ตอนที่ 636: ภารกิจฉุกเฉิน
ณ โลกใต้พิภพ แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ผู้ฝึกตนในโลกมนุษย์แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว? พวกเราะส่งผู้เชี่ยวชาญไปจำนวนมาก แต่กลับไม่สามารถโค่นอาณาจักรเล็กๆ ในโลกมนุษย์ได้อย่างงั้นเหรอ?
ราชครูแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง จี้หยางขวางสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าด้วยความโกรธ เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่ใกล้ๆ ก็พากันร่างสั่นเทา กังวลว่าเดี๋ยวจะมีฝ่ามือฟาดเข้าที่หน้าของพวกเขา เมื่อถึงตอนนั้น แม้แต่หัวก็ไม่อยู่บนคอแล้ว
“จากข่าวที่ได้มา อาณาจักรเทียนหยุนนี้ร้ายกาจมาก อีกฝ่ายเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับราชาเซียน ทำให้อาณาจักรที่พวกเราร่วมมือด้วยต้องพังพินาศสิ้นในท้ายที่สุด…..”
ขุนนางที่กำลังคุกเข่าด้วยความสั่นเทา รีบกล่างบอกสาเหตุให้ราชครูที่อยู่ตรงหน้าฟัง เพื่อไม่ต้องการให้มีคนต้องถูกฆ่าด้วยความใจร้อน ไม่ว่าเจ้ามีฐานะแบบไหน แต่หากเห็นเป็นที่ขัดตา ก็จะถูกลงมือจนตายในกระบวนท่าเดียว
ซึ่งนี่เป็นสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุด ในสภาวะปกตินั้น อย่างมากก็แค่ถูกตบเข้าที่หน้าเท่านั้น พร้อมกับได้รับบาดเจ็บบางส่วน ซึ่งใช้เวลารักษาแค่ไม่นานก็หายแล้ว แต่แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น ก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะถูกตบเข้าที่หน้าหรอกจริงไหม
“มีผู้ฝึกตนระดับราชาเซียนบนโลกมนุษย์ด้วยอย่างงั้นเหรอ?” สายตาของจี้หยางหรี่แคบลง พร้อมกับความรู้สึกที่เหมือนไม่อยากจะเชื่อ
สถานการณ์ในโลกมนุษย์นั้นเขาเข้าใจดี มันมีการจำกัดที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง อีกทั้งพลังวิญญาณยังค่อนข้างเบาลาง การที่สามารถมีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนขึ้นมานี้ ดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเท่าไหร่
“ครับ จากข้อมูลที่ได้มาจากแนวหน้าบอกไว้อย่างนั้น” ขุนนางรายงาน
“ขยะ!” จี้หยางตบฝ่ามือฟาดใส่อากาศ “เปรี้ยง” ส่งขุนนางผู้นี้ปลิวกระเด็นไป พร้อมกับปากที่แหลกละเอียด เหลือเพียงลมหายใจรวยริน
ในใจขุนนางที่คุกเข่าอยู่ใกล้ๆ พากันรู้สึกเย็นยะเยือก รู้สึกขนลุกวาบ บอกตีเป็นตี ไม่มีการปรานี และที่สำคัญคือขุนนางผู้นี้ยังไม่ทันได้ทำอะไร เพียงแค่รายงานสิ่งที่ได้รับมาเท่านั้น เขาแค่เป็นคนรวบรวมข้อมูล ยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็มาถูกโจมตีจนอยู่ในสภาพสาหัสอย่างนี้แล้ว
“มาลากมันออกไป เอาไปรักษา!” จี้หยางมองไปยังขุนนางที่นอนอยู่ตรงนั้น จากนั้นก็หันมามองยังพวกเขา แล้วพูดขึ้นมาว่า “ก็แค่ขยะ เรื่องง่ายก็จัดการไม่ได้ แม้แต่ข้อมูลยังสืบมาได้ไม่ละเอียด แล้วจะไปทำอะไรได้!”
“อาณาจักรชื่อหลงเป็นอาณาจักรหุ่นเชิดของพวกเรา คอยจัดการช่วยเหลือพวกเราอย่างดี แต่ใครจะรู้ว่าจะมาถูกทำลายไปจริงๆ! เรื่องนี้ต้องสืบให้ละเอียด ไม่ใช่ว่าข้าเคยบอกพวกเจ้าไปแล้วหรอกเหรอ!”
“เป็นพวกเราทำงานสะเพร่า ขอท่านราชครูลงโทษด้วย!” พวกเขาทำได้เพียงก้มหัวลง พร้อมกับยอมรับความผิดของตน
ไม่ใช่ว่าในใจพวกเขาจะไม่โกรธ แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้จี้เทียนบอกให้รีบโค่นอาณาจักรเทียนหยุนลงโดยไว แล้วตอนนี้ยังจะให้พวกเขาทำการตรวจสอบให้ละเอียด งั้นทำไมตอนแรกถึงไม่ให้พวกเขาตรวจสอบให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยลงมือกันล่ะ? ก็ไม่ใช่เพราะจี้เทียนบอกให้พวกเขารีบลงมือให้เร็วหน่อยหรอกเหรอ แล้วอย่างนี้จะให้พวกเขาเอาเวลาที่ไหนไปตรวจสอบให้ละเอียดกัน?
หากว่าก่อนหน้านี้ทำการสืบสาวเรื่องราวให้ละเอียดก่อนล่ะก็ พวกเขาคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชแบบนี้หรอก
“เอาล่ะ เรื่องนี้ให้วางลงก่อนชั่วคราว มีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนอยู่ในโลกมนุษย์ มันเป็นปัญหาที่ยากจะแก้จริงๆ” จี้หยางพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้เส้นทางยากที่จะผ่านไปได้ชั่วคราว เอาไว้ผ่านไปสักพัก ให้พลังมันอ่อนลง ไว้ถึงตอนนั้น แล้วข้าจะลงไปด้วยตัวเอง จัดการกับมหาจักรพรรดิของโลกมนุษย์ผู้นี้ด้วยมือของข้า!
ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร เหล่าแม่ทัพที่มีความสามารถที่ถูกส่งไปต่างก็ถูกฆ่ากันหมด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไง? ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียน ก็มีแต่ต้องให้เขาไปจัดการด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้น ต่อให้ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณไปมากขนาดไหน ก็มีแต่ส่งพวกเขาไปตายเท่านั้น
“ท่านราชครู ท่านจะไปด้วยตัวเองอย่างงั้นเหรอ?” พวกเขาพากันตกใจ ทำไมถึงได้ยึดติดกับโลกมนุษย์นี้นัก พวกเขาไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุผลคืออะไร
“หากข้าไม่ไป แล้วเจ้าจะไปเองไหมล่ะ?” จี้หยางมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ทำให้ขุนนางผู้นั้นหวาดกลัวจนตัวสั่น
ขุนนางผู้นี้หุบปากลงโดยพลัน ไม่กล้าพูดอะไรออกไปอีก
“ตอนนี้คงต้องละเรื่องนี้ไว้ชั่วคราวก่อน ตอนนี้ให้จดจ่ออยู่กับทางฝั่งของรังฟีนิกซ์เป็นอันดับแรก” จี้หยางคิด จากนั้นก็มองไปยังพวกเขาแล้วพูดขึ้น “แล้วสถานการณ์ทางฝั่งเทียนถาน(แท่นบูชาเทพเทียนหมิง/แท่นบูชาเทพเติ้งเทียน)เป็นยังไงบ้าง?”
“ยังคงไม่มีอะไรชั่วคราว ยังไม่สามารถโจมตีและยึดครองได้เหมือนก่อนหน้า ยังไม่สามารถทำลายค่ายกลได้” ขุนนางผู้หนึ่งพูดออกมา
“ค่ายกลของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน ก็คงไม่ง่ายที่จะทำลายอยู่แล้ว…..” จี้หยางสายตาเย็นชา พร้อมกับมองไปยังขุนนางที่อยู่ใกล้ๆ แล้วพูดขึ้น “เตรียมความแข็งแกร่งของกองทัพไปถึงไหนแล้ว?”
“รายงานท่านราชครู หน่วยสังหารฟีนิกซ์ได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะออกไปปฏิบัติการณ์ได้ทุกเมื่อ!” ขุนนางที่ยืนอยู่ใกล้ๆ คนหนึ่งตอบ เขาไม่เหมือนกับขุนนางคนอื่นที่ต้องคุกเข่า ยิ่งกว่านั้น กลิ่นอายของเขายังแตกต่างจากทุกคน ให้ความรู้สึกเหมือนกับคมดาบที่ชักออกจากฝัก พร้อมที่จะฟาดฟันได้ทุกเมื่อ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นอัจฉริยะผู้มากพรสวรรค์คนหนึ่ง!
“ดีมาก!” จี้หยางในที่สุดก็เผยรอยยิ้มออกมา “งั้นก็เริ่มลงมือกันที่รังฟีนิกซ์เป็นอันดับแรก ทำการขับไล่เจ้าพวกหัวโบราณพวกนี้ออกไป เมื่อถึงตอนนั้น ก็จัดการละเลงเลือดพวกมันให้สาสม! อุตส่าห์เตรียมการมาหลายปี ในที่สุดก็ได้เวลาเก็บเกี่ยว เมื่อถึงตอนนั้นก็ทำให้ท่านบรรพบุรุษออกมา จากนั้นก็ร่วมมือกันประสานทั้งในนอก ต่อให้บรรพชนเฒ่าของเผ่าฟีนิกซ์จะลุกขึ้นมาจากหลุม ก็ทำได้เพียงแต่ตายเท่านั้น!”
“ครับ!” ขุนนางที่อยู่ข้างๆ ขานรับอย่างหนักแน่น ขณะที่นัยน์ตาวาบผ่านด้วยลำแสงสีโลหิต เหมือนเตรียมตัวที่จะละเลงเลือดได้ทุกเวลา
“ในที่สุดก็จะได้ทำเรื่องตื่นเต้นนี้สักที ตราบเท่าที่สังหารเผ่าฟีนิกซ์ โลหิตของพวกมันก็จะตกเป็นของพวกเรา ทำให้พวกเราสามารถฝึกผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากออกมาได้!” จี้เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่รู้ว่าทางฝั่งแม่ทัพใหญ่หมิงเสิ่นเตรียมการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
“ท่านหมิงเสิ่นเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วครับ พร้อมที่จะออกไปปฏิบัติการณ์ได้ทุกเวลา!” ขุนนางกล่างรายงาน
“ดีมาก!” จี้หยางกวาดสายตาไปยังเหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่กับพื้น แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้ากลับไปตรวจสอบสถานการณ์ทางฝั่งโลกมนุษย์ให้ดี ตรวจสอบรายละเอียดทั้งในและนอกให้กระจ่าง!”
“ครับ ท่านราชครู!” เหล่าขุนนางขานรับ พร้อมกับพากันออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่น้อย
“พวกเราเดินทางได้ ไปยังรังฟีนิกซ์กัน!” ในสายตาของจี้หยางเป็นประกายชั่วร้าย รู้สึกเหมือนกับได้กลิ่นคาวเลือด
……
ที่รังฟีนิกซ์ สถานการณ์ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ละคนต่างก็พากันฝึกฝน ไม่ได้รู้สึกถึงวิกฤตที่กำลังใกล้เข้ามา
ขณะที่พวกเขาคิดว่าวันนี้ก็คงจะเหมือนเช่นทุกวัน ทันใดนั้นที่ด้านนอกก็มีเสียง “เปรี้ยง” ดังมา ประตูตรงพื้นที่นอกสุดถูกซัดเปรี้ยง แม้แต่ยามที่รักษาการณ์ที่ด้านนอกก็ปลิวประเด็นไปตามๆ กัน เพราะว่ากะทันหันเกินไป ทำให้พื้นที่ตรงส่วนประตูหน้าถูกทำลายลงทั้งอย่างนี้!
“ศะ ศัตรูบุก…..”
ยามที่ถูกซัดปลิวได้ใช้แรงเฮือกสุดท้ายบีบเศษใบไม้ในมือ พร้อมกันนั้น ต้นอู่ถงไฟในรังฟีนิกซ์ทั้งหมดก็พากันไฟลุกอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่จะก่อตัวเป็นมหาค่ายกลขนาดมหึมาในพริบตา ทำให้รังฟีนิกซ์เหมือนกับถูกโอบล้อมไว้ด้วยโซ่เปลวเพลิงขนาดยักษ์ ปกคลุมไปทุกพื้นที่ ยกเว้นก็แต่ตรงพื้นที่ประตูหน้า ที่โซ่เปลวเพลิงถูกยับยั้งเอาไว้อย่างดื้อดึง!
“เผ่าฟีนิกซ์นี้ก็มีขุมกำลังอยู่บ้างจริงๆ ต้นอู่ถงไฟที่อยู่ตามชายแดนกลับเชื่อมต่อเป็นมหาค่ายกลป้องกันขึ้น ช่างน่าสนใจยิ่งนัก” ในตอนนี้เอง จี้หยางที่นำกำลังคนมา กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ด้วยรอยยิ้ม ราวกับไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขา
ขณะเดียวกัน ที่ทางฝั่งทางผ่านใต้พิภพ อี้เทียนหยุนที่กำลังซ่อมแซมค่ายกลไม่หยุด ก็ได้เลิกคิ้วขึ้นโดยพลัน พร้อมกับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง
“แปลกจริง ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรกำลังเกิดขึ้นกันนะ?” อี้เทียนหยุนไม่ได้เข้าไปยังโลกใต้พิภพในทันที แต่ทำการซ่อมแซมค่ายกลของที่นี่ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการพังทลายของมัน
“ติ๊ง ท่านรับภารกิจฉุกเฉิน “ช่วยเหลือเผ่าฟีนิกซ์” สำเร็จ! เมื่อสำเร็จ จะได้รับค่าประสบการณ์ 500 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, ค่าความชั่ว 10,000, ค่าความชอบของเผ่าฟีนิกซ์เพิ่มขึ้น 200!”
อยู่ๆ ระบบก็มีภารกิจปรากฏขึ้นมา ทำให้เขารู้แล้วว่าทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ!