ตอนที่ 639: กล้าดียังไง!
ขณะที่พวกไป๋สุ่ยหวงกำลังไปที่ถ้ำฟีนิกซ์อย่างรวดเร็วอยู่นั้น ก็ได้เห็นว่าที่นี่ได้ถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงเทียนหยุนไปเรียบร้อยแล้ว เปลวเพลิงนิรันดร์ก่อนหน้านี้ได้หายไปหมด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเปลวเพลิงเทียนหยิน ต่อให้เป็นเปลวเพลิงนิรันดร์เอง ก็ทำได้เพียงต้องถูกสยบไว้เท่านั้น
เปลวเพลิงนิรันดร์ไม่มีใครที่จะสามารถปลดปล่อยมันได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ภายใต้เปลวเพลิงเทียนหยินที่เต็มไปทั่วทุกที่ จึงมีสภาพที่ต้องมอดดับเพียงอย่างเดียว
พวกเธอที่ยืนอยู่ที่นี่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงที่ส่งมาจากส่วนที่ลึกที่สุด ทำให้ผู้คนพากันรู้สึกตกใจ ยิ่งกว่านั้น พลังนี้ยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพียงเวลาแค่ไม่นาน ก็เหมือนกับว่าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกระดับ
“วิญญาณของวิญญาณร้ายเป็นอิสระแล้ว แต่ยังคงอยู่ระหว่างการผสานร่างอยู่ พวกเรายังมีโอกาสที่จะกำจัดพวกมันในระหว่างช่วงเวลาผสานร่างนี้ได้!” บรรพชนเฟิ่งเทียนที่มีระดับแข็งแกร่งที่สุด ตั้งใจที่จะลงมือ
แม้ว่าที่นี่จะเต็มไปด้วยเปลวเพลิงเทียนหยิน แต่หากคิดที่จะสยบพวกเขานั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก ยิ่งกว่านั้น ต่อให้จะถูกเปลวเพลิงลุกท่วมร่าง ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับพวกเขาสักเท่าไหร่
พวกเขาพากันฝึกฝนอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงพอจะฝืนแบกรับเปลวเพลิงเทียนหยินนี้ได้ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญของเผ่าฟีนิกซ์ ตัวเขาเองก็มีเปลวเพลิงฟีนิกซ์ระดับสูง แม้ว่าจะด้อยกว่าเปลวเพลิงเทียนหยิน แต่ภายใต้ระดับที่สูง ก็พอจะฝืนสะกดมันไว้ได้!
“ใช่ พวกเราต้องรีบ ไม่สามารถรอช้าได้!” บรรพชนอีกคนหนึ่ง บรรพชนเฟิ่งหยุนผู้มีพลังแข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 2 พูดออกมา
พวกเขาพากันมองหน้ากัน จากนั้นทั้งสามก็จัดวางรูปขบวนเป็นรูปสามเหลี่ยมในทันที พร้อมกับพุ่งเข้าไปยังถ้ำฟีนิกซ์ในอึดใจ ทุกที่ที่ผ่าน ล้วนแต่ถูกเปลวเพลิงเทียนหยุนสยบไว้
ในฐานะหัวหน้าเผ่า ไป๋สุ่ยหวงก็ตามเข้ามาเช่นกัน ร่างของเธอปกคลุมไว้ด้วยเปลวเพลิงนิรันดร์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกลัวเปลวเพลิงเทียนหยิน ยิ่งกว่านั้น เปลวเพลิงเทียนหยุนระหว่างทางก็ได้ถูกพวกเขาผลักออกไป เปิดเป็นทางให้เข้าไปได้ง่ายๆ ดังนั้นคนอื่นๆ จึงสามารถตามเข้ามาได้
ยังไงก็ตาม คนที่ตามเข้าไปก็ไม่ได้มากนัก มีแค่ไป๋สุ่ยหวงและผู้อาวุโสเฟิงที่รับหน้าที่ดูแลห้องสมบัติเท่านั้นที่ตามเข้าไป ส่วนผู้อาวุโสคนอื่นคอยทำหน้าที่ป้องกันที่ด้านนอก หากให้ทุกคนตามเข้าไปกันหมด ด้านนอกก็จะไม่มีคนคอยป้องกัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงและวิญญาณร้าย หากระดับต่ำเกินไป ก็ไม่ได้มีส่วนช่วยอะไร ให้ทำหน้าที่คอยคุ้มกันด้านนอกเสียยังจะดีกว่า หากว่าแม้แต่บรรพชนทั้งสามยังไม่สามารถจัดการได้ อย่างนั้นคนอื่นก็อย่าได้หวังว่าจะทำอะไรได้เลย
หลังจากที่พวกเธอบินลงมาอย่างรวดเร็วนั้น ที่ปรากฏตรงหน้าของพวกเธอก็คือชายกลางคนคนหนึ่ง ที่กำลังดูดกลืนหมอกดำที่อยู่ ณ ส่วนลึกสุดของถ้ำทีละน้อย ความเร็วของอีกฝ่ายไม่เร็วแต่ก็ถือว่าไม่ช้า และในขณะที่ดูดกลืนหมอกดำนี้ พลังของชายวัยกลางคนผู้หล่อเหลาก็จะแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง ผู้บัญชาการที่เป็นความลับที่สุด
ระดับของเขาได้มาถึงระดับราชาเซียนขั้นที่ 8 เมื่อดูดกลืนหมอกดำเข้าไปในร่างทีละน้อย ก็จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นทีละนิด หากปล่อยให้เป็นไปตามจังหวะนี้ต่อไป เกรงว่าเขาคงจะเข้าสู่ระดับราชาเซียนขั้นสูงสุด หรืออาจกระทั่งเข้าสู่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้!
เมื่อเข้าสู่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ มันก็จะง่ายในการที่จะเดินทางไปทั่งทั้งสามโลกราวกับเป็นสนามเด็กเล่น ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสามโลกในปัจจุบันนี้มีราชาศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือเปล่า เพราะว่าไม่มีใครเคยเห็นราชาศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นมานานแล้ว
บางทีอาจจะหลบซ่อนอยู่ ณ ซอกมุมใดซอกมุมหนึ่ง หรือว่าอาจจะไม่มีเลย ถ้าหากว่าไม่มีราชาศักดิ์สิทธิ์คนอื่น เมื่อเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงเข้าสู่ระดับนั้น เขาก็จะเป็นผู้ปกครองทั้งสามโลก!
เมื่อนั้น ทั้งสามโลกก็จะถูกปกครองโดยเผ่าวิญญาณร้าย และจะต้องเข้าสู่กลางความมืดอย่างแน่นอน
และเมื่อดูดีๆ แล้ว จะพบว่าที่ใกล้ๆ กันนั้นมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่! ซึ่งไม่รู้ว่าปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูท่าอีกฝ่ายคงจะขุดถ้ำนี้เข้ามา ต้องรู้นะว่าถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยค่ายกล ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหลบค่ายกลพวกนี้เข้ามาได้ยังไง?
แต่ว่าความจริงก็ได้วางอยู่ตรงหน้าแล้ว ขณะที่พวกเขาถูกล่อออกไป เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงก็คงแอบขุดรูนี้อย่างลับๆ และกว่าที่พวกเธอจะรู้ตัว ทุกอย่างก็ได้สายไปแล้ว เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงได้ทำการทำลายค่ายกลทั้งหมด และนำร่างแยกคืนสู่ร่างต้นของตน!
หรือจะพูดว่ากลับคืนสู่สภาพเดิม เมื่อการผสานร่างกลับคืนสำเร็จ พลังของเขาก็จะน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ไม่แปลกเลยที่จะส่งทัพใหญ่มาจู่โจม มีบรรพชนลงมือด้วยตัวเองเช่นนี้ เกรงว่าเผ่าฟีนิกซ์คงต้องถูกทำลายแล้ว!
“ขวางเขาไว้!”
ทั้งสามคนหันมามองกันคราหนึ่ง จากนั้นก็ระเบิดเปลวเพลิงฟีนิกซ์ออกมาอย่างรวดเร็ว พริบตาก็ผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเหมือนกับลูกบอลไฟที่มีขนาดยักษ์จนน่าตกใจทุ่มลงมา ไม่ว่าจะเป็นเปลวเพลิงนิรันดร์อันน่าสะพรึงหรือเปลวเพลิงเทียนหยิน ล้วนแต่ถูกกลืนกินเข้าไป
เปลวเพลิงเทียนหยินถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง แต่ภายใต้กลุ่มบอลเพลิงขนาดยักษ์ก็ได้ถูกกลืนเข้าไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นความว่างเปล่า จนสุดท้ายก็ปะทะเข้ากับเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง พร้อมกับเกิดการระเบิดที่น่าหวาดกลัวออกมา!
“ตูม!”
เสียงอื้ออึงดังสะท้านออกทุกที่ จนทำให้ทั่วทั้งถ้ำฟีนิกซ์สั่นสะเทือน ราวกับจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ ราชาเซียนสามคนรวมพลังกันโจมตี ประสิทธิภาพของมันย่อมไม่แย่เป็นธรรมดา
หลังจากระเบิดหายไป พวกเขาก็พบว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงยังคงไร้ซึ่งการสูญเสีย ขณะที่บนร่างปกคลุมไว้ด้วยแสงสีฟ้ากลุ่มหนึ่ง ที่ส่องออกมาจากผลึกบนหน้าอกของเขา ปลดปล่อยโล่ป้องกันที่แข็งแกร่ง ต้านทานการโจมตีของราชาเซียนทั้งสามไว้
“อุปกรณ์ระดับเทวะขั้นกลาง…..” พวกเขาพากันสูดหายใจเฮือก ไม่คิดว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงจะมีอุปกรณ์ระดับเทวะขั้นกลางอยู่ โดยปกติแล้วจะเห็นแต่อุปกรณ์ระดับเทวะขั้นต่ำ น้อยมากที่จะเห็นอุปกรณ์ระดับเทวะขั้นกลาง ซึ่งตอนนี้ก็เห็นอยู่ตรงหน้าแล้วหนึ่งชิ้น
อุปกรณ์ระดับเทวะชิ้นนี้ร้ายกาจมาก ขนาดเผชิญกับการโจมตีของสุดยอดผู้เชี่ยวชาญถึงสามคน แต่กลับไม่เป็นอะไร
“ยืนดูอยู่ข้างๆ ดีๆ เถอะ อีกไม่นานก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว…..” เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงเผยรอยยิ้มมืดมนออกมา พร้อมกับดูดกลืนวิญญาณของตนอย่างใจจดใจจ่อ ผนึกนี้หนาแน่นมาก แต่ว่าก็พอที่จะดึงออกมาได้ ซึ่งต้องทำไปทีละน้อย
“โจมตีต่อ!”
บรรพชนทั้งสามไม่หยุดโจมตี แม้จะเป็นอุปกรณ์ระดับเทวะขั้นกลางก็มีทางที่จะแตกสลายได้ มาถึงตรงนี้แล้ว ก็มีแต่ต้องโจมตีต่อไปเท่านั้น ไม่สามารถหยุดได้แล้ว!
“เปรี้ยง…..”
จากนั้น พวกเขาก็ใช้วิชาของตนออกไป โจมตีต่อไปหยุด อีกไม่นาน คาดว่าถ้ำฟีนิกซ์แห่งนี้จะต้องระเบิดออกอย่างแน่นอน
……
ขณะเดียวกัน จี้หยางที่อยู่ด้านนอกก็ทำลายห่วงโซ่เปลวเพลิงเข้ามาได้ หมายความว่าเผ่าฟีนิกซ์ได้กลายเป็นพื้นที่อันตรายสมบูรณ์แบบแล้ว มีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนถึงสองคน แล้วแบบนี้ใครจะไปต้านทานได้กัน?
แค่ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณจำนวนมากที่มานี้ ก็ทำเอาพวกเขาแทบจะต้านไม่อยู่แล้ว
ผู้อาวุโสลั่วและพวกผู้อาวุโสเหลยต่างก็ถูกผู้เชี่ยวชาญเปลวเพลิงเทียนหยินทั้ง 12 คนเข้าโอบล้อม เพื่อต้องการที่จะจับเผ่าฟีนิกซ์ทุกคน
พวกเขาไม่ต้องการฆ่า สำหรับจี้หยางแล้ว แกนโลหิตพวกนี้ถือเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่สามารถปล่อยให้เสียเปล่าได้ ทันทีที่ถูกฆ่า ก็จับเป็นต้องเก็บแกนโลหิตทั้งหมดออกมา ซึ่งถือว่าค่อนข้างสิ้นเปลือง เพราะถึงยังไงหากจับตัวเอาไว้ได้ ก็จะค่อยๆ ดึงออกมาทีละน้อย แบบนี้ก็สามารถมีกินมีใช้ไปอีกนาน
“หยุดดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์ได้แล้ว ยอมให้จับเสียดีๆ!” จี้หยางยิ้ม พร้อมกับโบกมือแล้วพูดว่า “ไปจับพวกเด็กๆ เผ่าฟีนิกซ์มา พวกนี้หากเทียบกับเหล่าผู้เฒ่าพวกนี้แล้ว ถือว่าล้ำค่ากว่ามาก!”
“เจ้ากล้า!” ผู้อาวุโสลั่วคำรามด้วยความโกรธ พร้อมกับทำการเผาผลาญแกนโลหิตของตนในทันที เขานึกถึงลั่วเหยียน เพื่อไม่ให้หลานสาวของตนถูกจับ ทันใดนั้น เขาก็ได้เลือกที่จะทำการเผาผลาญแกนโลหิต เพื่อที่จะทุ่มทุกอย่างออกไป
“ก็แค่หนอนแมลง ทำเป็นแยกเขี้ยว ไสหัวไป!” ร่างของจี้หยางกระพริบวาบ จากนั้นก็ยกฝ่ามือตบเข้าที่หน้าอกของผู้อาวุโสลั่วอย่างแรง
“แค่ก….” ผู้อาวุโสลั่วแค่นเสียงออกมา พร้อมกับถูกซัดปลิวไป หลังจากไถลไปสักระยะ ก็ฝืนประคองตัวหยุดไว้ได้ แต่ที่บริเวณหน้าอกก็ยุบลงไป ดูท่าน่าจะได้รับบาดเจ็บหนัก
จี้หยางไม่สังหารเขา ยังคงเก็บรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ เพราะถึงยังไง มีชีวิตอยู่ก็มีราคากว่า
“ท่านปู่!” ทันใดนั้นก็มีร่างที่งดงามบินมา ไม่คาดเลยว่าจะเป็นเด็กสาวอายุประมาณ 15-16 ปี
หลังจากบินมา เธอก็ช่วยประคองปู่ของเธอ พร้อมกับพูดอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านปู่ ท่านเป็นอะไรไหม ข้าจะพาท่านไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
“เจ้าออกมาทำไม!” ความกล้าของผู้อาวุโสลั่วพังทลาย พวกเธอซ่อนอยู่ด้านในก็ดีอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะกล้าออก
“ก็ข้าเป็นห่วงท่านปู่นี่นา…..” เด็กสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือลั่วเหยียนนั่นเอง
เวลาไม่กี่เดือน เพียงหกเดือนที่ไม่เจอกัน ก็โตเป็นสาวซะแล้ว ช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ เห็นได้ชัดเลยว่าได้รับความทรงจำกลับคืน จึงรู้เรื่องหลายอย่าง
“จะหนี ตอนนี้มันสายไปแล้ว” จี้หยางเลียริมฝีปาก พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายว่า “ดูแล้วท่าทางน่าอร่อย ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นยังไง?”
ลั่วเหยียนสีหน้าซีดขาว พร้อมกับพยุงผู้อาวุโสลั่วหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ความเร็วในการหนีของพวกเธอ จะไปเร็วกว่าความเร็วของจี้หยางได้ยังไง?
“ฟิ้วววว!”
ทันใดนั้น ก็มีลำแสงยิงออกมา พร้อมกับตัดเข้าที่ฝ่ามือที่ยื่นออกมาของจี้หยางในทันที จี้หยางใช้หลังมือตบเข้าที่ลำแสงนั้น ทำลายการโจมตีนี้ไป
“กล้าดียังไงถึงได้คิดแตะต้องลูกสาวของข้า?” ทันใดนั้น ก็ได้มีน้ำเสียงที่คุ้นหูลอยมาจากบริเวณประตูหน้า!
