ตอนที่ 669: ค้นหา
“บนชุดปักสัญลักษณ์ดอกเหมยเอาไว้……”
ผู้คนพากันคิดถึงสัญลักษณ์นี้ คิดว่าตระกูลลับไหนที่ใช้ดอกเหมยปักไว้บนชุด พวกเขาต้องการคิดให้ออกในทันที จะได้ถือโอกาสรับเอามรดกค่ายกลกลับไปด้วยเลย เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะถือว่ามีคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ จากนั้น ของรางวัลจำนวนมากก็จะพากันถาโถมเข้ามาหาพวกเขา แค่คิดก็ให้รู้สึกตื่นเต้นแล้ว
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคิดยังไง ก็คิดไม่ออกแม้แต่น้อยว่าเป็นของขุมอำนาจไหน ในฐานะตัวแทนของพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องมีการติดต่อกับขุมอำนาจอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง ก็คิดไม่ออก
พวกเขาพากันอยู่ในสภาพนี้จนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วยาม แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรออกมาเลย
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ข้าให้เวลาพวกเจ้าคิดจนพอเลย ระหว่างนี้ข้าจะพักอยู่ที่แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้เพื่อรอพวกเจ้ากลับมา ใครที่นำข้อมูลที่ถูกต้องกลับมาได้ก่อน ข้าก็จะมอบมรดกให้กับคนผู้นั้น” อี้เทียนหยุนมองพวกเขาพร้อมพูดอย่าไม่แยแส “แน่นอนว่าหากเวลาต่างกันไม่มาก ข้าก็จะไม่ให้อีกคนต้องกลับไปด้วยมือเปล่าอย่างเด็ดขาด”
“ซึ่งเวลาที่ว่านี้ คือต้องห่างกันไม่เกินครึ่งวัน หากเกินกว่านี้ ต่อให้จะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง แต่ก็จะไม่ได้รับรางวัลใดๆ”
เขาไม่ใช่นักบุญที่จะมอบรางวัลให้อีกฝ่ายตามต้องการ ไม่อย่างนั้นเขาคงเสียเปรียบครั้งใหญ่ หากยืดเวลาออกไปเพียงเล็กน้อยและได้คำตอบเหมือนกัน งั้นเขาก็ย่อมเต็มใจที่จะมอบรางวัลให้
เหตุผลหลักคือไม่ต้องการให้พวกเขาต้องทำงานอย่างสูญเปล่า เขาเป็นคนที่ใจบุญมาก สำหรับคนอื่นนั้น ค่ายกลพวกนี้คือสิ่งที่ต่อให้ตายก็ไม่เต็มใจมอบมันให้กับใคร แต่สำหรับเขาแล้ว ค่ายกลพวกนี้ไม่นับว่าเป็นอะไรได้ ถึงยังไงก็เป็นแค่ข้อมูลเท่านั้น ต่อให้แพร่ออกไปก็ไม่เป็นอะไร ไม่ใช่การมอบอุปกรณ์ระดับเทวะให้อีกฝ่ายซะหน่อย
“ที่มองข้าเหมือนอยากจะพูดแต่ไม่พูดน่ะ อยากจะพูดอะไร?” อี้เทียนหยุนหันไปพูดกับเว่ยเฟยโจว
“นายน้อย คืออย่างนี้ ตระกูลลับนั้นที่ท่านต้องการหาน่ะ ข้าสามารถวาดออกมาให้ท่านได้” เว่ยเฟยโจวพูด
“ตกลง” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่นับว่าดียิ่ง”
จากนั้น เว่ยเฟยโจวก็หยิบกระดาษออกมา จากนั้นก็เริ่มวาดอะไรลงไป หลังจากนั้น ภาพวาดคนที่เหมือนกับมีชีวิตก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
ที่ปรากฏต่อสายตาพวกเขาก็คือหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง รูปร่างสูงบางอยู่ในชุดคลุมยาวระพื้น และบนชุดตัวนั้นมีสัญลักษณ์ดอกเหมยปักอยู่ นอกนั้นก็ไม่มีสัญลักษณ์พิเศษอะไรอีก
เมื่อเห็นสัญลักษณ์นั้น คนที่อยู่ใกล้ๆ ก็พากันหยิบกระดาษขึ้นมาคัดลอกภาพนั้น พูดได้ว่าทุกคนเลยดีกว่า ภาพนี่เทียบได้กับข้อมูลชิ้นโต แล้วพวกเขาจะปล่อยผ่านมันไปได้ยังไง
“ดี” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดว่าความสามารถด้านการวาดภาพของเจ้าจะร้ายกาจขนาดนี้”
“บอกกับนายน้อยโดยไม่ปิดบัง ก่อนหน้าที่ข้าน้อยมีระดับต่ำกว่านี้ ได้เป็นจิตรกร รับวาดภาพผู้อื่นเป็นพิเศษ” เว่ยเฟยโจวยิ้ม
“อืม ดีมาก” อี้เทียนหยุนผลักกระดาษแผ่นนี้ออกไปข้างหน้า จากนั้นก็พูดอย่างเฉยชาว่า “ดูนี่ ยิ่งมีข้อมูลมาก พวกเจ้าก็จะยิ่งหาได้ง่ายขึ้น”
พวกเขาเบิ่งตามองอย่างแจ่มชัด บางคนก็ทั่งทำการคัดลอกจนเหมือนเป๊ะ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการหา
“ดี ดี! พวกเราจะไปสืบข่าวเดี๋ยวนี้เลย แต่ขอนายน้อยอี้ได้โปรดรอฟังข่าว!”
ทันใดนั้น เหล่าตัวแทนก็พากันแยกย้ายในทันที พากันออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว ไม่คิดจะอยู่รอลูกศิษย์เข้ารับการทดสอบจนเสร็จ สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการรวบรวมข้อมูล จากนั้นก็รับเอามรดก นี่จึงจะเป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด
ส่วนลูกศิษย์ของพวกเขาจะเป็นยังไงก็ช่าง เพราะถึงยังไงก็ไม่ถึงตายอยู่แล้ว ที่นี่ไม่เข้มงวดเหมือนกับโลกใต้พิภพ เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็เป็นบททดสอบเพื่อการแข่งขันเท่านั้น ไม่ใช่บททดสอบเพื่อเอาชีวิต ตราบใดที่เลือกยอมแพ้ เมื่อนั้นก็จะถูกส่งออกมาในทันที
เหมือนก่อนหน้า ที่ไม่จำเป็นต้องไปให้ถึงขอบแล้วกระโดดลงมา ถึงจะเรียกว่ายอมแพ้จริงๆ
ทันใดนั้น ตัวแทนหลายคนก็พากันจากไปในทันที เพื่อหาข่าว แต่ก็มีบางคนที่ไม่ไปไหน ซึ่งพวกเขาก็คือขุมอำนาจที่ไม่มีกำลังพอ ถึงออกไปก็กลัวว่าจะหาข่าวอะไรกลับมาไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงคอยอยู่ที่นี่เท่านั้น
อี้เทียนหยุนมองพวกเขาจากไป จากนั้นก็กลับไปจิบสุราอย่างช้าๆ เหมือนก่อนหน้า ระหว่างที่รอให้พวกเขาหาข้อมูลกลับมา
“อันนี้ถือว่าเป็นรางวัลให้เจ้า” อี้เทียนหยุนหยิบเอาอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำออกมา พร้อมกับวางลงบนมือเว่ยเฟยโจว
ขณะที่เว่ยเฟยโจวรับมา ในใจก็อดไม่ได้ต้องสั่นสะท้าน พูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า “นะ นายน้อย…. นี่มันไม่ล้ำค่าเกินไปเหรอ?”
เขาก็แค่วาดภาพง่ายๆ ออกมาภาพหนึ่งเท่านั้น ตอนนั้นก็คิดว่าอี้เทียนหยุนน่าจะให้การดูแลดีๆ แก่เขา เท่านั้นเขาก็มีความสุขแล้ว ดังนั้นจึงได้วาดสิ่งที่เคยเห็นทั้งหมดออกมา แต่ไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะตอบแทนด้วยของรางวัลเช่นนี้
ใครจะคิดว่ายกอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ให้ ผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้ๆ ก็มองดูด้วยตาที่เบิกโพลง เหมือนกับไม่กล้าเชื่อ เพียงแค่วาดภาพ 1 ใบ ก็ได้รับอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์มาง่ายๆ อย่างนี้! จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะพากันตกใจ
พวกเขาหวังว่าตัวเองจะวาดภาพแบบนั้นออกมาได้บ้าง จะได้รับอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์กับเขาซะที
“ไม่มีอะไรล้ำค่าเกินไปหรอก สำหรับคนที่ช่วยข้า ข้าย่อมไม่ทำเรื่องอยุติธรรมต่อเจ้าอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“แต่ข้าน้อยก็แค่วาดภาพออกไปตามใจเท่านั้น กลับตอบด้วยอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้มัน……” เขาเคยเห็นอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน แต่ว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้มันมาครอง หากเปลี่ยนเป็นขุมอำนาจชั้น 3 แล้วล่ะก็ อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์เทียบได้กับสมบัติเลยทีเดียว!
มาตอนนี้กลับมองให้กับเขาง่ายๆ ราวกับเป็นขยะ นี่จึงทำให้เขารู้สึกตกใจจริงๆ
“ข้าบอกว่าให้เจ้า ก็คือให้เจ้า ยังจะมาอะไรอีก” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “หากว่าเจ้าไม่ชอบมัน งั้นเจ้าก็เอาไว้ให้ศิษย์เจ้าใช้ก็ได้”
“ไม่ ไม่ ผู้น้อยไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่คิดว่ามันล้ำค่าเกินไปเท่นั้น…. ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าก็ต้องขอขอบคุณนายน้อยมาก” เว่ยเฟยโจวตื่นเต้นอย่างมาก นี่คืออุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ!
นี่เป็นของที่คนอื่นๆ ต่างก็อยากได้มาครอง ตอนนี้ได้มาอยู่ในมือของเขาแล้ว แล้วจะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้ยังไง?
ในตอนนี้เขาก็รับมันมาเป็นที่เรียบร้อย ไม่แปลกใจเลยที่อี้เทียนหยุนจะไม่ตื่นเต้นต่อของขวัญที่ตัวแทนต่างๆ มอบให้ เพราะของขวัญเหล่านั้น หากเทียบกับอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว เปรียบได้กับขยะชิ้นหนึ่งจริงๆ
ตัวแทนเหล่านั้นแน่นอนว่าไม่มีทางที่จะมอบอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้แน่ สำหรับอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์นั้น พวกเขาล้วนแต่ต้องการ แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่จะให้มอบพวกมันให้กับคนอื่น?
อี้เทียนหยุนยังคงจิบสุราอย่างช้าๆ เหมือนก่อนหน้า ก็เหมือนกับที่เขาได้พูดไป ว่าตราบใดที่ช่วยเขา เขาก็จะมอบรางวัลสูงค่าให้ ไม่มีทางที่จะปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่ออีกฝ่ายอย่างแน่นอน
และเวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก็ได้มีคนขึ้นไปถึงยอดแล้ว ส่วนเหอหรงคุนนั้น ได้ตกลงมาอยู่ข้างหลังนิดหน่อย จากอันอับที่ 3 หล่นมาอยู่ที่ 5 ยังไงก็ตาม โดยรวมแล้วก็ถือว่าใช้ได้ ยังมีเวลาเหลือเฟือก่อนที่บททดสอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น
และกระบวนการนี้ก็ไม่ได้ดำเนินต่อไปนานนัก โดยรวมแล้วใช้เวลาในการปีนโดยเฉลี่ย 3 วัน หากว่าเกิน 3 วันแล้วยังปีนขึ้นไปไม่ถึงยอด ก็จะถือว่าล้มเหลว
สุดท้าย เหอหรงคุนก็ได้ปีนขึ้นไปถึงยอดได้สำเร็จ โดยขึ้นไปถึงเป็นอันดับที่ 5 สุดท้ายแล้วก็สามารถปีนขึ้นไปเป็นอันดับต้นๆ ได้สำเร็จ ซึ่งในขั้นตอนนี้ มีผู้ผ่านบททดสอบด้วยกัน 8 คน ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องถูกตัดสิทธิ์ไปในทันที
และคนที่เหลือทั้ง 8 คนนี้ ก็จะถือว่าเป็นผู้เข้ารับบททดสอบสุดท้าย นั่นก็คือการประลอง ซึ่งจะเป็นการประลองจนกว่าจะเหลือคนสุดท้าย และมีเพียงแค่สามอันดับแรกเท่านั้นที่จะได้ของรางวัล ส่วนที่เหลือนั้นจะไม่ได้รางวัลอะไรกลับไป
อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความพอใจ ไม่เพียงแต่จะมอบโชคชะตาที่ดีให้เขาเท่านั้น แต่เขายังช่วยจัดการปัญหาให้หลายอย่าง ตอนนี้ที่เขาต้องการก็คือเวลาเท่านั้น อย่างอื่นไม่จำเป็น