ตอนที่ 655: จากลา
“อะไรนะ เจ้าจะไปแล้ว?”
เมื่อบรรพชนทั้งสามรู้ว่าอี้เทียนหยุนกำลังจะไปแล้วในใจก็อดไม่ได้ต้องรู้สึกลังเลออกมา ทูตศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังขนาดนี้ พวกเขาจะเต็มใจปล่อยให้อีกฝ่ายไปได้ยังไง? แม้ว่าการลดลงของพลังวิญญาณในทะเลสาบฟีนิกซ์จะทำให้พวกเขากังวล แต่ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลไปกว่าความปลอดภัยของเผ่าฟีนิกซ์ทั้งเผ่าได้
“ใช่ ข้าต้องไปโลกสวรรค์น่ะ” อี้เทียนหยุนไม่ได้ปกปิดอะไร ถึงยังไงนี่ก็ไม่ใช่ความลับ ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้
“ไปโลกสวรรค์?” พวกเขาพากันมองหน้ากันด้วยความสงสัย จากนั้นก็ถามขึ้นมาว่า “ตอนนี้เส้นทางจากโลกใต้พิภพไปยังโลกสวรรค์ได้ถูกละทิ้งไปนานแล้ว ทำให้ยากที่จะขึ้นไปได้ตามใจ นอกเสียจากว่าจะขึ้นไปจากทางฝั่งโลกมนุษย์ แม้ระดับของทูตศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่ง แต่คิดว่าคงไม่สามารถผ่านเส้นทางนั้นไปได้ตามใจหรอกใช่ไหม?”
“เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง” อี้เทียนหยุนไม่ได้บอกว่าตนจะไปจากแท่นบูชาเทพเติ้งเทียน แต่ถึงจะไม่สามารถไปโดยผ่านทางแท่นบูชาเทพเติ้งเทียน เขาก็ยังสามารถไปยังเส้นทางที่ถูกปิดนั้นได้อยู่ดี
เขาในตอนนี้ได้ถือครองพลังของผู้พิทักษ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น สำหรับเขาจึงไม่มีข้อจำกัดอะไร เขาสามารถบินไปกลับทั้งสองโลกได้ตามใจ แต่เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเลือกที่จะไปโดยผ่านทางแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนแทน
“เอิ่ม….”
พวกเขาพากันมองหน้ากัน แม้ว่าจะรู้สึกเสียดาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถห้ามอี้เทียนหยุนได้ แล้วทำไมจะต้องห้ามไม่ให้เขาไปด้วยล่ะ? ก็ในเมื่อตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงได้ถูกจัดการแล้ว ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่มีปัญหาอะไรอีก
หลังจากนั้น อี้เทียนหยุนก็ตามพวกเขาออกไปที่ด้านนอก ไป๋สุ่ยหวงกับพวกได้ทำการขุดรากถอนโคนแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับสินสงครามที่เก็บกลับมาก็ได้ถูกแยกบรรจุไว้ที่แหวนเก็บของหลายวง
“ทูตศักดิ์สิทธิ์ นี่คือของที่พวกเขาได้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง เจ้าเอาไปตรวจดู” ไป๋สุ่ยหวงวางแหวนเก็บของลงบนโต๊ะ จำนวนของมันถือว่ามากเลยทีเดียว พูดได้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงนี้ มีทรัพยากรที่มากมายจริงๆ
ซึ่งของเหล่านี้เกือบทั้งหมดเรียกได้ว่าเป็นระดับสมบัติโดยเฉพาะ ส่วนพวกสถานที่สำหรับฝึกตนนั้น ของพวกนั้นไม่มีทางที่จะนำมาได้ ดังนั้นจึงเอามาได้แต่สมบัติเท่านั้น
อี้เทียนหยุนรับมาตรวจดู หลังจากตรวจดูนิดหน่อย เขาก็เก็บแหวนเอาไว้กับตัวไม่กี่วง จากนั้นก็พูดว่า “ข้าเอาเท่านี้แหละ ที่เหลือเป็นของพวกเจ้า”
ในแหวนเก็บของที่เขาทิ้งเอาไว้ บ้างมีโอสถ บ้างมีอาวุธ ซึ่งระดับก็ไม่ได้ถูกเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ต่ำเช่นกัน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณหรือสูงกว่า ส่วนโอสถก็เป็นโอสถชั้นที่ 4 ขึ้นไป ส่วนอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์และโอสถชั้น 5 นั้น ส่วนใหญ่เขาก็ทิ้งไว้ให้กับเผ่าฟีนิกซ์
หากสามารถทิ้งไว้ได้ทั้งหมด นั่นก็คงจะเป็นการดีที่สุด แต่รูปแบบของเขามักเป็นแบบให้ประโยชน์สูงสุดอยู่เสมอ ที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงถูกขุดรากถอนโคนเร็วขนาดนี้ เป็นเพราะบุญคุณของเผ่าฟีนิกซ์ หากว่าให้เขาลงมือจัดการเอง คงต้องเสียเวลามหาศาล
ดังนั้น เขาจึงต้องเอาไปบางส่วน และทิ้งส่วนใหญ่ไว้ให้กับเผ่าฟีนิกซ์
“แต่….” ขณะที่ไป๋สุ่ยหวงกำลังจะพูดอะไรออกมานั้น อี้เทียนหยุนก็ได้ส่ายหัวขัดคำที่เธอจะพูดออกมา
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เจ้าช่วยข้ากำจัดแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงที่มีอำนาจเหนือกว่า เรื่องนี้ทำให้ข้ารู้สึกตื้นตันนี้ นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้ นี่เป็นหลักการที่ข้าใช้อยู่เสมอ เมื่อมีส่วนร่วม ก็ต้องแบ่งผลประโยชน์ให้เท่าๆ กัน ทั้งข้ายังเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ และลั่วเหยียนก็อยู่ที่นี่เช่นกัน หากว่ารู้สึกอายที่จะรับ งั้นก็ช่วยข้าดูแลลั่วเหยียนด้วยล่ะกัน”
อี้เทียนหยุนใช้เวลาร่วมกับลั่วเหยียนเพียงระยะสั้นๆ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเรียกเขาว่าพ่อบุญธรรม งั้นเขาก็ต้องดูแลเธอให้ดี
“ก็ได้” ไป๋สุ่ยหวงก็ไม่ใช่คนที่พูดอะไรมาก ในเมื่ออี้เทียนหยุนบอกออกมาแบบนี้แล้ว เธอก็ไม่ปฏิเสธอีก
“พ่อบุญธรรม ท่านจะไปแล้วเหรอ?” ในตอนนี้ลั่วเหยียนก็ได้เดินเข้ามา นัยน์ตาคู่งามของเธอเหมือนจะมีแววปฏิเสธ
แม้ว่าความทรงจำจะฟื้นคืน แต่เธอก็ยังจำได้ถึงตอนเริ่มที่อี้เทียนหยุนได้ปกป้องเธอไม่เคยลืม และเมื่อคิดถึงคำที่เธอเรียกเขาเมื่อตอนแรก ก็ให้รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่เธอก็ยังรู้สึกดีต่อเขาเหมือนตอนแรกอยู่ดี
“ใช่ ข้ากำลังจะไปโลกสวรรค์” อี้เทียนหยุนยื่นมือออกมาลูบหัวน้อยๆ ของเธอ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อข้ากลับมาครั้งหน้า หวังว่าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่านี้ และกลายเป็นกระดูกสันหลังของเผ่าฟีนิกซ์นะ!”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!” ลั่วเหยียนแกว่งหมัดน้อยๆ ของเธอ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อถึงตอนนั้น พ่อบุญธรรมไม่ต้องปกป้องข้า แต่เป็นข้าที่จะปกป้องพ่อบุญธรรมเอง!”
“แล้วข้าจะรอให้เจ้ามาปกป้องนะ” อี้เทียนหยุนลูบหัวน้อยๆ ของเธอพร้อมกับเผยยิ้มออกมา จากนั้นก็หันไปบอกลาผู้อาวุโสคนอื่น แล้วไปจากที่นี่
“โชคดีจริงๆ ที่ทูตศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่ใช่คนชั่ว ไม่อย่างนั้น ด้วยระดับของเขา กลัวว่าเผ่าฟีนิกซ์ของเราคงจะไม่สามารถรับประกันได้” บรรพชนทั้งสามส่ายหัว
“หากเขาเป็นคนไม่ดี ข้าคงไม่เลือกเขาเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์หรอก” ไป๋สุ่ยหวงพูดด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ “เขาเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยความเมตตาและถูกต้อง ดูได้จากการปฏิบัติของเขาต่อลั่วเหยียนก็รู้ ใครที่ดีต่อเขา เขาก็จะดีด้วย จากนี้ไป พวกเราจะต้องอยู่ฝ่ายเดียวกันกับทูตศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าเขาจะเลือกอะไร พวกเขาก็ต้องเลือกตาม!”
“อืม!”
พวกเขาพากันพยักหน้าอย่างหนักแน่น หลังจากจบศึกครั้งนี้ พวกเขาก็คิดว่าอี้เทียนหยุนเป็นคนดีมาก เหมาะที่จะเป็นมิตรแท้
……
“ติ๊ง ยินดีด้วย ท่านทำภารกิจฉุกเฉิน “ช่วยเผ่าฟีนิกซ์” สำเร็จ! ได้รับค่าประสบการณ์ 500 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, ค่าความชั่ว 10,000, ค่าความชอบของเผ่าฟีนิกซ์เพิ่มขึ้น 200!”
ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเสียงระบบดังขึ้นมา บอกว่าเขาทำภารกิจสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้รับรางวัลเพิ่มแต่อย่างใด
ไม่นาน เขาก็มาถึงตรงหน้าแท่นบูชาเทพเติ้งเทียน ส่วนค่ายที่เป็นที่พักของผู้ฝึกตนแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงตอนนี้ได้หายไปไม่เหลือ แต่ที่มาแทนที่ก็คือกลุ่มผู้ฝึกตนทั่วไป พวกเขามาเพื่อสำรวจและทดสอบดูว่าจะเข้าไปได้ไหม
นานมาแล้วพวกเขาก็อยากจะเข้าไปเช่นกัน แต่ว่าที่นี่เป็นเขตปกครองของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง และตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงก็ไม่มีแล้ว เผ่าฟีนิกซ์เองก็ไม่ได้เขามาถือสิทธิ์ที่นี่เช่นกัน ดังนั้นผู้คนจึงพากันคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ไร้ซึ่งเจ้าของ
เหตุผลที่เผ่าฟีนิกซ์ไม่เข้ามาอ้างสิทธิ์ที่นี่เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าที่นี่เป็นของอี้เทียนหยุน เป็นมรดกที่เขาได้รับมอบมา ดังนั้นมันจึงเป็นของเขา ในเมื่ออี้เทียนหยุนไม่พูด แล้วใครจะไปกล้าอ้างสิทธิ์ล่ะ?
มีมหาค่ายกลป้องกันอยู่ แม้มีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณที่ร้ายกาจหลายคนมาดู ถึงขนาดแอบลอบเข้าไป แต่ไม่ว่าพวกเขาจะฝืนบุกเข้าไปยังไง ก็ไม่พ้นต้องถูกมหาค่ายกลดีดออกมาอยู่ดี
“นี่มันเรื่องอะไรกัน มีมหาค่ายกลป้องกันที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่ แล้วใครจะเข้าไปได้กัน? แท้จริงแล้วใครเป็นคนเปิดมันกันแน่ แดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิง? หรือว่าเผ่าฟีนิกซ์?”
“เรื่องนี้ก็ไม่แน่ใจนัก หากเป็นของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงจริง งั้นทำไมข้าถึงได้ยินว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนหมิงเองก็เข้าไปไม่ได้ล่ะ และการที่เผ่าฟีนิกซ์ไม่มานี้ ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาเองก็เปิดไม่ได้เหมือนกันหรอกเหรอ”
“งั้นก็แปลกจริงๆ คงไม่ใช่ว่าในนั้นผนึกซากอะไรสักอย่างเอาไว้หรอกนะ ถึงได้ไม่ให้พวกเราเข้าไป!”
พวกเขาพากันส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถบุกเข้าไปได้
“จากวันนี้ไป ที่นี่จะเป็นของแดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลงเรา ทุกคนออกไปซะ!” และในตอนนี้เองก็ได้มีผู้เชี่ยวชาญเดินขึ้นบันไดมา พร้อมกับตะโกนออกไปให้ทุกคนได้ยินด้วยเสียงที่ดังก้อง
หากอี้เทียนหยุนอยู่ เขาจะต้องจำอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน นี่ก็คือปรมาจารย์เทียนชิงที่เขาพบครั้งแรกที่เมืองล่างหยุน ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมาที่นี่
ต่อหน้าผู้ฝึกตนจำนวนมาก เขากลับทำการประกาศว่าแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนเป็นของแดนศักดิ์สิทธิ์อี้หลง เรื่องนี้ไม่ต่างไปจากเรื่องตลก!