ตอนที่ 631: สะกดข่มทุกทาง
“อ๊ากกก…..”
เสียงโหยหวนดังออกมาจากท้องพระโรงไม่หยุด หลังจากที่ถูกเปลวเพลิงสัมผัสร่าง แต่ละคนต่างก็ทำการสละชิ้นส่วนร่างกายส่วนนั้นของตนอย่างรวดเร็ว ส่วนบางคนที่โดนเปลวเพลิงเข้าที่หัว ก็รอสวดศพของตัวเองได้เลย
เปลวเพลิงนี้พวยพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วเกินไป ทำให้ทั่วทั้งท้องพระโรงปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงนี้ และไม่ว่าพวกเขาจะพยายามดับยังไงก็ไร้ประโยชน์ อย่างมากก็ทำได้เพียงแค่ชะลอการเผาไหม้ของมันลงเท่านั้น หากคิดจะดับมัน ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก
ตอนนี้ได้มีขุนนางตายไปหลายคนแล้ว ส่วนคนที่หนีไปได้บางคนก็ต้องทะลายแขนหรือขาของตน แต่ส่วนใหญ่จะบาดเจ็บสาหัสกัน
“ไท่ซ่างหวงจะไม่แพ้ จะต้องไม่แพ้…..” พวกเขาเชื่อว่าไท่ซ่างหวงจะไม่พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว พวกเรายังมีโอกาสสวนกลับอยู่
ที่จริงแล้วไม่ว่าจะมีโอกาสสวนกลับหรือไม่ แต่อาณาจักรกานหยวนของพวกเขาก็ได้สูญเสียอย่างหนักแล้ว ขุนนางพากันตายลงหลายคน พริบตาก็เหลือกันอยู่ไม่ถึงครึ่ง แล้วอย่างนี้จะไปเอาแรงที่ไหนไปสวนคืน? หากว่าไม่ไปหาเรื่องอี้เทียนหยุน พวกเขาก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ตอนนี้พวกเขาพากันรู้สึกเสียใจแล้ว ใครกันนะที่คิดไปหาเรื่องปีศาจตนนี้เข้า?
จากนั้น ลำแสงสีเขียวก็ยิงขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกัน แสงสีเขียวขั้นกระโดดขึ้นไปพร้อมกันกับเปลวเพลิง นั่นไม่ใช่ไท่ซ่างหวงกานหยวนหรอกเหรอ หลังจากที่ผู้คนได้เห็น ก็เตรียมที่จะส่งเสียงโห่ร้องออกไป แต่เมื่อเห็นชัดๆ ก็เหมือนกับว่าที่คอของพวกเขามีมือขนาดใหญ่กำลังบีบไว้อยู่ จนแทบจะหายใจไม่ออก ร่างของไท่ซ่างหวงตอนนี้แทบจะลุกไหม้ไปหมดทุกส่วน แขนข้างหนึ่งได้หลุดขาดออกไปโดยสมบูรณ์ กลายเป็นขี้เถ้ากองหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนสถานที่อื่นๆ ที่เหลือก็ไม่ได้ดูดีเลย แต่ละแห่งต่างก็ถูกเผาจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ โชคดีที่เขายังสามารถต้านทานการเผาไหม้อย่างต่อเนื่องของเปลวเพลิงนี้เอาไว้ได้ ทำให้ไม่ได้เป็นเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ยังต้องสูญเสียอวัยวะบางส่วนไปอยู่ดี
และเมื่อมาดูทางฝั่งอี้เทียนหยุนนั้นกลับไม่มีเรื่องมีราวอะไร ร่างกายของเขายังคงปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงเหมือนก่อนหน้า อากาศรอบๆ ตัวเขา 3 เมตรล้วนแต่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีดำ ตราบใดที่เข้าไปใกล้เขาในระยะ 3 เมตรนี้ ก็จะต้องติดไฟในทันที เป็นพลังที่น่าสะพรึงจนทำให้พวกเขาต้องพากันตัวสั่น
ไท่ซ่างหวงที่แข็งแกร่งที่สุดของเขากลายเป็นง่อยไปแล้วหรือไง? ถึงกับถูกอีกฝ่ายสยบเอาไว้โดยที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้เลยสักนิด
“ช่างเป็นเปลวเพลิงที่ทรงพลังมากจริงๆ ถึงกับสามารถสยบกายาพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ของข้าเอาไว้ได้…..” สีหน้าของไท่ซ่างหวงกานหยวนกลายเป็นน่าเกลียด เขาไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะมีเปลวเพลิงที่ร้ายกาจขนาดนี้อยู่
เปลวเพลิงนี้สยบพลังของเขาได้อย่างอยู่หมัด หากเปลี่ยนเป็นธาตุอื่นเขาไม่แม้แต่จะแยแส ที่เขากลัวที่สุดก็คือเปลวเพลิงนี้เท่านั้น มันสามารถเผาไหม้ทุกอย่างของเขาได้อย่างง่ายดาย!
“ความเสียหายแต่ธาตุที่แพ้ทางนี่ช่างแข็งแกร่งจริงๆ” อี้เทียนหยุนรู้สึกพอใจอย่างมากต่อความเสียหายที่เพิ่มขึ้นเมื่อโจมตีใส่ธาตุที่แพ้ทาง
ในสภาพที่แพ้ทางกัน ทำให้พลังโจมตีของเขาเพิ่มขึ้นอีก 50% จนทำให้พลังรบของเขาพุ่งขึ้นจนเกือบจะไปแตะระดับ 1 หมื่นล้าน! พลังที่เพิ่มขึ้นจนท้าทายสวรรค์นี้ ใครใช้ให้อีกฝ่ายเป็นธาตุที่แพ้ทางกันล่ะ?
ก่อนหน้านี้เขาต้องการจะสู้ให้สมใจ แต่ตอนนี้ทำเอาเขามีข้อสงสัยขึ้นเล็กน้อยแล้ว? กายาพฤกษาศักดิ์สิทธิ์อะไรนี่ ในสายตาของเขานั้นกลับเป็นดั่งเชื้อเพลิง เชื้อเพลิงที่พร้อมจะลุกไหม้
“ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าจะทำให้ข้าต้องหมอบกราบอย่างงั้นเหรอ? ตอนนี้ก็มาทำให้ข้าหมอบกราบดูสิ ข้ากำลังรออยู่” อี้เทียนหยุนเดินเข้าไปหาไท่ซ่างหวงกานหยวนทีละก้าว ไม่เกรงกลัวพลังของเขาแม้แต่น้อย
ไท่ซ่างหวงกานหยวนไม่ตอบ เพียงยกมือข้างที่เหลือขึ้นมาอย่างสั่นเทา จากนั้นก็ปลดปล่อยพลังชีวิตในร่างออกมาอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้น แขนข้างที่ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้า ก็ได้งอกออกมาอีกครั้ง
พลังประเภทงอกแขนออกมานี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขา เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพลังสนับสนุนอะไร ก็สามารถงอกแขนที่ขาดออกมาใหม่ได้
ซึ่งนี่ก็คือพลังของกายาพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายของเขาก็เป็นเหมือนกับกิ่งไม้ ที่สามารถงอกกิ่งและใบขึ้นมาใหม่ได้ โดยที่ไม่มีข้อจำกัด สามารถงอกออกมาใหม่ได้เหมือนเดิม
“เคล็ดวิชาพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ หมื่นพฤกษารวมศูนย์!”
ไท่ซ่างหวงกานหยวนไม่นั่งรอความตาย นัยน์ตาทั้งคู่ของเขาปลดปล่อยลำแสงสีเขียวออกมา จากนั้นก็พุ่งลงไปยังพื้นดินด้านล่าง แสงสีเขียวทำการซึมลึกลงไป จากนั้น ต้นไม้นับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาจากพื้น ก่อนที่กิ่งก้านสาขาของต้นไม้เหล่านั้นจะพุ่งไปยังที่ที่อี้เทียนหยุนอยู่
พริบตา ทั่วทั้งอาณาจักรกานหยวนก็สั่นไหว แม้แต่พื้นดินรอบๆ ก็ไหวสั่น!
พลังวิญญาณรอบๆ ต่างก็ถูกดูดออกมาอย่างต่อเนื่อง มองจากภายนอกนั้น เหมือนกับว่าพลังบนโลกกำลังพากันส่องแสง พร้อมกับถูกบีบบังคับให้มารวมกันด้วยพลังบางอย่าง อัดแน่นอยู่ในท้องพระโรงนี้
“นี่มันอะไรกัน เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นอย่างงั้นเหรอ…..”
ผู้คนที่อยู่นอกเมืองกานหยวนพากันสังเกตเห็นละอองแสงที่หลั่งไหลเข้าไปด้านใน เหมือนกับหิ่งห้อยกลางคืน ซึ่งกำลังเปล่งแสงเล็กๆ เหมือนกับดวงดารา
ผู้ฝึกตนจำนวนมากรู้สึกว่าพลังวิญญาณรอบๆ ตนได้ระเหยไปอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาไม่สามารถฝึกฝนต่อไปได้ สถานการณ์นี้เป็นอะไรที่ผิดปกติมาก มีเพียงแต่ใครสักคนเปิดใช้งานค่ายกลรวมวิญญาณขนาดมหึมาสุดๆ เท่านั้น ถึงจะทำให้เกิดช่วงเวลาที่พลังวิญญาณเหือดแห้งเหมือนอย่างตอนนี้
“ใครเปิดใช้งานค่ายกลรวมวิญญาณขนาดใหญ่กัน นี่จะไม่ให้ใครเขาได้ฝึกกันเลยหรือไง?”
และเมื่อพวกเขาออกมาจากห้องฝึกตนพร้อมกับมองเห็นละอองดาวที่บนหัวก็ได้พากันตกตะลึง หากมองจากไกลๆ คงนึกว่าเป็นปาฏิหาริย์อะไรสักอย่าง โดยเฉพาะยามเมื่อเห็นละอองแสงพวกนี้ไหลเข้าไปรวมกับในตำหนักหลักในเมืองกานหยวน ก็ทำให้ไม่มีใครกล้าบ่นอะไรออกมาอีก
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามหาจักรพรรดิกานหยวนของพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่สาหัสอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในท้องพระโรงก็ดูน่าทึ่งอย่างมาก ทุกที่ล้วนแต่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุม ความสูงของมันถึงขนาดทำลายหลังคาขึ้นไปข้างนอก และในขณะที่ต้นไม้พวกนี้โผล่ขึ้นมา เปลวเพลิงก็เริ่มทำการเผาไหม้พวกมันอย่างบ้าคลั่ง
“ดับมันให้ข้า!”
ไท่ซ่างหวงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ปลดปล่อยลำแสงสีเขียวในร่างออกมาถึงขีดสุด ต้องการดับเปลวเพลิงสีดำนี้ให้ได้ ยังไงก็ตาม หากเทียบกับเปลวเพลิงนี้แล้ว เขาให้ความสนใจไปยังอี้เทียนหยุนมากกว่า ต้องการดูว่าต้นไม้นับไม่ถ้วนพวกนี้พุ่งเข้าใส่เขาแล้ว เขาจะเป็นยังไง
“ปัง!”
จากนั้น ก็ได้มีมังกรดำโผล่ออกมาจากด้านใน ทุกที่ที่มันเห็น ต่างก็ถูกมันเข้าไปกัดให้ครั้งหนึ่ง และเมื่อดูดีๆ แล้ว ก็พบว่ามังกรดำพวกนี้ก็คือมังกรไฟที่อี้เทียนหยุนปล่อยออกมา พร้อมกับกำลังสร้างหายนะให้กับพื้นที่รอบๆ อย่างบ้าคลั่ง
จากนั้น ก็มีมังกรดำตัวหนึ่งจากหลายตัวอ้าปากเข้าใส่เขามาแต่ไกล ทำให้ไท่ซ่างหวงกานหยวนไม่มีเวลาหลบ เขาจะไปคิดได้ยังไงว่าอี้เทียนหยุนจะสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่น่าสะพรึงนี้ออกมาได้
“ปัง!”
พร้อมกับคลื่นเปลวเพลิงที่กระจายออกมา ไท่ซ่างหวงก็ลุกไหม้ในพริบตา พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องออกมา พร้อมกับปลดปล่อยแสงสีเขียวจากในร่างตนออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทำการรักษาร่างกายตัวเองไม่หยุด แต่ไม่มีทางที่จะต้านทานการเผาไหม้ที่น่าสะพรึงนี้ได้
จากนั้น หางตาของไท่ซ่างหวงกานหยวนก็เหลือบไปเห็นร่างของอี้เทียนหยุนที่กลายเป็นขนาดใหญ่ พร้อมกับมีเขาสองเขางอกออกมาจากบนหัวของเขาอย่างไม่คาดคิด ดูแล้วเหมือนกับเทพมารที่ปีนขึ้นมาจากก้นบึ้งของนรก ทำให้โลกเต็มไปด้วยความมืด!
“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ…..” มหาจักรพรรดิกานหยวนร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว เห็นร่างเสด็จพ่อของตนปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงเช่นนี้ ทำเอาเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ขณะที่ในใจตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวไปเรียบร้อยแล้ว
นี่คือสงครามระดับราชาเซียน พวกเขาทำได้เพียงดูอยู่ข้างๆ เท่านั้น แต่ต่อให้ดูอยู่ข้างๆ เพียงแค่ลูกหลงเล็กๆ ก็สามารถเอาชีวิตพวกเขาไปได้แล้ว ในตอนนี้พวกเขาต่างก็พบแล้วว่า ตัวเองนั้นต่างชั้นกับระดับราชาเซียนขนาดไหน นี่เป็นความต่างชั้นที่ใหญ่จนคิดไม่ถึงจริงๆ!
ความต่างนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่สำคัญคือการเผชิญหน้ากับอี้เทียนหยุนที่มีธาตุที่พวกตนแพ้ทาง จึงทำให้ความต่างที่เห็นนั้นต่างกันอย่างเห็นได้ชัด หากว่าเปลี่ยนเป็นผู้ที่มีธาตุอื่น คงไม่มีทางที่จะบดขยี้อีกฝ่ายได้ง่ายขนาดนี้