ตอนที่ 635: 3 เรื่อง
อี้เทียนหยุนที่เห็นหญิงสาวเหล่านี้ ก็รู้ว่าในใจพวกเธอนั้นเหนื่อยยากแค่ไหน ไม่มีงานอะไรหรอกที่จะสบาย ต่อให้จะมีอำนาจที่ล้นเหลือ แต่นั่นก็ต้องมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องใช้ทุกวิถีทาง ต้องข้ามผ่านชีวิตและความตายของคนจำนวนมาก คิดว่าพวกเธอยังไงก็ต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างแสนสาหัส แต่ก็พากันกัดฟันทน
“จะร้องไห้ทำไม ไม่มีอะไรน่าร้องไห้สักหน่อย” อี้เทียนหยุนโบกมือเบาๆ เหมือนกับมือของเขาได้มีเพิ่มขึ้นอีกหลายข้าง พร้อมกับทำการลูบหางตาของพวกเธออย่างอ่อนโยน ปาดน้ำตาให้กับพวกเธอ “อาณาจักรเทียนหยุนต่อจากนี้ไปคงต้องพึ่งพวกเจ้า หากว่าเหนื่อยก็หยุดชั่วคราว พักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยไปจัดการงานต่อ”
“ฝ่าบาท พระองค์ไม่พัก แล้วพวกเราจะกล้าพักได้ยังไง?”
“ใช่ พวกเราไม่เหนื่อย เทียบกับพระองค์แล้ว ความลำบากของพวกเราถือเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย!”
พวกเธอพากันแสดงรอยยิ้มที่เจิดจ้าออกมา เทียบกับอี้เทียนหยุนแล้ว พวกเธอยังห่างไกลนัก และนี่ก็ไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่อี้เทียนหยุนออกไปข้างนอก ล้วนแต่มีสิทธิ์ที่ตายสูงมาก
ส่วนพวกเธอที่อยู่ที่นี่นั้น เทียบกันแล้วถือว่ายังปลอดภัยกว่า แล้วอย่างนี้จะให้เอามาเทียบกันได้ยังไง?
อี้เทียนหยุนยิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไร
“ที่คราวนี้ให้พวกเจ้ามา ก็เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องบอกให้รู้”
“เรื่องแรกนั้นค่อนข้างธรรมดา ข้าวางแผนว่าจะไปจากโลกมนุษย์นี้ ไปยังโลกใต้พิภพ เพื่อจัดการเรื่องบางอย่าง”
อี้เทียนหยุนสายตาเย็นชา แม้ว่าจะไม่พูดให้ชัดเจนนัก แต่พวกเธอก็รู้ว่าหมายถึงอะไร นั่นก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง! เพราะว่านี่จะเป็นปัญหาในอนาคต หากไม่กำจัดออกไป มันง่ายที่สร้างปัญหาใหญ่ ดังนั้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องกำจัดให้สิ้นซาก!
แต่ต่อให้จะไม่สามารถกำจัดอีกฝ่ายได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องสร้างความเสียหายให้กับอีกฝ่าย เอาให้อีกฝ่ายไม่มีแรงลุกขึ้นมาตอบโต้ได้อีกนาน
พวกเธอพากันพยักหน้า เข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้ดี
“เรื่องที่สองก็คือ ข้าจะไปยังโลกสวรรค์ เพื่อตามหาท่านน้า” น้ำเสียงของอี้เทียนหยุนกลายเป็นหนักขึ้น หลังจากผ่านมานาน ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ต้องไปตามหาท่านน้าในโลกสวรรค์สักที
เขาไม่รู้ว่าขุมอำนาจไหนที่เป็นคนพาชิเสวี่ยอวิ๋นไป แต่ตราบเท่าที่อยู่ในโลกสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นซอกมุมไหน เขาก็สามารถหาพบได้!
“ใช่ ต้องพาเจ้าตำหนักชิกลับมา เธอต้องเหนื่อยมากมาก การที่ต้องจากไปอย่างนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมต่อเธอจริงๆ แล้วยังเป็นเพราะการขาดความรับผิดชอบของพวกเราด้วย!”
“อืม การเสียสละของเจ้าตำหนักชินั้น เทียบกันแล้วถือว่าหนักกว่าพวกเรามาก! นี่ไม่ใช่ว่าพวกเราพูดโดยไร้ความรับผิดชอบ แต่เป็นเพราะต้องพยายามหนักกว่าทุกคนจริงๆ…..”
พวกเธอนั้นแตกต่างจากชิเสวี่ยอวิ๋น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็ให้รู้สึกละอายต่อความต้อยต่ำของตนนัก แต่แรกเลย คนที่เป็นคานให้กับอาณาจักรเทียนหยุน นั่นก็คือชิเสวี่ยอวิ๋น! ไม่ว่าอะไร เธอก็เสียสละมากกว่าทุกคน จนในท้ายที่สุด เพื่ออาณาจักรเทียนหยุนแล้ว เธอถึงกลับเลือกที่จะไปยังโลกสวรรค์
แม้จะเห็นได้ชัดว่าเป็นการคุกคาม แต่เธอก็จากไปเพื่ออี้เทียนหยุน และก็ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องไปพาชิเสวี่ยอวิ๋นกลับมาให้จงให้
เรื่องนี้มีหรือที่อี้เทียนหยุนจะไม่รู้? นานมาแล้วตั้งแต่ที่ตำหนักเทียนเฉวียน เขาก็รู้กระจ่างดี ชิเสวี่ยอวิ๋นนั้นได้ปูทางเพื่อตัวเขาโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าเขาจะอะไร ชิเสวี่ยอวิ๋นก็จะคอยสนับสนุนเรื่อยมา ไม่เคยบ่นว่าเลยสักคำ!
แม้แต่ตอนที่เขาก่อเรื่องที่ไม่มีใครจัดการได้ จนอาจจะสามารถทำให้ทุกอย่างพังพินาศ แต่ชิเสวี่ยอวิ๋นก็ยังเข้าไปจัดการ แถมยังจัดการทุกอย่างด้วยดี จนทำให้เขารู้สึกเลื่อมใส
“เรื่องนี้ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว…..” ตาของอี้เทียนหยุนเป็นประกาย จากนั้นก็มองไปยังพวกเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอีกครั้งว่า “ข้าจะต้องพาเธอกลับมาอย่างแน่นอน”
“ส่วนเรื่องที่สามนั้นก็ง่ายมาก”
หลังจากพูดจบ เขาก็โบกมือเบาๆ พร้อมกับอุปกรณ์ระดับ 3 ชิ้นปรากฏขึ้นตรงหน้า นี่เป็นสินสงครามที่เขาได้มา เขามองไปยังพวกเธอแล้วพูดว่า “อุปกรณ์ระดับเทวะสามชิ้นนี้เป็นของพวกเจ้า เลือกเอาตามที่ชอบได้เลย หากว่าไม่ถึงช่วงวิกฤตจริงๆ ห้ามนำออกมาใช้เด็ดขาด”
“อุปกรณ์ระดับเทวะ!?”
พวกเธอพากันตกใจ นี่เป็นอาวุธที่มีแต่ระดับมหาจักรพรรดิใช้กัน ตอนนี้กลับถึงตาที่พวกเธอจะได้ใช้มันจริงๆ! สำหรับพวกเธอแล้ว แค่ได้ใช้อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ถือว่าน่าตกใจพอแล้ว อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ฝึกตนระดับวิญญาณเที่ยงแท้นั้น ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว แม้แต่พวกเธอเองก็ยังไม่มีอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์หลายชิ้นขนาดนั้น
มาตอนนี้กลับได้รับอุปกรณ์ระดับเทวะ นี่ช่างทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจริงๆ
“นี่ นี่มันล้ำค่าเกินไป ฝ่าบาทเก็บไว้ใช้ป้องกันตัวเองเถิดเพคะ!”
พวกเธอพากันพยักหน้าหงึกหงัก แม้ว่าจะล้ำค่ามาก แต่พวกเธอคิดว่าอี้เทียนหยุนเก็บมันไว้ป้องกันตัวเองดีที่สุด
“ตอนนี้พวกเจ้าเป็นกระดูกสันหลังของอาณาจักร อุปกรณ์ระดับเทวะพวกนี้มอบให้พวกเจ้าเป็นคนจัดการ นี่ก็ถือเป็นความรับผิดชอบหนึ่งของพวกเจ้า!” อี้เทียนหยุนพูดด้วยสีหน้าที่ห้ามปฏิเสธ “ข้าให้พวกเจ้ารับไว้ก็รับเอาไว้เถอะ เจ้าคิดว่าข้าจะไม่เหลือไว้กับตัวเลยหรือไง?”
“เพคะ…..”
พวกเธอทำได้เพียงยอมรับมาอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่ในใจยังคงรู้สึกกังวล
“เรื่องส่วนใหญ่ข้าก็ได้มอบหมายหมดแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว” อี้เทียนหยุนลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าเชื่อว่านับจากนี้ไป อาณาจักรเทียนหยุนจะต้องรุ่งโรจน์ยิ่งกว่านี้ ไม่เพียงแต่ในโลกมนุษย์เท่านั้น แต่จะรุ่งโรจน์ในโลกสวรรค์ หรือแม้แต่โลกใต้พิภพด้วย!”
พวกเธอตาเป็นประกาย ขณะที่ในใจรู้สึกตื่นเต้น งั้นอี้เทียนหยุนก็ไม่แค่ต้องการยิ่งใหญ่แค่ในโลกมนุษย์เท่านั้น แต่ยังคงต้องการยิ่งใหญ่ในโลกสวรรค์และโลกใต้พิภพด้วย นี่เขาคิดจะครอบครองทั้งสามโลกเลยหรือไง?
คนอื่นเมื่อหมดเรื่องแล้วก็พากันจากไปตามลำดับ จะเหลือก็แต่เย่ชิงเสวียนที่ยังไม่จากไปในทันที
“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีของสิ่งหนึ่งจะมอบให้กับพระองค์…..” เย่ชิงเสวียนคิด พร้อมกับหยิบอักษรรูนออกมา
“อักษรรูนโลกเทวะ(ก่อนหน้านี้เคยแปลว่าค่ายกลโลก)!” หลังจากอี้เทียนหยุนได้เห็น สายตาก็พลันหดแคบลงในทันใด “เจ้าทำอะไร คิดจะฆ่าตัวตายหรือยังไง ทำไมเจ้าถึงทำอย่างนี้!”
อักษรรูนโลกเทวะนี้มีพลังน่าสะพรึงมาก และก็มีแค่เผ่าภูตเท่านั้นที่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ แต่การจะสร้างมันขึ้นมาได้นั้น จำต้องผลาญแกนโลหิตของตน ก่อนหน้านี้เย่ชิงเสวียนก็เคยให้เขามา พลานุภาพของมันนั้นน่าทึ่งอย่างแท้จริง แต่เพราะต้องผลาญแกนโลหิต ดังนั้นเขาจึงไม่ให้เย่ชิงเสวียนสร้างมันขึ้นมาต่อ
“หม่อมฉันยังมีหยกโลหิตที่พระองค์ให้มาก่อนหน้านี้อยู่ ดังนั้นหม่อมฉันจึงสามารถฟื้นฟูแกนโลหิตได้ในภายหลัง” เย่ชิงเสวียนมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย “หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์ที่อยู่ด้านนอกนั้นอันตรายมาก ดังนั้นจึงได้แต่สร้างสิ่งนี้ออกมา ถึงยังไงตอนนี้พระองค์ก็เป็นราชาของพวกเรา เป็นกษัตริย์คนสำคัญ….”
อี้เทียนหยุนจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาคู่งามของเธอ พร้อมกับความรู้สึกที่สั่นไหวอยู่ข้างใน หากว่าเขาล้มลง อาณาจักรเทียนหยุนก็จะถึงจุดจบ อย่างน้อยก็ในปัจจุบันนี้
“วางใจเถอะ ข้าจะไม่เป็นอะไรหรอก” อี้เทียนหยุนรับมา พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “และก็ด้วยเหตุนี้ ข้าก็จะไม่มีวันต้องใช้อักษรรูนโลกเทวะนี้ด้วย”
เขาเก็บอักษรรูนนี้เข้าไปยังช่องเก็บไอเทม นี่เป็นเหมือนกับท่าไม้ตายสำหรับเขา ดังนั้นจึงต้องเก็บไว้ใช้ท้ายสุด
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี” เย่ชิงเสวียนยิ้ม จากนั้นก็จากไป
มองดูหลังพวกเธอจากไป อี้เทียนหยุนก็รู้สึกว่าความรับผิดชอบของตนนั้นยิ่งใหญ่ จำเป็นต้องแบกรับทุกอย่างของอาณาจักรเทียนหยุนไว้บนบ่า
“คงได้เวลาต้องไปแล้ว ให้ข้าดูหน่อยสิว่า แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงของพวกเจ้ามีขุมกำลังที่แข็งแกร่งสักแค่ไหน!”
อี้เทียนหยุนหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ หลังจากนั้นก็ปรากฏขึ้นที่ด้านนอก พร้อมกับบินไปยังทางผ่านใต้พิภพด้วยความเร็วสูงสุด ทำให้ทุกทางที่เคลื่อนผ่านราวกับมีลมพายุ ขณะที่เข้าสู่เส้นทางใต้พิภพ กฎข้อห้ามที่เกี่ยวกับการบินก็ไม่สามารถใช้กับเขาได้
เพราะว่าเขาได้พลังของผู้พิทักษ์มาครอบครอง ดังนั้น ข้อจำกัดจึงไม่มีส่งผลต่อเขาแม้แต่น้อย ทำให้เขาสามารถบินได้ตามใจ
และในขณะที่บินอยู่นั้น ผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้ๆ แม่น้ำใต้พิภพที่กำลังตัดไม้เพื่อต่อเรืออยู่ ก็ได้เห็นคนกำลังบินผ่านไป ทันใดนั้นก็ได้แสดงความตกใจออกมา
“นี่ข้ากำลังตาฝาดอยู่ใช่ไหม ทำไมถึงได้เห็นคนกำลังบินอยู่ล่ะ?”
“บินอยู่จริงๆ ด้วย ไม่ใช่ว่าที่นี่เขาห้ามบินอย่างงั้นเหรอ?”
“ให้ข้าลองดู…. ผายลมเอ๊ย บินไม่ได้ แล้วทำไมเจ้านั่นถึงบินได้กัน?”
ผู้ฝึกตนพากันมองไล่หลังเขาที่หายไปอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางโง่งม