ตอนที่ 646: กำลังเสริม
เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง : ระดับราชาเซียนขั้นสูงสุด, ครึ่งก้าวระดับราชาศักดิ์สิทธิ์, สวมชุดเกราะระดับเทวะขั้นต่ำ, มีสายเลือดเผ่าวิญญาณร้ายที่บริสุทธิ์ที่สุด ทำให้ผลข้างเคียงในการแปลงร่างไม่มีผล เมื่ออยู่ในร่างวิญญาณร้าย, ฝึกวิชายุทธ์ เคล็ดวิชาเทพเทียนหยิน, เปลวเพลิงเทพเทียนหยิน, จุดอ่อน : แพ้เปลวเพลิงอมตะอย่างแรง! พลังรบเริ่มต้น 1.4 หมื่นล้าน และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้ดวงตาประเมิน ก็ได้ปรากฏข้อมูลในปัจจุบันของอีกฝ่ายออกมาในทันที ไม่คิดเลยว่าจะมีพลังรบสูงถึง 1.4 หมื่นล้าน หากเทียบกับจี้หยางแล้ว ถือว่าต่างกันราวกับอยู่คนละโลก และที่สำคัญคืออีกฝ่ายยังไม่ทันได้แปลงร่างเลยด้วยซ้ำ หากว่าแปลงร่างขึ้นมา พลังรบจะต้องสูงยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน
นี่ก็เหมือนกันกับจี้หยาง ยามเมื่อเขาระเบิดพลังที่แท้จริงออกมา ก็ทำให้พลังรบของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะบรรพชนเผ่าวิญญาณร้ายตนนี้ หากระเบิดพลังออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะน่าทึ่งมากขนาดไหน!
แค่ตอนนี้ก็น่ากลัวมากพอแล้ว เพียงแค่ใช้พลังของอุปกรณ์ระดับเทวะ ก็สามารถสะกดพลังของบรรพชนทั้งสามที่ร่วมมือกันได้อย่างง่ายดาย พูดได้ว่ายิ่งมาถึงช่วงหลัง พลังรบก็ยิ่งท้าทายสวรรค์ขึ้นไปอีก
การเลื่อนระดับแต่ละขั้นในช่วงท้าย กลัวว่าต้องมีพลังรบสูงขึ้น 5-6 ร้อยล้าน หรืออาจจะ 7-8 ร้อยล้าน
นี่คือความต่างของ 1 ระดับขั้นเท่านั้น แต่แค่นี้ก็ถือว่าเหนือไปกว่าผู้ฝึกตนจำนวนมากมาก นอกจากว่าจะมีอุปกรณ์ระดับเทวะมาช่วยเพิ่มพลังให้กับตน แต่ตอนนี้เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงผู้นี้ได้มีอุปกรณ์ระดับเทวะเป็นจำนวนมาก ต่อให้บรรพชนทั้งสามจะมีอุปกรณ์ระดับเทวะเช่นกัน แต่ความต่างก็ยังคงมากอยู่ดี
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงจะเป็นเผ่าวิญญาณร้าย และถึงขนาดเป็นร่างเดียวกัน ความสำเร็จทางด้านวิญญาณของเผ่าวิญญาณร้ายนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ……”
อี้เทียนหยุนรู้สึกเหมือนค้นพบโลกใหม่ การจะแยกวิญญาณออกจากร่างนั้นถือเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะหากว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างไป ร่างกายอาจจะถูกคนอื่นสิงเอาได้ และกลายเป็นชีวิตของคนอื่นไป
ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเขาทำกัน แต่กับเผ่าวิญญาณร้ายนี้ พวกเขากลับทำได้สำเร็จ หมายความว่าพวกเขาจะมีชีวิตได้หลายชีวิต แม้ว่าร่างแยกอื่นจะถูกสังหารไป แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีชีวิตอยู่
ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนตาย ซึ่งก็ตายจริงๆ แต่นั่นก็เป็นแค่ร่างแยกของพวกเขาเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้วิญญาณของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าอย่างน้อยตัวคนก็ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากรักษาตัวสักระยะ สุดท้ายก็ดีขึ้นเอง
ซึ่งความสามารถนี้ก็ไม่ได้เป็นที่น่าอิจฉาแต่อย่างใด เพราะว่าหลังจากที่เขาสังหารพวกจี้หยางไป เขาก็ได้สายเลือดเผ่าวิญญาณร้ายมา เอาไว้หลังจากนี้ค่อยไปศึกษาดูก็ได้ ความสามารถในการสร้างร่างแยกนี้ แน่นอนว่ายิ่งมีมากยิ่งดี ซึ่งนี้จะมีส่วนช่วยในการจัดการปัญหาต่างๆ ให้กับเขาได้มากอย่างไม่ต้องสงสัย
และหากว่าเขาสังหารเผ่าวิญญาณร้ายตรงหน้านี้ได้ สายเลือดที่ได้มาแน่นอนว่าต้องเป็นสายเลือดที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่า แต่เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงในตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะจัดการได้ไม่ง่ายนัก
“หัวหน้าเผ่าไป๋” หลังจากอี้เทียนหยุนมองดูเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง เขาก็หันไปหาไป๋สุ่ยหวง
ไป๋สุ่ยหวงก็เห็นเขาลงมาแล้วเช่นกัน เบื้องหลังมีเสียงอะไรเกิดขึ้นแม้แต่นิด แน่นอนว่าต้องทำการหันไปดูให้กระจ่าง หากว่าพวกจี้หยางบุกลงมา พวกเธอก็จำต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยง ไม่อย่างนั้น บรรพชนทั้งสามจะถูกรบกวนเอาไว้ ซึ่งนั่นจะทำให้ไม่มีวิธีที่จะทำลายการป้องกันของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงผู้นี้อีก
“ทูตศักดิ์สิทธิ์มาได้ยังไง ข้างนอกออกจะอันตรายขนาดนั้น…..” ไป๋สุ่ยหวงตกใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นอี้เทียนหยุนเข้ามาจากด้านหลัง จึงพูดด้วยหน้าเปลี่ยนสีว่า “ห่วงโซ่เปลวเพลิงด้านนอกถูกทำลายแล้วเหรอ?”
“ห่วงโซ่เปลวเพลิงด้านนอกถูกทำลายแล้วจริงๆ แต่ว่าก็ไม่ต้องกังวลไป คนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง นอกจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงผู้นี้ คนอื่นล้วนแต่ถูกข้าจัดการไปหมดแล้ว” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“อะไรนะ!?”
ไม่เพียงแต่ไป๋สุ่ยหวงเท่านั้น แม้แต่พวกบรรพชนทั้งสามเองก็ตกใจเช่นกัน ข้างนอกมีราชาเซียนสองคนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงอยู่ อย่าบอกนะว่าสองคนนั้นก็ถูกจัดการไปแล้ว? คำพูดนี้พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ ว่าทุกคนจะถูกเด็กหนุ่มตรงหน้านี้จัดการ?
ไป๋สุ่ยหวงรู้ว่าระดับของอี้เทียนหยุนนั้นดี แต่ก็แค่ดีเท่านั้น เธอจำไม่ได้มาก่อนว่าพลังของอี้เทียนหยุนจะแข็งแกร่งขนาดนี้?
“ช่างคุยโตได้ไร้ยางอายนัก! ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าหลุดเข้ามาได้ยังไง พวกราชครูที่อยู่ข้างนอกจะถูกจัดการง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไง? คิดจะทำให้ข้าเสียสมาธิล่ะสิ ถึงได้ต้องพูดจาโกหกพกลมแบบนั้นออกมา ช่างเป็นคำโกหกที่น่าขำยิ่งนัก!” เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงหัวเราะออกมาอย่างดูถูก คิดว่าคำพูดนี้เป็นแค่เรื่องขำขัน
อย่าว่าแต่เขาเลย แม้ว่าพวกไป๋สุ่ยหวงเองก็คิดว่าอี้เทียนหยุนโกหก เพื่อต้องให้เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงเสียสมาธิ แต่ว่านี่มันจะโกหกหน้าตายไปหน่อยเหรอ? ขนาดพวกเธอเองยังไม่เชื่อ แล้วจะไปหลอกเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงได้ยังไง
บรรพชนทั้งสามส่ายหัว พวกเขาได้ยินมาว่ามีเผ่ามนุษย์คนหนึ่งได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยเหรอ? พวกเขารู้ว่าอี้เทียนหยุนนั้นมีเจตนาดี แต่ว่าคำโกหกนี้ก็ออกจะเกินไป หากบอกว่ามีแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นมาช่วย แบบนี้ยังจะน่าเชื่อกว่า แต่คำโกหกนี้มันออกจะไร้เหตุผลเกินไปจริงๆ
“โกหกหรือไม่ออกไปดูก็รู้แล้ว ข้าไม่มีอะไรให้ต้องโกหก” อี้เทียนหยุนเดินเข้าไปหาบรรพชนทั้งสาม
“อย่าไป!” ไป๋สุ่ยหวงอยากจะห้ามอี้เทียนหยุน แต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่ง
อี้เทียนหยุนได้เดินเข้าไปในระยะโจมตีของพวกเขาแล้ว พลังงานที่บรรพชนทั้งสามปลดปล่อยออกมาด้วยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น สามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณต้องถูกดีดกระเด็นออกมาได้ แต่ว่าเขากลับไม่เป็นอะไร
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้คนก็พากันตกใจ หากให้พวกเธอเข้าไป จะต้องถูกผลพวงของพลังโจมตีดีดกระเด็นออกมาในทันทีแน่ แต่ว่าอี้เทียนหยุนกลับยืนอยู่ในนั้นได้อย่างปลอดภัย ราวกับไม่รู้สึกอะไร
ความผันผวนที่ถูกปล่อยออกมานั้น สำหรับเขาแล้วก็เหมือนกับสายลมเบาๆ ที่ทำให้รู้สึกเย็นสบายเท่านั้น ไม่มีทางที่จะพัดกวาดเขาออกไปได้
“หากปล่อยให้เจ้าทำอย่างนี้ต่อไป มีโอกาสที่เจ้าจะสู่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์สูง ถ้าข้ามาสายกว่านี้ เกรงว่าคงไม่มีทางเอาชนะเจ้าแน่ แต่ว่าน่าเสียดาย เพราะว่าข้ามาถึงแล้ว…..” อี้เทียนหยุนรู้สึกว่า หากปล่อยให้เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงดูดกลืนวิญญาณส่วนนี้เข้าไปจนสมบูรณ์ มีโอกาสที่เขาจะเข้าสู่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ได้จริงๆ
แต่ถึงจะไม่สามารถเข้าสู่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ต้องเป็นครึ่งก้าวราชาศักดิ์สิทธิ์แน่ เมื่อถึงตอนนั้น ใครยังจะเอาชนะเขาได้?
“แค่มีความสามารถนิดหน่อย ขนาดเจ้าเฒ่าสามคนนี้ยังทำอะไรข้าไม่ได้ แล้วน้ำหน้าอย่างเจ้าจะทำอะไรข้าได้……”
น้ำเสียงของเขาไม่ทันจบ นัยน์ตาของอี้เทียนหยุนก็พลันกลายเป็นสีดำสนิท จากนั้นร่างของเขาก็เริ่มใหญ่ขึ้น พริบตาก็กลายร่างเป็นเทพมารขนาดมหึมา พร้อมกับมีเปลวเพลิงสีดำที่น่ากลัวพวยพุ่งออกมาจากรอบๆ ร่าง พร้อมกับปีกเปลวเพลิงสีดำที่ด้านหลัง หากว่าเขาไม่ควบคุมเปลวเพลิงสีดำนี้เอาไว้ ป่านนี้รอบๆ คงไหม้เกรียมไปหมดแล้ว
พลังที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทำให้แม้แต่บรรพชนทั้งสามที่อยู่ใกล้ๆ ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน
“ทำไมทูตศักดิ์สิทธิ์ถึงได้กลายเป็นร้ายกาจขนาดนี้ล่ะ?” พวกไป๋สุ่ยหวงพากันตกใจ พวกเธอเพิ่งจะห้ามไม่ให้อี้เทียนหยุนเข้าไปอยู่เมื่อกี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเธอจะพากันกังวลเกินไป
ในตอนนี้พวกเธอก็พากันนึกถึงคำพูดที่อี้เทียนหยุนพูดเอาไว้ก่อนหน้า หรือที่เขาพูดไว้จะเป็นเรื่องจริง? คนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงที่อยู่ด้านบน ถูกเขาจัดการไปหมดแล้วจริงๆ?
ผู้อาวุโสเฟิงที่อยู่ใกล้ๆ ไป๋สุ่ยหวงพยักหน้า จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ต้องการออกไปดูสถานการณ์ด้านนอก