผู้พิทักษ์ให้ท่าน!” เริ่นเต๋อเลือกที่จะรับปาก “ไม่ทราบว่า อาณาจักรของนายน้อยคืออาณาจักรไหนกัน?”
ในเมื่อเทียนหยุนเป็นนายน้อยของพวกเขา พวกเขาย่อมต้องทําตามคําแนะนําของเขา
“อาณาจักรเทียนหยุน ไม่ทราบว่าท่านเคยได้ยินหรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนยินดีที่ตอบคําถามนี้อย่างยิ่ง
“อาณาจักรเทียนหยุน… หรือว่านายน้อยจะเป็นมหาจักรพรรดิของอาณาจักรเทียนหยุน?” เริ่นเต่อตกใจอย่างมาก อายุของเขาตอนนี้พอๆ กับหลานชายเขาเลย แต่ว่ากลับสามารถโค่นอาณาจักรชื่อหลงลงได้แล้ว นี่มันช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ
ข่าวลือนั้นมีออกมามากมาย บอกว่ามหาจักรพรรดิของอาณาจักรเทียนหลงนั้นยังเด็ก แน่นอนว่ายังมีบางข่าวลือที่บอกว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่า เริ่นเต๋อมองดูอี้เทียนหยุนที่ยังเด็ก ทันใดนั้นก็คิดขึ้นมาว่า สมแล้วที่เป็นผู้สืบทอดของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน
“ใช่ ดูเหมือนว่าท่านจะเคยได้ยินชื่อข้ามาก่อน” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขุมกําลังของอาณาจักรเทียนหยุนนั้นอ่อนแอจริงๆ เอาไว้ลูกชายของข้าและภรรยาของเขากลับมา ข้าจะให้พวกเขาไปสนับสนุนท่าน!” เริ่นเต๋อพูดอย่างจริงจัง
อี้เทียนหยุนยิ้ม การมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่าแล้ว เป้าหมายที่มาก็เพื่ออัญเชิญผู้พิทักษ์ ทั้งยังไม่จําเป็นต้องพูดให้เปลืองแรงด้วย
ขุมกําลังของอาณาจักรเทียนหยุนนั้นอ่อนแอมากจริงๆ เมื่อไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยปกป้องก็ยากที่จะสนับสนุน หากว่าเขากลับมาไม่ได้ชั่วคราว นั่นคงเป็นปัญหาแล้ว
แม้ว่าเขาจะไปยังโลกใต้พิภพเพื่อทําการกวาดล้าง และป้องกันการโจมตีที่โลกใต้พิภพได้ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะป้องกันการโจมตีที่มุ่งสู่โลกมนุษย์ได้!