ตอนที่ 668: ข้อแลกเปลี่ยน
เหอหรงคุนปีนขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นบททดสอบที่สอง แต่ว่าเขาก็ยังเป็นกลุ่มผู้นำเหมือนก่อนหน้า แม้จะไม่ใช่อันดับหนึ่ง แต่สามารถติดหนึ่งในสามได้ก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว
อี้เทียนหยุนมองดูพวกเขาค่อยๆ ปีนขึ้นไปอย่างช้าๆ ตอนแรกเขาคิดว่าต้องช่วยซะอีก แต่มาตอนนี้ดูแล้วนอกจากตอนเริ่มต้นแล้ว หลังจากนี้ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะเข้าไปช่วยอีก
มาตรฐานของเหอหรงคุนนั้นดีมาก ไม่ต้องการความช่วยเหลือของเขาแต่อย่างใด ตอนแรกเขาคิดว่าถ้ามาตรฐานของเหอหรงคุนธรรมดา เขาจะช่วยให้อีกฝ่ายขึ้นไปติดรายชื่อ 30 คนแรก ให้เขาได้เพิ่มระดับอย่างราบรื่น
บททดสอบที่สองก็เช่นกัน หากว่าไม่ไหวจริงๆ เขาก็จะลดความยากของมันลงเล็กน้อย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เข้มงวดอะไรนัก เพราะยังไงก็ไม่ได้เป็นการเลือดผู้สืบทอดเป็นพิเศษอยู่แล้ว ดังนั้นเจ้าจึงสามารถใช้เวลาได้ตามใจ ไม่ได้เข้มงวดนัก
แน่นอนว่าตอนนี้โดยที่ไม่มีการช่วยเหลือจากเขา เหอหรงคุนก็สามารถปีนขึ้นไปได้อย่างราบรื่น ยิ่งกว่านั้นยังติดสามอันดับแรกอีก! ศักยภาพระดับนี้ ทำให้เขารู้สึกชื่นชมจริงๆ
ตัวแทนคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ถามอะไรอี้เทียนหยุนอีก คำตอบเมื่อกี้ของเขาก็สามารถตอบข้อสงสัยทุกอย่าง ส่วนพวกเขาจะคิดอะไรในใจกันตอนนี้นั้น มันไม่ค่อยแน่ชัดนัก
คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึงศิษย์ที่ตนพามา แม้ว่าการทดสอบนี้จะสำคัญ แต่หากคิดจะได้วิชายุทธ์แล้วล่ะก็ จำเป็นต้องขึ้นเป็นอันดับแรกๆ ถึงจะได้รับวิชายุทธ์จากแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้
แม้วิชายุทธ์ที่ได้มานี้จะดี แต่ก็ไม่ได้ดีที่สุดอย่างแน่นอน ดังนั้น วิชายุทธ์ที่ได้มานี้ จึงเป็นได้เพียงแค่ของว่างเท่านั้น ไม่ใช่อาหารจานหลัก
ตอนนี้มีผู้สืบทอดอยู่ที่นี่ หมายความว่าเขาต้องได้รับสืบทอดวิชายุทธ์มากมาย วิชายุทธ์หลายอย่างของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนนั้นน่าทึ่งมาก โดยเฉพาะความสำเร็จด้านค่ายกลของเขา เป็นหนึ่งไม่มีสองอย่างแน่นอน ดังนั้น หลายคนจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้รับการสืบทอดนี้มา แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ได้มา
มาตอนนี้มีโอกาสแล้ว ดังนั้น สายตาของพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ที่ศิษย์ของตน แต่ว่าอยู่ที่ตัวอี้เทียนหยุน คิดว่าทำยังไงถึงได้ของที่ต้องการจากปากของอีกฝ่าย
“นายน้อยอี้ ไม่ทราบว่าจะสามารถสอนบางอย่างที่ได้รับสืบทอดมาให้กับพวกเราได้ไหม? แน่นอนว่าพวกเราไม่ได้ต้องการเปล่า พวกเราย่อมตอบแทนท่านด้วยของรางวัลล้ำค่าอย่างแน่นอน รับประกันว่าท่านต้องพอใจ!” และมีตัวแทนที่ในที่สุดก็นั่งไม่ติด พลันพูดสิ่งที่ต้องการออกมา
“พวกเราก็ต้องการมรดกเช่นกัน ที่พวกเราต้องการนั้นไม่มาก เพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้นก็พอ ส่วนเรื่องของตอบแทนนั้นคุยกันได้…..”
“พวกเรา…..”
คนที่ออกมาหน้าเป็นคนแรก ต้องการแลกเปลี่ยนวิชายุทธ์ที่ได้สืบทอดจากเขา เมื่อมีคนเริ่ม คนที่เหลือแน่นอนว่าต้องตามมาติดๆ
อี้เทียนหยุนไม่ได้ประหลาดใจกับอาการตื่นเต้นของพวกเขาแม้แต่น้อย กลับกัน เขากลับพูดออกมาเบาๆ ว่า “ข้าได้รับมรดกหลายอย่างมาจริงๆ แต่เจ้าคิดว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนเป็นคนโง่เหรอ เขาจะให้ข้าเปิดเผยต่อคนนอกตามใจได้ยังไง? มรดกบางอย่างเจ้าเชื่อไหม ต่อให้ข้าบอกออกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจ”
แต่ละคนต่างก็มองหน้ากัน การปิดกั้นมรดกเป็นเรื่องธรรมดา จากคำพูดนี้ หรือว่าพวกเขาจะต้องยอมแพ้ที่จะได้รับมรดกอย่างงั้นเหรอ? ทันใดนั้น พวกเขาก็พากันรู้สึกหมดกำลังใจ
“แน่นอนว่าวิชายุทธ์บางอย่างเกรงว่าจะไม่ได้ แต่หากเป็นเรื่องค่ายกลแล้วล่ะก็ เขาสามารถตัดสินใจได้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องนี้ข้าสามารถมอบให้ได้ตามต้องการเลย ข้าคิดว่าที่พวกเจ้าสนใจ คงเป็นมรดกเรื่องค่ายกลนี้ใช่ไหม? ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนมีชื่อเสียงที่สุดด้านค่ายกล ไม่ใช่วิชายุทธ์”
หากพูดถึงวิชาที่มีชื่อเสียงที่สุด แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน แต่วิชายุทธ์ของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนก็เป็นที่ต้องการของผู้คนเช่นกัน แต่วิชายุทธ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดนั้นไม่ใช่ของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน แต่เป็นของราชาศักดิ์สิทธิ์คนอื่น
ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนมีชื่อเสียงที่สุดในด้านค่ายกล นั่นก็คือค่ายกลระดับผู้สร้าง ซึ่งคุณค่าของมันย่อมต่างออกไปอย่างแน่นอน ในสามโลกนี้ นักสลักอาคมระดับผู้สร้างนั้นมีอยู่ด้วยกันประมาณ 3 คน และราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนก็เป็นหนึ่งในนั้น
ส่วนอีกสองคนนั้นไม่เหลือร่องรอยใดๆ ไว้ มีเพียงแต่ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนเท่านั้นที่เหลือมรดก ซึ่งความสำคัญของมันแน่นอนว่าย่อมต่างกันเป็นธรรมดา
“น่ะ นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ! เมื่อเป็นอย่างนี้ พวกเราเต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนกับมรดกนี้เช่นกัน รับประกันว่าท่านจะต้องพอใจอย่างแน่นอน!”
“พวกเราด้วย พวกเราก็ไม่ต้องการวิชายุทธ์เหมือนกัน พวกเราต้องการมรดกค่ายกลนี้ด้วย!”
เหล่าตัวแทนที่ผิดหวังพลันกระโดดออกมาอีกครั้ง คราวนี้แต่ละคนต่างก็หน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น นี่ทำให้การมาที่นี่ของพวกเขามีความหมาย ที่แย่งกันขึ้นไปอยู่ในอันดับแรกๆ นั้น ก็ไม่ใช่เพื่อให้ได้รับมรดกค่ายกลนี้อย่างงั้นเหรอ
แต่ว่าน่าเสียดายที่ไม่ว่าจะทดสอบสักกี่ครั้ง ก็ไม่มีใครได้มันมา เหมือนกับว่าบททดสอบจะไม่มีมันอย่างไงอย่างงั้น และในความเป็นจริงก็เป็นอย่างนั้น รางวัลสำหรับการทดสอบนั้นเป็นแค่วิชายุทธ์เท่านั้น ระดับที่แย่ที่สุดคือระดับปฐพี และระดับที่สูงที่สุดคือระดับสวรรค์ ซึ่งสำหรับขุมอำนาจทั่วๆ ไปแล้ว ถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าเลยทีเดียว
“ไม่ ข้าไม่ต้องการสมบัติของพวกเจ้า ข้าต้องการแค่ข่าวชิ้นหนึ่งเท่านั้น” อี้เทียนหยุนส่ายจอกสุราในมือ พร้อมกับสีหน้าที่สงบเหมือนก่อนหน้า
“ข่าวชิ้นหนึ่งอย่างงั้นเหรอ?” ผู้คนพากันมองหน้ากัน พวกเขาไม่เคยคิดถึงของรางวัลอย่างนี้มาก่อน พวกเขาคิดว่าต้องใช้โอสถจำนวนมาก หรือไม่ก็อาวุธต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนเสียอีก
เว่ยเฟยโจวที่อยู่ใกล้ๆ ในใจสั่นสะท้าน เหมือนกับคาดเดาอะไรบางอย่างออก
“ใช่แล้ว ข่าวชิ้นหนึ่ง” อี้เทียนหยุนพูออย่างไม่ใส่ใน “ช่วยข้าหาตระกูลลับที่มีชุดสีขาว ที่บนนั้นปักไว้ด้วยดอกเหมยสีแดง ใครที่ให้ข่าวเรื่องนี้ได้ถูกต้องที่สุด ข้าจะมองมรดกค่ายกลให้กับเขา วางใจเถอะ ข้าย่อมไม่ทำแบบขอไปที มอบค่ายกลขยะให้พวกเจ้าอย่างแน่นอน ข้าจะมอบมรดกค่ายกลที่ดีให้พวกเจ้าแน่ๆ”
“แต่แน่นอนว่า หากคิดจะเอาข่าวมั่วๆ มาหลอกข้าแล้วล่ะก็ อย่ามาโทษหากว่าข้าจะไม่เกรงใจ”
สายตาของอี้เทียนหยุนเย็นชา พร้อมกับทิ่มแทงเข้าไปในใจส่วนลึกของพวกเขาจนตัวสั่น ในใจพวกเขารู้สึกขนลุก เด็กหนุ่มคนนี้ ไม่ได้พึ่งพาพลังของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนเพื่อกดดันคนอื่น แต่ใช้พลังของตัวเองอย่างงั้นเหรอ?
นี่ทำให้ในใจของพวกเขาเย็นเฉียบ
รู้สึกเหมือนกับเผชิญหน้ากับราชาเซียนผู้หนึ่ง
อี้เทียนหยุนยกจอกสุราขึ้นจิบอีกครั้ง พร้อมกับเก็บสายตากลับมา ราวกับเรื่องก่อนหน้านี้ทั้งหมด เป็นแค่เรื่องธรรมดาเท่านั้น
ทำไมเขาถึงต้องเปิดเผยฐานะของตนน่ะเหรอ นั่นก็เพราะว่าเขาไม่มีวิญญาณชี้ทางน่ะสิ แต่ว่าเขามีพลัง! ตราบเท่าที่บอกฐานะของตนออกไป ตัวแทนเหล่านี้จะต้องเข้ามาติดกับอย่างแน่นอน
เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็จะให้คนกลุ่มนี้ช่วยสืบ ด้วยขุมอำนาจของแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากเช่นนี้ เขาไม่เชื่อว่าจะหาตระกูลลับที่ว่านี้ไม่พบ บางครั้งก็ไม่สามารถพึ่งระบบได้ ในเมื่อตอนนี้มีผู้ฝึกตนตั้งมาก งั้นก็ให้พวกเขาช่วย แบบนี้จะทำให้หาได้ง่ายขึ้น
ส่วนจะมอบมรดกค่ายกลนั้นให้พวกเขานั้น แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มอบค่ายกลที่สำคัญที่สุดให้ แต่จะเป็นค่ายกลระดับกลางๆ แทน ถึงยังไงของพวกนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก แต่ต่อให้พวกเขาจะต้องการค่ายกลระดับสูง เขาก็ไม่มีปัญหา เพราะถึงยังไง ของพวกนี้ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าชิเสวี่ยอวิ๋น
เว่ยเฟยโจวที่อยู่ใกล้ๆ พยักหน้า เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขากำลังตามหาผู้หญิงที่เขาพบจริงๆ ด้วย!
พวกเขาพากันมองหน้ากัน ไม่คิดว่าจะให้พวกเขาช่วยหาตระกูลลับ! ยังไงก็ตาม เรื่องนี้ก็ง่ายมาก แค่ให้ข้อมูลอีกฝ่ายไป ถึงยังไงก็รู้สึกดีกว่าที่ต้องแลกเปลี่ยนมันด้วยสมบัติจำนวนมาก