ตอนที่ 664: คุกเข่า!!
ในโถงหลักแห่งนี้ปรากฏภาพที่แปลกประหลาดมากภาพหนึ่ง นั่นคือคนสองคนพากันนั่งจิบสุราบนโต๊ะอย่างเนิบๆ พร้อมกับมองดูเหล่ารุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ปีนป่ายบันไดขึ้นไปทีละขั้น และคนสามคนที่พากันคุกเข่าอยู่ที่พื้น ซึ่งบนพื้นตอนนี้ได้ถูกย้อมไปด้วยเลือดส่วนหนึ่งแล้ว หรือไม่ก็เหงื่อที่หลั่งออกมา ดูแล้วน่ากลัวมาก
ขุมอำนาจอื่นที่อยู่ใกล้ๆ พากันกังวลกับพวกเขา แม้จะรู้ว่าเป็นคนของวังตัวหลง แต่ก็ยังลงมืออย่างอหังการ ดูท่าอีกฝ่ายจะต้องมีเบื้องหลังที่น่าสะพรึงมากแน่ๆ? หากไม่ใช่ศิษย์ของขุมอำนาจระดับอาณาจักร ก็ต้องเป็นขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์?
หากว่าเป็นขุมอำนาจระดับอาณาจักรก็ยังพอจะแบกรับได้ แต่หากว่าเป็นขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะก็ วังตัวหลงไม่เพียงแต่ต้องเข้าไปยอมรับผิดด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ยังต้องชดใช้ค่าเสียหายให้อีกฝ่ายด้วย! นี่ก็คือความน่าสะพรึงกลัวของพลังที่อยู่เบื้องหลัง
“ขะ ข้าคือนายน้อยของวังตัวหลง เจ้า เจ้าตายแน่….” ตัวเจียเต๋อคำรามออกมา การที่ต้องถูกสะกดให้ต้องคุกเข่าต่อหน้าผู้คนมากขนาดนี้ ทำให้ในใจของเขารู้สึกถูกทารุณอย่างที่ยากจะจินตนาการถึง
“ข้าจะตายอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนส่ายหัวแล้วพูดว่า “นี่เจ้าสับสนอะไรอยู่หรือเปล่า เมื่อกี้นี้ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการสั่งสอนข้าโดยการใช้กำลังเข้าสยบคนอื่นอย่างงั้นเหรอ มาตอนนี้ข้าเป็นฝ่ายสยบเจ้า แล้วนี่คนของเจ้าจะมาถึงเมื่อไหร่ล่ะ?”
คำพูดเพิ่งจะจบ ก็ได้มีฝ่ามือที่ร้ายกาจซัดออกมาจากบริเวณใกล้ๆ พุ่งฝ่าอากาศเข้าใส่อี้เทียนหยุน
อี้เทียนหยุนเพียงโบกแขนเบาๆ ก็ทำให้ฝ่ามือมังกรทองนี้แหลกสลายกลายเป็นผง เปลี่ยนเป็นละอองแสงนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายไป การโจมตีที่น่าสะพรึงสำหรับคนอื่นนี้ สำหรับอี้เทียนหยุนแล้ว เป็นเหมือนกับยุงที่บินผ่านตา สามารถตบให้ตายได้อย่างง่ายดาย
“พอมีความสามารถนิดหน่อย เจ้าทำให้คนของเราต้องคุกเข่าลงกับพื้นอย่างนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าคงต้องตามข้าไปยังวังตัวหลงแต่โดยดีแล้วล่ะ!”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน ท่วงท่าของเขาดูยิ่งใหญ่มาก เป็นเหมือนกับกระบี่ที่ปักลงไปในใจของผู้คน ด้วยคมกระบี่ที่แหลมคม
“ผะ ผู้อาวุโสรอง!” เมื่อตัวเจียหลงเห็นคนผู้นี้ เขาก็รีบตะโกนเสียงดังทันที “ผู้อาวุโสรอง ช่วยข้าด้วย!”
“ตามเจ้าไป? เจ้าคิดว่าด้วยน้ำหน้าอย่างเจ้ามีคุณสมบัติพอเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา “เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าเป็นฝ่ายผิด ตำแหน่งนี้พวกเราเป็นฝ่ายได้มาก่อน แต่คนของเจ้ากลับคิดจะแย่งตำแหน่งของข้า ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องการหักแขนหักขาของข้าด้วย? เมื่อเป็นอย่างนี้ ให้ข้าหักแขนหักขาของเจ้าก่อนเป็นไง จะได้รู้ว่ารสชาติของการถูกทำอย่างนี้มันรู้สึกยังไง”
“ตำแหน่งพวกนี้ไม่ว่าใครก็สามารถครอบครองได้ไม่ใช่เหรอ?” ผู้อาวุโสรองพูดอย่างดุร้าย “ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถนิดหน่อย แต่ทุกอย่างจะจบลงหากว่าเจ้าตามข้าไป ไม่อย่างนั้น อย่ามาโทษหากว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”
“ผู้อาวุโสรอง ฆ่ามัน ฆ่ามันให้ข้า!” ตัวเจียเต๋อคำรามออกมา ไม่คิดให้เรื่องนี้ถูกจัดการอย่างง่ายดายเช่นนี้ ไม่อย่างนั้น การเสียหน้าครั้งใหญ่นี้ของเขา ไม่เสียเปล่าอย่างงั้นเหรอ?
“นายน้อยของเจ้าต้องการทำลายแขนและขาของข้า จากนั้นก็โยนข้าออกไป ปล่อยให้ตายอยู่ข้างนอก ตอนนี้เจ้ากลับบอกให้ข้าลืมมันไปอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา “ไม่ใช่เจ้าบอกว่าจะไม่เกรงใจหรอกเหรอ ทำไมถึงไม่เกรงใจล่ะ? หรือเป็นเพราะพวกเจ้าทั้งคู่อย่างงั้นเหรอ?”
เขาทำการจิบสุราอย่างใจเย็น บนใบหน้าราวกับไม่มีเรื่องมีราวอะไร ขณะที่เว่ยเฟยโจวที่อยู่ใกล้ๆ กลับกลัวจนตัวสั่น ผู้ที่ปรากฏตรงหน้านี้คือผู้อาวุโสรองซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ที่แข็งแกร่งกว่าเขามากนัก เรียกได้ว่าอยู่คนละระดับเลยดีกว่า
“หือ? พวกเจ้าทั้งคู่?” เว่ยเฟยโจวพลันสงสัยเมื่อได้ยินประโยคนี้
ผู้อาวุโสรองสีหน้าจมลงในทันที จากนั้นโดยไม่ลังเล เขาก็กระโจนใส่อี้เทียนหยุนทันที เขาทำการพลิกฝ่ามือ จากนั้นก็ปรากฏกระบี่ยาวขึ้น ก่อนที่มีลำแสงเย็นเยียบวาบผ่านไป ฟันกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งกระบี่ทำลายขุนเขาและสายน้ำ!
ขณะเดียวกัน ที่ด้านหลังของอี้เทียนหยุนก็ปรากฏเงาหนึ่งขึ้น และก็มีลำแสงกระบี่ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเขาเช่นกัน ทำการปิดกั้นทั้งหน้าหลังของเขาในพริบตา
การโจมตีที่มาจากหน้าหลังนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาวางแผนมาแล้ว แต่แรก พวกเขาก็วางแผนว่าจะโจมตีทั้งหน้าหลังอยู่แล้ว ไม่ได้คิดที่จะเจรจามาตั้งแต่แรก ทำให้นายน้อยของพวกเขาต้องคุกเข่าอยู่กับพื้นเป็นนาน อีกทั้งกระดูกยังแตกหักไปมาก แล้วอย่างนี้จะให้พวกเขายกโทษให้อี้เทียนหยุนได้ยังไง? นี่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
หากว่าพวกเขาไม่บดขยี้อี้เทียนหยุน วังตัวหลงของพวกเขาก็คงไม่มีหน้าอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะเชิดหน้าได้อีก
เว่ยเฟยโจวตกใจพร้อมกับรีบกระโดดตัวผึงขึ้น แต่ในขณะที่กำลังจะชักกระบี่ขึ้นต้านรับตามสัญชาตญาณอยู่นั้น อี้เทียนหยุนก็ได้วางจอกเหล้าลงเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสูงศักดิ์ว่า “คุกเข่า!”
คนทั้งสองที่เงื้อกระบี่พุ่งเข้ามา ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงที่ตกลงมาจากชั้นเมฆ กดทับลงมาที่พวกเขาอย่างแรง ทำให้พวกเขาพากันสูญเสียจุดโน้มถ่วง จากนั้นก็ถูกกดลงกับพื้น
“ตุบ!”
หลังจากที่เข่ากระแทกลงที่พื้น ก็เหมือนกับได้ยินเสียง “แกรก” ดังมา กระดูกของพวกเขาพากันแหลก พร้อมกับมีเลือดไหลออกมาจากเข่าของพวกเขาไม่หยุด ดูน่ากลัวมาก
แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้อย่างพวกเขา ก็ต้องถูกทำให้คุกเข่าลงกับพื้นแต่โดยดี เหมือนกับมอบกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์! กระดูกทั่วร่างของพวกเขาส่งเสียง “แกรก” ออกมา เสียงกระดูกหักที่ดังออกมานี้ ฟังดูแล้วน่ากลัวมาก
นี่มันน่ากลัวมากจริงๆ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ยังต้องคุกเข่าลง ถูกกดจนยากที่จะเคลื่อนไหว! คุกเข่าลงในประโยคเดียวอย่างนี้เลย?
ผู้คนพากันสูดหายใจเฮือก หากก่อนหน้านี้บดขยี้ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณได้อย่างง่ายๆ มาตอนนี้ ผู้อาวุโสทั้งสองก็ถูกสยบลงอย่างง่ายดายด้วย? นี่หมายความว่า หากไม่ใช่ระดับของเด็กหนุ่มคนนี้น่ากลัวมาก ก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่ร้ายกาจคอยปกป้องอยู่ด้านข้าง!
ซึ่งพวกเขารู้สึกเรื่องหลังมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า ถึงยังไงอี้เทียนหยุนก็ยังเด็กอยู่ เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะเป็นคนลงมือเอง?
แต่ไม่ว่าจะเป็นฝีมือใคร เรื่องนี้ก็ไม่สำคัญ ผู้อาวุโสทั้งสองของวังตัวหลง ตอนนี้พากันคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ขณะที่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับนั่งจิบสุราอย่างช้าๆ เหมือนก่อนหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส ราวกับเรื่องที่นี่ไม่เกี่ยวกับตน
“กังวลอะไรอยู่ นั่งลงดื่มสุราเถอะ” อี้เทียนหยุนหันกลับไปมองเหอหรงคุนที่ปีนขึ้นไปมากกว่า 200 ขั้นแล้ว “ดี มีพรสวรรค์ดี ดูเหมือนว่าท่านจะเลือกศิษย์ที่มีพรสวรรค์นะ”
เหอหรงคุนปีนขึ้นไปได้มากกว่า 200 ขั้นแล้ว เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้ว ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ แม้ว่าจะไม่ใช่ระดับที่ดีที่สุด แต่ดูแล้วกลับค่อนข้างมั่นคง หมายความว่ายังมีศักยภาพอีกมากที่ต้องขุดออกมา
“นะ นั่นมัน…..” เว่ยเฟยโจวปาดเหงื่อ เขาไม่ได้สงบเหมือนดังอี้เทียนหยุน มีผู้อาวุโสสองคนนั้นคุกเข่าอยู่ข้างๆ แล้วจะให้เขาใจเย็นได้ยังไง?
ในตอนนี้ผู้อาวุโสทั้งสองคนนั้นก็รู้แล้วว่าตนเองเผชิญหน้ากับผู้ที่ร้ายกาจคนหนึ่ง สามารถสยบพวกเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ หมายความว่าระดับของอี้เทียนหยุนจะต้องแข็งแกร่งมาก ไม่อย่างนั้นก็ต้องมีองครักษ์ที่ทรงพลังอยู่
และหากว่านี่เป็นการลงมือขององครักษ์ อีกฝ่ายก็ต้องมีพลังอย่างน้อยระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 6 ที่ 7 ถึงจะสามารถสยบผู้อื่นได้เพียงใช้แค่แรงกดดันเท่านั้น
หมายความว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณที่แข็งแกร่ง ต่อให้วังตัวหลงของพวกเขาจะมีขุมกำลังไม่แย่ แต่หากต้องมีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณขั้นท้ายเป็นศัตรู ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องดีจริงๆ
ตัวเจียเต๋อตอนนี้ก็รู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญแบบไหน แม้แต่ผู้อาวุโสสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดของวังตัวหลงก็ถูกทำให้คุกเข่า! จากที่ดูนี้ ต่อให้เป็นพ่อของตนมา ก็ไม่มีทางที่จะทำอะไรอี้เทียนหยุนได้ใช่ไหม?
มองดูอี้เทียนหยุนที่กำลังจิบสุราอย่างเกียจคร้าน ทันใดนั้น เหงื่อของพวกเขาก็ไหลออกมามากกว่าเดิม ดูเหมือนพวกตนจะเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าซะแล้ว ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นแผ่นเหล็กที่หนามากด้วย!