ตอนที่ 640: ลอบโจมตีสนุกมากหรือไง
ร่างที่คุ้นเคยของอี้เทียนหยุนเดินเข้ามาจากประตูหน้า ใบหน้ายังคงคุ้นเคยไม่มีอะไรเปลี่ยน เมื่อพวกผู้อาวุโสลั่วเห็นอี้เทียนหยุน ก็รู้เลยว่าเป็นเขา
ในช่วงอันตรายเช่นนี้ อี้เทียนหยุนกลับปรากฏตัวเข้ามาช่วยพวกเขาอย่างไม่คาดคิด ทำให้ในใจพวกเขารู้สึกตื้นตัน แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเข้ามารนหาที่ตายหรอกเหรอ?
มีสองผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนอยู่ ทั้งอีกไม่ไกลยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณอีกเป็นจำนวนมาก แม้ว่าระดับของเขาจะดีจนสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณได้ติดกันถึง 5 คน แต่ตอนนี้ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่คือผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนผู้ยิ่งใหญ่ถึงสองคน ต่อให้พวกเขาจะลงมือแค่คนเดียว จุดจบเดียวที่รออยู่ก็คือความตายเท่านั้น!
ผู้เชี่ยวชาญของอีกฝั่งมีมากเกินไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเปลวเพลิงเทียนหยินนั่น แม้ว่าเขาจะมีเปลวเพลิงนิรันดร์ ก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับอีกฝ่ายได้
“หนีเร็ว!” ผู้อาวุโสลั่วเปล่งเสียงออกมาจากกระเพาะ “เจ้ามนุษย์โง่นี่ นี่เจ้าต้องการฉวยโอกาสฆ่าคนอย่างงั้นเหรอ!”
เขาพลันร้องตะโกนออกมา ตะโกนด่าอี้เทียนหยุนอย่างไม่คาดคิด ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้ม เขาไม่ได้ต้องการด่าอี้เทียนหยุนจริงๆ แต่ที่ทำหน้าจริงจังแบบนี้ก็เพื่อต้องการที่จะไล่เขากลับไป ไม่ให้จี้หยางกับพวกคิดว่าอี้เทียนหยุนเป็นสหายของเผ่าฟีนิกซ์
“ทะ ท่านพ่อ….” เมื่อลั่วเหยียนเห็นอี้เทียนหยุนมา เบ้าตาก็พลันแดงก่ำ แต่ก็กัดฟันแน่น ไม่ยอมพูดอะไรออกมา
อี้เทียนหยุนไม่สนใจคำพูดของผู้อาวุโสลั่ว แต่เดินเข้าไป พร้อมกับมองไปที่ลั่วเหยียนด้วยสายตาที่มากไปด้วยความตกใจ เพียงเวลาสั้นๆ ก็เติบใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ นี่เหมือนกับผ่านการเปลี่ยนร่างมาครั้งหนึ่งเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่โตเร็วขนาดนี้
สถานการณ์ของเผ่าฟีนิกซ์นั้นค่อนข้างพิเศษ จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากที่แปลงร่างได้ ครั้งแรกคือตอนเป็นเด็ก หลังจากนั้น ร่างถัดไปก็จะเป็นร่างของเด็กสาวที่แบบบางและนิ่มนวล!
“ความคิดของเจ้า คิดว่าข้าจะไม่รู้อย่างงั้นเหรอ?” จี้หยางมองไปยังอี้เทียนหยุน ขณะที่นัยน์ตาเต็มไปด้วยกลิ่นอายหยอกล้อ “ได้ยินมาว่ามีผู้เชี่ยวชาญเผ่ามนุษย์คนหนึ่งที่ทำหน้าที่ซ่อมแซมค่ายกล ดูท่าคงจะเป็นแกนี่แหละ ฉวยโอกาสฆ่าคนอะไรนั่น ด้านนอกเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง คนธรรมดาที่ไหนจะกล้าบุกเข้ามา…..”
และในตอนนี้เขาก็เพิ่งคิดขึ้นมาได้ ด้านนอกปกคลุมไปด้วยตาข่ายที่ไร้ทางหนี หากคิดจะบุกเข้ามาเป็นเรื่องที่ยากมาก มีเพียงแต่สังหารผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านนอก ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเข้ามาได้!
การที่อี้เทียนหยุนเดินทอดน่องเข้ามาอย่างนี้ ก็หมายความว่าตาข่ายที่ไร้ทางหนีได้ถูกทำลายาลงแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะเข้ามาได้
คำพูดของจี้หยางทำให้พวกผู้อาวุโสลั่วหน้าถอดสี จากนั้นก็รีบตะโกนออกไปว่า “หนีเร็ว นี่คือราชครูของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง เจ้าสู้มันไม่ได้หรอก!”
“ตะโกนตอนนี้จะได้ประโยชน์อะไร? เมื่อเข้ามาอยู่ในขอบเขตสายตาของข้าแล้ว ก็ไม่ทางที่จะหนีไปได้อย่างเด็ดขาด” จี้หยางโบกมืออย่างไม่รีบร้อน บอกให้ลูกน้องของตนเข้าไปล้อมเขาไว้ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ยังเด็ก แต่ก็มาถึงระดับปรมาจารย์สลักอาคม ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า ยอมจำนนต่อข้าซะ แล้วข้ารับประกันว่าเจ้าจะได้รับเกียรติและความร่ำรวย! ขอแค่เจ้าชอบ เจ้าสามารถเลือกเผ่าฟีนิกซ์คนไหนก็ได้ไปเป็นของเจ้า ยิ่งกว่านั้น ยังจะมีตำแหน่งอื่นให้กับเจ้าอีก หากเทียบกันแล้ว การดูแลอย่างนี้ย่อมดีกว่าของที่นี่มากอย่างแน่นอน”
จี้หยางเห็นได้ชัดว่าอี้เทียนหยุนมีท่าทางเป็นห่วงลั่วเหยียน ดังนั้นจึงได้จงใจใช้สิ่งนี้เข้าล่อ ต่อหน้าผู้มีพรสวรรค์ เขารู้สึกเมตตาอย่างมาก ส่วนที่อี้เทียนหยุนเป็นเผ่ามนุษย์นั้น เขาไม่ได้ติดใจอะไร ที่เขาสนก็แค่ความสามารถที่อีกฝ่ายมีเท่านั้น
“แล้วหากข้าต้องการให้เผ่าฟีนิกซ์ทั้งหมดเป็นของข้าล่ะ?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
สีหน้าของจี้หยางไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงมีรอยยิ้มประดับไว้ดังเดิม ควบคุมรอยยิ้มไว้บนหน้าไม่ยอมหุบ
“สมแล้วที่เป็นสุนัขผู้ซื่อสัตย์ต่อเผ่าฟีนิกซ์ เจ้าคิดว่าเผ่าฟีนิกซ์จะชนะอย่างงั้นเหรอ?” จี้หยางพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
“สุนัขผู้ซื่อสัตย์ของเผ่าฟีนิกซ์? เทียบกับขยะที่ต่ำต้อยเช่นเจ้า ข้ารู้สึกว่าตัวเองสูงกว่ามากนัก” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา “ชนะน่ะต้องชนะแน่นอนอยู่แล้ว ก็เพราะว่าข้ามาแล้วยังไงล่ะ”
“ฮ่าๆๆ ช่างเป็นคำพูดที่ใหญ่โตนัก ไม่กลัวว่าสักวันจะถูกตัดลิ้นหรือไง!” จี้หยางโบกมืออย่างหมดความอดทน “หยุดความสนุกลงตรงนี้ ข้าไม่อยากเสียเวลา จัดการกับมันซะ ทำให้รู้ว่าเจ็บไม่สู้ตายเป็นยังไง”
จากนั้น ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณของเขาสามคนก็กระโจนเข้าไปอย่างไม่ลังเล ผู้ที่มีระดับต่ำสุดนั้นอยู่ในระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 4 ส่วนผู้ที่มีระดับสูงนั้นอยู่ที่ระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 6
นี่คือผู้เชี่ยวชาญหัวกะทิ แต่ไม่ใช่ 12 คนที่กำลังโอบล้อมอยู่
“ท่านพ่อ!” ใบหน้าที่งดงามของลั่วเหยียนหน้าเปลี่ยนสี ขณะที่หัวใจแทบหลุดออกจากอก
ยังไงก็ไม่มีใครเคยเห็นอี้เทียนหยุนลงมือมาก่อน และคนทั้งสามที่ล้อมอยู่นี้ หากเทียบกับพวกที่อยู่ในแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนเมื่อตอนนั้น ถือว่าแข็งแกร่งกว่ามาก
อี้เทียนหยุนยื่นมือข้างหนึ่งออกมา จากนั้นกระบี่เทพเทียนหมิงก็ปรากฏขึ้น ก่อนที่จะมีลำแสงเย็นเยียบพุ่งออกไป!
“พรึบ!”
เปลวเพลิงใต้พิภพปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่ พริบตาก็แผดเผาบรรยากาศรอบๆ เมื่อกระบี่นี้ปรากฏขึ้น นัยน์ตาของพวกจี้หยางก็พากันหดแคบลง พวกเขาเคยเห็นกระบี่เล่มนี้มาก่อน นี่คืออุปกรณ์ระดับเทวะของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง แต่ว่าตอนนี้กลับตกไปอยู่ในมือของอี้เทียนหยุนแล้ว!
จากนั้น เขาก็พลันนึกถึงเรื่องก่อนหน้า นี่ก็คือเผ่ามนุษย์ที่สังหารผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณ 5 คนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนด้วย!
“อย่าเข้าไป!” จี้หยางรีบตะโกนออกมา
แต่ว่าทุกอย่างก็สายไปแล้ว ที่ด้านหลังของอี้เทียนหยุนปรากฏร่างเงาขนาดยักษ์ พร้อมกับที่เขาทำการฟันกระบี่ออกไป ร่างเงาขนาดยักษ์ที่กลางอากาศก็ทำท่ากวาดฟันออกมาด้วย ทั้งยังเป็นพลังที่ร้ายกาจอย่างที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน
สามผู้เชี่ยวชาญที่พุ่งเข้าไปแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็ได้ถูกร่างเงาขนาดมหึมานี้กวาดผ่านร่าง พริบตา ร่างที่บุกเข้ามาก็นิ่งไป จากนั้นก็ “ฉวะ” หัวปลิวกระเด็นขึ้นสูง พร้อมกับมีเลือดฉีดพุ่งออกมาเป็นสายจากบริเวณคอของแต่ละคน ดูราวกับน้ำพุเลือดก็ไม่ปาน
“ติ๊ง ท่านสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 6 สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์…..”
“ติ๊ง ท่านสังหาร…..”
แค่การฟันเพียงครั้งเดียวก็สังหารผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณทั้งสามคนได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าระดับของพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าอี้เทียนหยุน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอุปกรณ์ชั้นยอดที่เขาครอบครองอยู่ พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากขยะ!
ร่างของเขาสวมไว้ด้วยสร้อยคอหายนะบรรพกาล และแหวนหายนะบรรพกาล เพียงแค่สองชิ้นนี้ก็บดขยี้พวกเขาทั้งหมดได้แล้ว และที่สำคัญคือเขายังสวมชุดเกราะเทพมารไว้อีกด้วย แต่เพราะว่าเขาไม่เปลี่ยนร่าง ดังนั้นร่างของเขาจึงดูเหมือนสีดำสนิท ดูแล้วให้ความรู้สึกชั่วร้ายอยู่บ้าง
“จำกระบี่นี้ได้ไหม?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มไม่แยแส “พลังของกระบี่นี้ดีจริงๆ แต่ว่าข้ายังไม่เคยใช้มันมาก่อน วันนี้ข้าจะใช้กระบี่เทพของพวกเจ้าอาบเลือดของพวกเจ้าทุกคน โดยเฉพาะเจ้า….”
คำพูดของเขาไม่ทันจบ ลั่วเหยียนก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา และในขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรนั้น ก็เหมือนกับว่าเสียของเธอจะช้าไป
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ร่างนี้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของอี้เทียนหยุน พร้อมกับในมือที่ถือลำแสงสีฟ้าเป็นประกายโจมตีเข้าใส่เขาจากด้านหลัง ความเร็วที่โจมตีออกมานั้น เร็วจนคนอื่นๆ พากันเห็นเป็นภาพติดตา
ที่มุมปากของจี้หยางแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มแสยะ เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดูถูก
อี้เทียนหยุนไม่แม้แต่จะหันไปมอง พร้อมกับฟันกระบี่กลับหลัง ขณะที่ชุดเกราะเทพมารก็เปล่งแสงสีดำที่น่าทึ่งออกมา พริบตา พลังอันหาที่เปรียบไม่ได้ของกระบี่ก็ได้ฟันตัดร่างของผู้ที่อยู่ด้านหลัง จนร่างนั้นถูกส่งขึ้นไปบนฟ้าสูง!
“ปัง!”
จากนั้น ร่างเงาก็ได้ทำการบินขึ้นไป พร้อมกับส่งคลื่นกระบี่เข้าใส่ร่างที่กำลังตกลงมา หวังจะตัดร่างนั้นขาดเป็นสองท่อน!
“แหลกไปซะ!”
คนผู้นั้นคำรามออกมาด้วยความโกรธ ขณะที่สองมือทำการตบฟาดออกมา “ปัง” คลื่นกระบี่ถูกบังคับให้ระเบิด แต่ว่าร่างนั้นก็ปรากฏแผลลึกจนเห็นถึงกระดูด ดูแล้วน่ากลัวมาก!
และเมื่อผู้คนได้เห็นร่างที่ลอบโจมตีจนชัดตาแล้ว ก็พบว่าคนผู้นั้นก็คือแม่ทัพใหญ่หมิงเสิ่น ซึ่งตอนนี้ได้ถูกกระบี่อี้เทียนหยุนฟันใส่จนต้องถอยกลับไป จนร่างแถบขาดออกจากกัน
“ลอบโจมตีสนุกมากหรือไง?” อี้เทียนหยุนยิ้มอย่างเย็นชา จะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะไม่สามารถสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังลอบโจมตีเขาอยู่
ภายใต้อุปกรณ์ชั้นยอดนับไม่ถ้วน ทำให้ความเร็วของเขาเหนือไปกว่าระดับราชาเซียน ดังนั้น การจะตอบโต้กลับไปจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก!