ตอนที่ 648: อวดดี
ที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงก็คือผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนทั้งสาม ตอนนี้สองผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนทั้งสองได้ทอดร่างตายไปแล้ว อีกทั้งหัวกะทิจำนวนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงก็ได้ตายลงเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ความสำเร็จยังจะมีประโยชน์อะไรอีก?
ควรจะพูดว่าความแข็งแกร่งส่วนบุคคลนั้น ยังคงเป็นโอกาสสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้คนจำนวนได้ตายไป ทำให้คนของเผ่าฟีนิกซ์สามารถหลบหนีได้ตามใจ ตัวเขานั้น อย่างมากก็ทำได้เพียงโจมตีและคุกคามรังฟีนิกซ์เท่านั้น แต่ไม่สามารถที่จะจับคนทั้งหมดของเผ่าให้สำเร็จได้
ที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงโจมตีและรุกรานที่นี่นั้น นอกจากจะเพื่อทรัพยากรของที่นี่แล้ว ยังเพื่อที่จะจับเผ่าฟีนิกซ์กลับไปให้มากด้วย ซึ่งนี่ต่างหากถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่แท้จริง เพราะความล้ำค่าของแกนโลหิตฟีนิกซ์นั้น สามารถรับประกันได้ว่าตัวเขาจะมีพลังที่เพิ่มขึ้น
ตอนนี้เหลือแค่เขาเพียงคนเดียว แล้วจะให้ไปจับยังไง? หรือควรจะพูดว่า จับได้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ไม่สามารถจับทั้งหมดได้
“เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะทำสำเร็จอีกอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนมองเขาอย่างเฉยชา ขณะที่เปลวเพลิงในมือยังคงเผาวิญญาณร้ายไม่หยุด ต้องการเผาอีกฝ่ายให้กลายเป็นเถ้าถ่านโดยสมบูรณ์
ซึ่งการกระทำนี้ก็ได้ส่งผลให้เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงต้องหน้าซีดลงเล็กน้อย เพราะระหว่างทั้งสองนั้นมีความเชื่อมโยงกันอยู่ เมื่อที่นี่ถูกเผา ทางด้านเขาก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดด้วยเช่นกัน
เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงไม่ได้โจมตีตอบโต้เข้ามาในทันที มีบรรพชนทั้งสามรวมถึงอี้เทียนหยุนอยู่ แล้วเขาจะบุกเข้ามาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังได้อย่างงั้นเหรอ?
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังของเจ้านั้นแข็งแกร่งมา แต่ว่าเจ้าคิดว่าตัวเองจะทำสำเร็จได้จริงๆ?” เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงพูดอย่างดูถูก “ข้าดูแล้วความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือยิ่งกว่าเผ่าฟีนิกซ์ซะอีก ข้าจะให้โอกาสเจ้า!”
“ตราบเท่าที่เจ้าเข้าร่วมกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงของข้า เรื่องทั้งหมดที่เจ้าทำ ข้าจะไม่สืบสาวราวเรื่องอีก กระทั่งมอบตำแหน่งที่สูงกว่าให้เจ้าด้วย นอกจากข้าแล้ว เจ้าจะอยู่เหนือผู้คนนับหมื่น! อย่าคิดว่าพลังในตอนนี้ของเจ้าแข็งแกร่งมากพอแล้ว ยังมีหลายสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้ ต่อให้เจ้าจะมีพลังของราชาเซียน แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงเริ่มชักจูง ไม่ใช้วิธีการโหดร้าย
“ไม่สืบสาวราวเรื่องทั้งหมด? ที่ข้าสังหารผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเกือบหมด รวมถึงราชาเซียนทั้งสอง นี่ก็จะไม่เอาเรื่อง?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย
เขาไม่กังวลหากต้องสู้ ถึงยังไงตอนนี้ก็กำลังเผาวิญญาณร้ายทีละน้อย หากเป็นอย่างนี้ต่อไป วิญญาณร้ายจะต้องถูกเผาจนหมดอย่างแน่นอน ตอนแรกพวกเขาวางแผนว่าจะสังหารวิญญาณร้ายร่วมกันกับไป๋สุ่ยหวง แต่ตอนนี้ไม่จำเป็น แค่เขาคนเดียวก็พอ
ตอนนี้เขาร้ายกาจกว่าแต่ก่อนมาก ยังจะต้องการความช่วยเหลือจากไป๋สุ่ยหวงที่ไหน แค่เขาก็สามารถเผาวิญญาณร้ายตนนี้ได้เกินพอแล้ว ด้วยเปลวเพลิงนิรันดร์ที่ได้รับการปรับปรุงพิเศษ ทำให้พลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น แค่มดปลวกเล็กๆ อย่างวิญญาณร้ายตนนี้ เขาสามารถสังหารมันได้อย่างง่ายดาย
แล้วยิ่งตอนนี้วิญญาณร้ายได้ถูกดูดกลืนออกไปเกือบหมด ทำให้เขายิ่งสังหารส่วนที่เหลือเล็กๆ นี้ ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่อย่างน้อยก็สามารถสร้างความสูญเสียที่ใหญ่หลวงให้กับเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงได้
“ไม่เอาเรื่องอย่างแน่นอน ที่พวกเขาตาย คงได้แต่โทษตัวเองที่ไร้ความสามารถ” เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงกำหมัดแน่น แล้วพูดอย่างดุร้ายว่า “ที่ข้าต้องการคือผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงๆ ไม่ใช่คนอ่อนแอคนหนึ่ง!”
ขณะที่พูดคำนี้ออกมา กลิ่นอายอันเข้มข้นของเขาก็ลอยฟุ้งไปทั่ว ไป๋สุ่ยหวงกับพวกรู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้น พลังนี้ช่างแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ แข็งแกร่งกว่าพวกเธอมาก แค่แรงกดดันก็ทำเอาพวกเธอทำอะไรไม่ได้แล้ว
“ช่างเป็นคำที่ไม่เอาเรื่องที่ดี พูดได้ว่าหัวใจของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงเจ้าช่างกว้างใจยิ่งนัก งั้นถ้าข้าสังหารร่างแยกของเจ้าล่ะ แบบนี้ยังจะไม่เอาเรื่องอีกไหม?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่แยแส
เขาไม่เคยถูกล่อลวงด้วยเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว สิ่งที่ยังล่อลวงเขาได้มีอยู่กี่อย่างกัน? เขาไม่ถูกล่อลวงด้วยตำแหน่ง วิชายุทธ์ หรือกระทั่งสมบัติ
สิ่งพวกนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับเขา แต่พวกเขากลับคิดว่าของพวกนี้ใช้ล่อลวงเขาได้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น บางทีอาจใช้ได้ผลเล็กน้อย แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่ได้มีความหมายแต่อย่างใด
แม้ว่าเขาจะขาดแคลนของเหล่านี้ แต่ว่าเขาก็มีศักดิ์ศรี ไม่มีทางที่จะยอมทำงานรับใช้ผู้อื่น! ในฐานะคนที่ไม่สามารถทำตามความคิดตัวเองได้ แบบนั้นมันน่าสมเพชยิ่งกว่าตายเสียอีก
เผ่าฟีนิกซ์ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ยุติธรรมต่อเขา แล้วทำไมเขาถึงต้องเลือกทรยศอีกฝ่ายด้วย?
“ไม่ ตราบเท่าที่เจ้าหยุดมือ ข้าก็จะไม่เอาเรื่องเจ้าแม้แต่น้อย” เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงพูดอย่างจริงจัง “ข้าดูแล้วว่าพรสวรรค์ของเจ้านั้นดี ควรจะรู้ว่าต้องเลือกแบบไหน ตราบเท่าที่เจ้าอยู่กับข้า ข้าจะสนับสนุนให้เจ้ากลายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน! การจะกลายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ในโลกใบนี้เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ ความยากของมันสูงจนเจ้าไม่สามารถที่จะไปถึงได้ตลอดชีวิต!”
“หากว่ามาอยู่กับข้า การจะเข้าสู่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อย การจะเหนือกว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนกับพวก ก็จะไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด!”
เหยื่อที่หย่อนลงมาในคราวนี้น่าตกใจมากจริงๆ กลายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นเหรอ! แม้แต่บรรพชนของเผ่าฟีนิกซ์ยังไม่กล้าพูดคำนี้ออกมาเลย ว่าจะสามารถกลายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแน่นอน ใครมันจะไปรับประกันได้ว่าจะสามารถกลายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ได้?
แต่ตอนนี้เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงสามารถรับประกันว่าจะเข้าสู่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ได้ อีกทั้งจากสีหน้าของเขาก็ไม่มีการโกหกแม้แต่น้อย ที่จริงก็สามารถดูจากตัวเขาได้ ตราบเท่าที่เขาดูดกลืนวิญญาณเข้าไปทั้งหมด ต่อให้ไม่สามารถเข้าสู่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่
เพราะเหลือแค่ใช้เวลาสักพัก เขาก็จะสามารถเข้าสู่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไม่ยากนัก ดังนั้น คำพูดของเขานี้จึงไม่ได้เป็นการโหหก หากว่าตัวเขามีระดับแค่ราชาวิญญาณหรือต่ำกว่านั้น เขาคงไม่สามารถพูดคำนี้ออกมาได้อย่างมั่นใจขนาดนี้อย่างแน่นอน
ผู้คนพากันมองไปที่อี้เทียนหยุน เผชิญหน้ากับเหยื่อชิ้นโต ไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนจะเลือกอะไร? ไม่รู้ว่าจะเลือกเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง หรือว่าเลือกที่จะยืนอยู่ข้างเดียวกับพวกเธอตามเดิม?
ที่จริง ในใจของพวกเธอก็รู้สึกถูกข้อเสนอนี้ดึงดูดเช่นกัน กลายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ แบบนี้ชื่อของตนจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน แล้วอย่างนี้ใครบ้างจะไม่อยากเป็น?
บรรพชนทั้งสามกุมอุปกรณ์ระดับเทวะในมือแน่น หากว่าอี้เทียนหยุนรับปาก งั้นก็หมายความว่าพวกเขาจะมีศัตรูเพิ่มขึ้น ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นศัตรูที่ร้ายกาจมากด้วย ทำให้ในมือของพวกเขาตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ พร้อมกับเกิดความรู้สึกกลัว กลัวว่าอี้เทียนหยุนจะเลือกฝ่ายตรงข้าม!
ซึ่งนี่จะหมายความว่าเผ่าฟีนิกซ์ของพวกเขาจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน ซึ่งแค่เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงคนเดียวพวกเขาก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว
อย่าว่าแต่อี้เทียนหยุนเลย
ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับอี้เทียนหยุน อี้เทียนหยุนไม่ได้ติดหนี้อะไรพวกเขา แค่มีชื่อว่าทูตศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเผ่าฟีนิกซ์ของพวกเขา
ไม่ว่าเขาจะเลือกอะไร ก็ไม่ถือว่าเป็นการอกตัญญู เพราะพวกเขาไม่ได้มีอะไรมอบให้อี้เทียนหยุน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม
“เหยื่อชิ้นนี้ไม่เล็กจริงๆ….” อี้เทียนหยุนส่งรอยยิ้มสงบไปให้ ขณะที่เปลวเพลิงสีดำในมือเพิ่มขนาดนั้น ก่อนจะถูกปาลงพื้นอย่างแรง เปลวเพลิงนี้ดำนี้ราวกับบ้าคลั่ง พร้อมกับเข้ากลืนกินวิญญาณร้ายส่วนที่เหลืออย่างหิวกระหาย พร้อมๆ กับเสียงกรีดร้อง วิญญาณร้ายตนนั้นก็ได้สลายไปในทันที
“เจ้า เจ้ากล้าทิ้งโอกาสในการเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างไม่คาดคิด!” เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงสีหน้าซีดขาว ขณะที่บริเวณหน้าผากมีเส้นเลือดผุดขึ้นมา พร้อมกับตะโกนเสียงกร้าวออกมาว่า “เจ้าต้องตาย ยิ่งกว่านั้น จะต้องตายอย่างทรมานด้วย!”
เขาไม่คิดว่าเหยื่อที่หย่อนลงไปของเขาจะถูกอีกฝ่ายปฏิเสธ ทำให้เขายากที่จะยอมรับจริงๆ
“ทิ้งโอกาสในการเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนส่ายหัว แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายถูกตลอดหรือยังไง ต่อให้ไม่มีเจ้า ข้าก็สามารถเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่ดี มันก็แค่นั้นเอง”
ช่างเป็นคำพูดที่อวดดีอะไรเช่นนี้