ตอนที่ 660: แม้แต่ผู้กล้ายังต้องสะดุดเพราะเงิน 1 เฟิน
อี้เทียนหยุนรู้อยู่แล้วว่าพ่อค้าแผงลอยคนนี้เป็นนักต้มตุ๋น เขารู้มาแต่แรก แต่ว่าเพื่อต้องการหาข่าว ดังนั้นจึงได้เข้ามาคุยกับเขา แต่ไม่คิดว่าจะได้คำแนะนำจากเด็กหนุ่มคนนั้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่คิดไม่ถึงจริงๆ
ในโลกที่วุ่นวายนี้ ก็ยังมีคนดีอยู่ ซึ่งนี่ทำให้เขารู้สึกชื่นชม ในเมื่อมีโอกาสได้พบกัน งั้นเขาก็จะมอบโชคชะตาดีๆ ให้กับอีกฝ่าย!
แต่ก่อนหน้านั้น เขาต้องถามรายละเอียดจากพ่อค้าแผงลอยคนนี้ก่อน หลังจากที่ควบคุมพ่อค้าแผงลอยแล้ว เขาก็เริ่มสอบถามในทันที ทำให้รู้เรื่องราวของโลกสวรรค์อย่างคร่าวๆ เพราะข่าวที่วิญญาณมายารู้เกี่ยวกับที่นี่นั้น มีไม่มากนัก
มันไม่มีทางที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดได้ ยิ่งกว่านั้น ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ก็มาที่นี่สิบปีครั้ง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะรับรู้ข่าวสารในปัจจุบัน
ทำให้อี้เทียนหยุนต้องทำการสอบถามผู้คนที่อยู่ที่นี่เพื่อรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ซึ่งข้อมูลที่สำคัญที่สุดก็คือข้อมูลของชิเสวี่ยอวิ๋น และเขาก็ไม่โง่พอที่จะถามว่าชิเสวี่ยอวิ๋นอยู่ที่ไหนตรงๆ ใครจะไปรู้ว่าชิเสวี่ยอวิ๋นอยู่ที่ไหน?
ซึ่งข้อมูลที่เขาต้องการรวบรวมนั้นง่ายมาก นั่นก็คือข้อมูลของขุมอำนาจทั้งหมดในโลกสวรรค์! เขาอยากจะรู้ว่าขุมอำนาจไหนที่ให้ความสำคัญกับธาตุน้ำแข็ง ซึ่งนี้จะเป็นสถานที่ที่มีความเป็นไปได้อย่างมาก
ยิ่งกว่านั้น สภาพแวดล้อมในการฝึกฝนก็เช่นกัน ชิเสวี่ยอวิ๋นกายาน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์ หมายความว่าต้องฝึกในที่ที่หนาวเย็นถึงขั้นสุด แบบนั้นถึงจะได้ประสิทธิภาพใหญ่ที่สุด
อย่างรวดเร็ว เขาก็ได้ข้อมูลคร่าวๆ ออกมา แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ พ่อค้าแผงลอยคนนี้รู้มากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นขุมอำนาจน้อยใหญ่แค่ไหน เขาก็รู้ทั้งหมด
“ขุมอำนาจที่เข้าเค้ามีเกิน 6-7 ที่โดยไม่คาดคิด นี่คือโลกสวรรค์อย่างงั้นเหรอ?”
อี้เทียนหยุนคิดอย่างพูดไม่ออก พลังวิญญาณในโลกสวรรค์นั้นเหมาะกับผู้ชายมากกว่า แต่ใครจะรู้ว่าสถานที่ที่หนาวเย็นสุดขั้วจะมีอยู่ถึง 6-7 ที่ด้วยกัน นี่มันช่างขัดต่อเจตจำนงเดิมของโลกสวรรค์จริงๆ
ยังไงก็ตาม ธรรมชาติย่อมเปลี่ยนแปลงได้ ต่อให้จะเป็นสถานที่ที่ร้อน แต่ก็สามารถปรากฏสถานที่ที่เย็นสุดขีดได้ โลกที่ยิ่งใหญ่นี้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ตอนนี้มีมากถึง 6-7 ที่ ซึ่งเขาต้องทำการตัดออกไปทีละน้อย ฟังจากที่พวกเธอบอกมา ระดับของอีกฝ่ายนั้นจะต้องสูงกว่าระดับราชาวิญญาณอย่างแน่นอน นั่นก็หมายความว่าขุมอำนาจของฝ่ายต้องข้ามย่อมไม่แย่มากแน่ๆ อย่างน้อยก็ต้องเป็นขุมอำนาจชั้น 4 ขั้นไป เป็นอำนาจระดับอาณาจักร
ภายใต้การคัดออกนี้ สถานที่ทั้ง 6-7 นี้ทำให้เขารู้สึกปวดหัวมากจริงๆ ขุมอำนาจพวกนั้นล้วนแต่ใหญ่พอ ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่คุ้นเคยกับผู้คนและสถานที่ของที่นี่ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปถามว่าเจ้ารู้จักชิเสวี่ยอวิ๋นไหม?
หากเขาทำอย่างนั้น คงไม่วายต้องถูกคนอื่นด่าว่าเป็นโรคประสาทอย่างแน่นอน
“ดูเหมือนว่าคงต้องไปตามหาดู แต่ว่าพื้นที่ของแต่ละที่ก็ช่างกว้างจริงๆ…..” อี้เทียนหยุนส่ายหัว เขาคิดว่าด้วยความเร็วที่น่าทึ่งของตน การจะบินไปกลับแต่ละที่ รวมถึงเวลาที่ใช้สำรวจ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายปี เพื่อทำการตามหาขุมอำนาจพวกนี้
และหลังจากตามหาจากที่ที่เป็นไปได้นี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาพบ! และเขาก็ต้องทำการออกหาข่าวใหม่ โลกสวรรค์นี้ใหญ่มากจริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่พ่อค้าแผงลอยผู้นี้จะรู้ทุกเรื่อง
ยังมีตระกูลหรือสำนักที่ทำการซ่อนตัวจากโลก และยังมีขุมอำนาจเล็กๆ อีกที่มีความเป็นไปได้ การตัดสินใจของเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกทั้งหมด เพราะทั้งหมดนั้นเป็นแค่สัญชาตญาณเท่านั้น
“ใช่แล้ว วิญญาณชี้ทางไง!”
อี้เทียนหยุนนึกขึ้นได้ เมื่อตอนที่เขาได้ฉายาผู้ส่งวิญญาณ ตอนนั้นก็ได้รับวิญญาณชี้ทางมา มันสามารถนำเขาไปยังเป้าหมายของภารกิจได้ และภารกิจหลักก็มอบหมายให้เขาตามหาชิเสวี่ยอวิ๋น และอย่างนี้วิญญาณชี้ทางจะไม่สามารถตามหาชิเสวี่ยอวิ๋นได้ยังไง?
เขารู้สึกตื่นเต้นจนต้องตบเอามือตบหัวตัวเอง ทำไมถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปได้กัน?
จากนั้น เขาก็เปิดร้านค้าขึ้นมา อย่างรวดเร็ว ของทุกอย่างก็ปรากฏต่อสายตาของเขา ซึ่งของพวกนี้คือของที่เขาเคยได้มากจากการสุ่มลอตเตอรี่ หรือไม่ก็มาจากศัตรูที่เคยสังหาร ของพวกนี้จะปรากฏขึ้นในร้านค้า ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถซื้อพวกมันได้ในราคาสูง
และราคาของมันก็แพงมากกว่าหลายสิบเท่าหรืออาจจะร้อยเท่าจากราคาขาย ไม่ใช่ราคาที่คนจะซื้อได้ นี่ก็เหมือนกับเขาขายอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ไปในราคาหลายแสนค่าความคลั่ง แต่หากคิดจะซื้อของชิ้นเดียวกันจากร้านค้า ราคาที่ต้องใช้นั้นมากกว่าล้าน ซึ่งนี่เทียบได้กับการค้ากำไรเกินควร
อย่างรวดเร็ว เขาก็หา “วิญญาณชี้ทาง” พบ และเมื่อดูราคาของมันก็ทำเอาเขาหน้าเปลี่ยนสีในทันที 3 ล้านค่าความคลั่ง!
นี่ทำเอาเขาต้องกระอักเลือดออกมา ก่อนหน้าที่จะขายของออกไปนั้น ค่าความคลั่ง 3 ล้านเขาสามารถจ่ายออกไปได้สบาย แต่ว่าหลังจากที่เลื่อนระดับโหมดคลั่ง ก็ทำให้ค่าความคลั่งทั้งหมดของเขาเหลือไม่ถึงล้าน และของส่วนใหญ่เขาก็ทิ้งไว้ในอาณาจักรเทียนหยุน
ยังไงก็ตาม หากว่าเขาขายของทั้งหมดที่มี มันจะต้องได้ค่าความคลั่ง 6-7 ล้านอย่างแน่นอน แต่ว่าของพวกนี้เขาต้องใช้ และมันก็ไม่คุ้มที่จะขายอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์และวิชายุทธ์จำนวนมากออกไป
อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ในร้านค้าขายอยู่ที่ราคาประมาณ 1 ล้าน ซึ่งหมายความว่า หากขายอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ให้ร้านค้า 1 ชิ้น จะได้ค่าความคลั่งอยู่ที่ประมาณ 10,000 ซึ่งต้องขายอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ถึง 300 ชิ้น ถึงจะได้ค่าความคลั่ง 3 ล้านมา ส่วนวิชายุทธ์อื่นๆ ก็เหมือนกัน วิชายุทธ์ระดับสวรรค์หากขายให้กับร้านค้าก็จะได้ค่าความประมาณ 10,000 ระดับกลางก็จะแพงขึ้นมาหน่อย ส่วนระดับสูงนั้นเกือบจะถึง 1 แสนค่าความคลั่ง
ซึ่งตั้งแต่ที่เขาได้มา อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์มีอยู่น้อยมาก
และแน่นอนว่าตอนนี้เขาได้มอบมันให้กับพวกอี้อวี่เหว่ย ส่วนตัวเองนั้นไม่ได้เก็บอะไรไว้เลย นอกจากว่าจะขายอุปกรณ์ระดับเทวะออกไป ซึ่งราคาของมันก็สูงถึงระดับล้าน และตัวเขาก็มีอุปกรณ์ระดับเทวะอยู่ แต่ว่าเขารังเกียจที่ต้องขายพวกมันออกไป เพราะว่ามันไม่คุ้มอย่างมาก
“ค่าความคลั่ง 3 ล้าน คงต้องเก็บรวมรวมให้เร็วที่สุด…..”
อี้เทียนหยุนส่ายหัว เขาวางแผนว่าจะออกล่าและสังหารสัตว์อสูรระดับสูง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เร็วที่สุด แม้ของพวกนี้จะด้อยค่ากว่านิ้วหนึ่งนิ้วของชิเสวี่ยอวิ๋น แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ของชิเสวี่ยอวิ๋นต้องไม่อันตรายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวล
หากว่าเป็นอันตราย ต่อให้เขาต้องขายสมบัติของตระกูลออกไป เขาก็จะทำ อีกทั้งยังต้องจัดการกับศัตรูผู้นั้น ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นราชาเซียนหรือกระทั่งราชาศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม
“การทดสอบจะเริ่มแล้ว รีบซื้อรีบหาของกันเร็ว ไม่อย่างนั้นจะไม่มีเวลาซื้อแล้วนะ!”
“ใช่แล้ว! เสื้อคลุมเทพยุทธ์ของข้านี้ สามารถทำให้พวกเจ้าบินได้อย่างแน่นอน ช่วยให้ผ่านบททดสอบ พร้อมกับรับของรางวัลมาครอบครองได้อย่างง่ายดาย!”
“นี่คือโอสถเทพสวรรค์ของข้า ประสิทธิภาพของมันน่าทึ่งมาก มันสามารถคุ้มครองเจ้า ทำให้เจ้าปีนบันได้ขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ได้รับแรงกดดันแม้แต่น้อย!”
อีกไม่นานการทดสอบก็จะเริ่มแล้ว ดังนั้นพ่อค้าแผงลอยรอบๆ จึงพากันร้องตะโกนออกมา แต่ว่าพวกที่เหลือก็ไม่ได้ขยับ เพราะไม่ได้เข้ารับการทดสอบด้วย
แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนในโลกสวรรค์นี้ค่อนข้างเข้มงวดมา มันจำกัดทั้งอายุและระดับ ต้องเป็นผู้ที่มีระดับตั้งแต่หลอมรวมขึ้นไป แต่ไม่เกินระดับผันแปรวิญญาณ อีกทั้งอายุจะต้องไม่เกิน 30 ปีด้วย!
เหล่าพ่อค้าแผงลอยพวกนี้ล้วนแต่อายุเกิน 30 กันทั้งนั้น ส่วนพลังก็อยู่ในระดับผันแปรวิญญาณช่วงต้น ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาหลอกเงินจากที่นี่ อีกทั้งยังสามารถใช้ข้ออ้างว่าตนแก่เกินไป นำของเข้ามาขายให้กับผู้ที่เข้ามารับการทดสอบโดยเฉพาะ
“เอาล่ะ หลังจากมอบโชคชะตาให้กับเจ้าหมอนั่นแล้ว คงต้องออกไปหาที่ล่าสัตว์อสูร เพื่อสะสมค่าความคลั่งให้เร็วที่สุด”
อี้เทียนหยุนพยักหน้า นี่เป็นแผนที่เขาตั้งขึ้นมาชั่วคราว หรือไม่ก็ออกไปล่าค่าหัวตามประกาศจับ วิธีหาค่าความคลั่งมีอยู่มากมาย ค่าความคลั่ง 3 ล้านนั้นหายากมากในอดีต แต่ในปัจจุบันนี้ถือว่าค่อนข้างง่าย
หลังจากสังหารผู้เชี่ยวชาญ ค่าความคลั่งที่ได้รวมกับขายของทุกอย่างที่ได้มา หนึ่งครั้งก็จะได้ค่าความคลั่งประมาณ 10,000 หรืออาจจะมาก 100,000 ก็ไม่ใช่ปัญหา