ตอนที่ 632: ยอมจำนนหรือ ไม่ต้องการ!
(อาณาจักรกานหยวนและอาณาจักรเฉียนหยวนที่เป็นอาณาจักรอันดับ 2 นั้นเป็นอาณาจักรเดียวกันนะครับ พอดีเพิ่งสังเกต ปกติจะกดฟังเสียงเอาแล้วเอาตามที่ได้ยินมาแปล ตอนนั้นผมเลือกใช้คำว่าเฉียนหยวนซึ่งเป็นคำอ่านที่เอาไปใส่อีกเว็บและฟัง แต่เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับผู้พิทักษ์ก็เลยไม่ได้คิดว่าเป็นอาณาจักรเดียวกัน พอได้ยินว่ากานหยวนก็เลยเอากานหยวนเลย เพิ่งเห็นว่าเป็นอาณาจักรเดียวกันก็ตอนที่จะจบพาร์ทของเรื่องนี้แล้ว)
ขณะที่เปลวเพลิงกำลังลุกไหม้ อี้เทียนหยุนก็กลับจากสภาพเทพมาร กลายเป็นสภาวะปกติที่ทั้งร่างปกคลุมด้วยชุดเกราะสีดำ ดูแล้วไม่เหมือนกับเทพมารจุติ แต่เหมือนกับมารร้ายที่ทรงพลังมากกว่า
เขาไม่จำเป็นต้องใช้หมัดที่ร้ายกาจที่สุดเพื่อจัดการกับไท่ซ่างหวงกานหยวนผู้นี้ เพราะการจัดการกับเขานั้นเป็นเรื่องที่ผ่อนคลายมาก อี้เทียนหยุนไม่ได้วางแผนว่าจะจัดการกับเขาในทันที แต่อยากจะทรมานเขาก่อน
ละทิ้งหน้าที่ แถมยังต้องการสังหารผู้สืบทอดของเจ้านายตนอีก การจะสังหารอีกฝ่ายไปทั้งอย่างนี้เลย มันออกจะง่ายเกินไป
“ฟู่ววว พรึบ….”
หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุด ไท่ซ่างหวงกานหยวนก็ได้สะกดเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ร่างของตนได้ แต่ทั้งร่างของเขาตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนพิการ ทั้งตัวไม่มีเนื้อส่วนไหนที่จะเรียกว่าดีได้เลย คราวนี้เขาถูกเผาทั่วทั้งตัว แม้แต่แขนกับขายังถูกเผาจนไม่เหลือ
จากนั้น เขาก็ปลดปล่อยพลังชีวิตที่แข็งแกร่งออกมารักษาร่างกายของตนไม่หยุด แต่ว่าความเร็วในการรักษาในคราวนี้กลับช้ามากหากเทียบกับก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะสามารถงอกอวัยวะที่ขาดขึ้นมาใหม่ได้ แต่ว่าตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขานั้นสาหัสเกินไป ทำให้พลังวิญญาณที่ต้องใช้ในการฟื้นฟูมหาศาลตามไปด้วย
ในสภาพอย่างปัจจุบันนี้ เขาจำเป็นต้องใช้เวลาในฟื้นตัวที่นานขึ้น ในพริบตา ไท่ซ่างหวงที่พวกเขาต่างก็พากันเคารพบูชาก็ได้ถูกเผาจนสภาพดูไม่ได้ ทั้งไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในทันทีอีกด้วย ทำให้ความเคารพบูชาของพวกเขาที่มีต่ออีกฝ่ายต่ำลงไปในทันที
“เป็นยังไง รู้สึกดีหรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนเอ่ยขึ้นอย่างเฉยชา
“ไม่ ไม่ต้องสู้แล้ว ข้าเต็มใจจะกลับไปเป็นผู้พิทักษ์ตามเดิม…..” เขารีบหยุดอี้เทียนหยุนก่อนที่จะโจมตีเข้ามาอีกครั้ง ตอนนี้เขารู้ความน่ากลัวของอีกฝ่ายแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไรไป อีกฝ่ายก็สามารถโต้กลับมาได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีความสามารถพอที่จะสังหารเขาได้ด้วย
“เจ้าคิดว่าตอนนี้ยังจะมีโอกาสอีกอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนส่ายหัว เขาไม่คิดจะให้โอกาสอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ในเมื่อเรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายจะกลับไปทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ แต่ก็ไม่ส่งผลอะไรเท่าไหร่
เพราะในอีกร้อยปีให้หลัง ยังไงผนึกก็ต้องถูกทำลาย หากจะให้ปล่อยคนที่ในใจคิดจะสังหารเขานั้น แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้
อี้เทียนหยุนเป็นคนที่ไม่ปล่อยคนที่คิดร้ายกับตนเอาไว้ เขาไม่เคยบอกว่าตนเองเป็นคนดี และก็ไม่ได้ใจอ่อนเหมือนผู้หญิง ตราบใดที่เป็นศัตรูกับเขา เขาก็จะสังหารโดยไม่มีการละเว้น!
ต่อให้โลกจะถูกทำลาย เขาก็จะทำ ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรก็ต้องฆ่า! หากว่าการฆ่าฝั่งตรงข้ามแล้วโลกจะถูกทำลาย งั้นก็ปล่อยให้ถูกทำลายไปเถอะ
ตราบเท่าที่หาเรื่องเขา ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ข้า มหาจักรพรรดิกานหยวน ขอยอมแพ้ต่อท่าน ขอสาบานว่าจะเป็นทาสของท่านตลอดชีวิต….” เขาร้องออกมาไม่หยุด ขณะที่ฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็หันไปตวาดใส่เหล่าขุนนางที่เหลืออยู่ “พวกเจ้ายังจะยืนบื้อทำอะไรอีก รีบคุกเข่าลงเร็วเข้า!”
เหล่าขุนนางที่ยังเหลืออยู่หวาดกลัวถึงขีดสุด พร้อมกับรีบหมอบกราบเข้ามาขณะที่ในใจเต็มไปด้วยความกลัว แต่ละคนไม่มีใครกล้ามองไปที่อี้เทียนหยุนสักคน แม้แต่ความคิดที่จะแก้แค้นสักนิดก็ไม่กล้ามี
ก่อนหน้านี้พวกเขาแต่ละคนต่างก็อวดดี แต่ตอนนี้เหมือนกับถูกน้ำเย็นราดใส่ ดับความอวดดีของพวกเขาจนสิ้น ในตอนนี้นอกจากยอมจำนนแล้ว ก็ไม่มีหนทางอื่น
“พะ พวกกระหม่อมขอยอมแพ้ จะถือเอามหาจักรพรรดิเทียนหยุนเป็นดั่งมหาจักรพรรดิของพวกเรา…..”
เหล่าขุนนางแตกตื่นถึงขีดสุด นี่ทำให้พวกเขารู้แล้วว่าทำไมอาณาจักรชื่อหลงถึงได้ถูกทำลาย เผชิญหน้ากับมหาจักรพรรดิที่น่าสะพรึงขนาดนี้ แล้วใครยังจะกล้าไม่ยอมจำนนอีก?
ใครต่อต้านก็ฆ่าคนนั้น แล้วใครจะกล้าหยุดเขากัน?
อี้เทียนหยุนมองไปที่พวกเขาด้วยสายตาเย็นชา มหาจักรพรรดิกานหยวนตอนนี้กำลังหมอบกราบอยู่บนพื้น ความอวดดีก่อนหน้านี้ได้หายไปสิ้น เรื่องเสียเกียรติอะไรนั่นในตอนนี้ไม่มีเหลืออยู่ในสมองของเขาอีกต่อไป จะเหลือก็เพียงความหวาดกลัวเท่านั้น
“ข้า ข้าขออภัยกับคำพูดก่อนหน้านี้ ข้าไม่ควรพูดอย่างนั้นเลย…..” มหาจักรพรรดิกานหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว นี่จะไปเหมือนกับราชาผู้หนึ่งได้ยังไง นี่มันก็แค่ตัวขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้น
เขาไม่มีเกียรติแห่งราชาเลยสักนิด เมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่เหนือกว่า เขาก็จะมีแต่ท่าทางเช่นนี้ ทำได้เพียงยอมจำนนเท่านั้น! มีแต่ผู้ที่รู้ว่าเวลาไหนควรไม่ควรเท่านั้นถึงจะเป็นผู้ที่โดดเด่น แม้ว่าจะหมายความว่าต้องเสียหน้าเล็กน้อย แต่การยอมจำนนต่อหน้าราชันย์ผู้ไร้เทียมทานคนหนึ่ง ไม่ถือว่าเป็นการเสียเกียรติเลย
“อืม ข้ายอมรับการยอมจำนนของเจ้า….” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา
ในใจขุนนางนับไม่ถ้วนพากันมีความสุขวาบขึ้น แต่ในขณะที่พากันเงยหน้าขึ้นมานั้น สิ่งที่ต้อนรับพวกเขากลับเป็นเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลุ่มหนึ่ง โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว พวกเขาก็ถูกเปลวเพลิงพวกนี้ปกคลุมไปเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกับเสียงกรีดร้องคำหนึ่ง จากนั้นก็สลายไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นตอตะโกไปสิ้น แม้กระทั่งมหาจักรพรรดิกานหยวนเองก็ถูกเผาไปกับพวกเขาด้วย
“พวกเรายอมจำนนต่อเจ้าแล้ว แต่ทำไมเจ้าถึงได้ทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้!” ไท่ซ่างหวงกานหยวนที่กำลังรักษาแขนที่ขาดอยู่ได้คำรามออกมาด้วยความโกรธ
“ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะเต็มใจยอมจำนนต่อข้าจริงๆ แต่คิดที่จะถ่วงเวลาเท่านั้น ข้าพูดถูกไหม?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มเฉยชา “กับเจ้าที่ไม่เต็มใจที่จะเป็นผู้พิทักษ์ตามหน้าที่ที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนมอบหมายก็เหมือนกัน ในใจของเจ้ามีแต่ความรู้สึกที่จะเป็นราชาแต่เพียงเท่านั้น แล้วอย่างนี้ยังจะเต็มใจที่จะยอมจำนนด้วยผู้อื่นอย่างงั้นเหรอ?”
ไท่ซ่างหวงกานหยวนเหมือนถูกตีแผ่ความคิดของตนออกมา จึงไม่ได้พูดปฏิเสธอะไร กลับกัน ในจุดที่เท้าของเขาวางอยู่ พริบตาก็มีกลีบดอกไม้งอกขึ้นมาจากพื้นนับไม่ถ้วน ก่อนที่คลุมร่างของอี้เทียนหยุนไว้ที่ละชั้น ละชั้น
ในกลีบดอกไม้พวกนี้มีของเหลวสีเขียวส่องประกายอยู่ ซึ่งนี่ก็คือพิษ! เป็นพิษที่เขาควบกลั่นมาทั้งชีวิต และตอนนี้เขาก็ใช้มันกับอี้เทียนหยุน
เพราะว่ากะทันหันเกินไป จึงทำให้ในพริบตาก็คลุมอี้เทียนหยุนไว้ด้านในได้อย่างแน่นหนา
“ฮ่าๆๆ…. ดูสิว่าคราวนี้เจ้าจะยังไม่ตายอีกไหม! นี่คือพิษเน่าสลายนิรันกาล ต่อให้จะเป็นระดับราชาเซียน ก็ถูกพิษของข้าแทรกซึมเข้าไปอยู่ดี!” ไท่ซ่างหวงกานหยวนหัวเราะ รู้สึกเหมือนกับได้ปลดปล่อย
แม้ว่าลูกชายของเขาจะตาย แต่ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว คนอื่นตายไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่ก็พอ ส่วนเชื้อสายอะไรนั่น เขาสามารถมีใหม่ได้ และก็เหล่าขุนนางอาณาจักรอะไรนั่น เขาก็สามารถสร้างใหม่ได้เช่นกัน
เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะกลายเป็นอาณาจักรอันดับ 1 ขุมอำนาจอื่นๆ ก็ทำได้เพียงหมอบกราบต่อหน้าเขาเท่านั้น!
“ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าพิษนั่นจะร้ายแรงจริงอย่างว่าหรือว่า แต่ว่าข้าไม่ได้คิดที่จะสัมผัสมัน” อยู่ๆ ก็มีเสียงเหมือนกับปีศาจลอยมา ทำให้ไท่ซ่างหวงกานหยวนรีบหันกลับไปด้านหลังด้วยความแตกตื่น และก็พบว่าอี้เทียนหยุนมาปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“จะ เจ้า…..”
คำพูดไม่ทันจะจบ อี้เทียนหยุนก็ได้ยื่นมือมาคว้าหมับเข้าที่หัวของเขาแล้ว จากนั้นก็จับหัวเขาโขกลงกับพื้น “ปัง” พร้อมกันนั้น ก็ได้มีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่ลุกท่วมร่างของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า จนกลายเป็นมนุษย์เพลิงไป
“มีอะไรอยากจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม?” อี้เทียนหยุนพูดขณะที่ปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาอย่างบ้าคลั่ง ครั้งนี้เขาต้องทำการสังหารเขาให้สิ้นซาก ไม่ให้เขาได้มีโอกาสรักษาตัวเองอีก
“ขะ ข้ายอมแพ้แล้ว ทั้งยังยอมเป็นทาสของเจ้าตลอดชีวิต เมื่อปีศาจหลุดออกมาจากผนึก ข้าจะขอเป็นหน่วยกล้าตายคนแรก!” เขาร้องออกมาเสียงดัง หวังว่าอี้เทียนหยุนจะยอมปล่อยเขา
“มันสายไปแล้ว ตั้งแต่ที่เจ้าปฏิเสธข้าในตอนแรก จุดจบของเจ้าก็มีอย่างเดียวคือตายเท่านั้น……” อี้เทียนหยุนไม่ใจอ่อน กับคนทรยศแบบนี้ ไม่มีอะไรที่ควรค่าแก่การให้อภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่อีกฝ่ายปฏิเสธข้อเสนอของเขา
“งั้นเจ้าก็มาตายพร้อมกับข้าเถอะ!”
ไท่ซ่างหวงกู่ร้อง พร้อมกับยื่นมือข้างที่เหลือมาจับแขนอี้เทียนหยุนไว้ ขณะที่ทั่วร่างปลดปล่อยพลังที่น่าสะพรึง หวังที่จะแตกดับไปพร้อมกันกับเขา
“งั้นเจ้าก็ไปก่อนเถอะ” อี้เทียนหยุนกดมือลงไป ด้วยแรงกดที่มหาศาล ทำให้หัวของอีกฝ่ายระเบิดออก จบชีวิตไปเช่นนี้เอง……