ตอนที่ 672: มามอบค่าประสบการณ์และค่าความคลั่งให้ถึงที่
อี้เทียนหยุนมองไปที่เว่ยเฟยโจว แต่ไม่ได้รับปากในทันที เพียงแค่มองไปที่เขา จากนั้นก็ยกจอกสุราขึ้นจิบอย่างช้าๆ
เว่ยเฟยโจวยังคงคุกเข่าอยู่ที่นั่น และก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
หลังจากนั้นสักพัก อี้เทียนหยุนก็ได้เปิดปากพูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “เจ้าต้องการพูดเรื่องศิษย์ของเจ้าอย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่ ข้าน้อยรู้ว่าพรสวรรค์ของหรงคุนนั้นดี แต่ในฐานะอาจารย์ ข้าไม่สามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขาได้ ข้าอยากจะให้นายน้อยรับเขาเป็นข้ารับใช้ ไม่ต้องถึงกับรับเขาเป็นศิษย์ แค่ให้เขาได้ติดตามอยู่ข้างกายท่าน เท่านั้นก็พอแล้ว”
ในช่วงเวลาสั้นๆ เว่ยเฟยโจวก็ได้ทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ ยกเหอหรงคุนให้กับอี้เทียนหยุน นี่เป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว นี่ก็เหมือนกับการปูทางให้กับเหอหรงคุน
ตอนนี้เหอหรงคุนมีวิชายุทธ์แล้ว อาวุธก็มีแล้วเช่นกัน จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ร้องขออะไรอีก แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะให้เหอหรงคุนไปเป็นข้ารับใช้ นี่มันช่างน่าตกใจจริงๆ
เมื่ออี้เทียนหยุนเห็นเว่ยเฟยโจวคุกเข่า ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไร ในฐานะคนที่ผ่านประสบการณ์มามาก แค่เขาคุกเข่าลงก็เดาได้แล้วว่าจะขออะไร
“เจ้าจะยอมแพ้ทั้งอย่างนี้เหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา
“การที่หรงคุนได้ติดตามนายน้อย ถือเป็นโชคชะตาที่ดีที่สุดสำหรับเขา! หากว่าอยู่กับข้าต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่หากติดตามนายน้อย เขาจะต้องก้าวหน้าขึ้นแน่นอน” เว่ยเฟยโจวพูดอย่างจริงใจ “ด้วยกำลังของข้า ไม่มีทรัพยากรพอที่จะส่งเสริมเขา ข้าก็เป็นแค่ผู้ฝึกตนพเนจรคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ข้าเห็นนายน้อยชื่นชมเขา ดังนั้นก็เลยกลั้นใจขอออกไป หวังว่านายน้อยจะรับปาก!”
เขารู้ขีดจำกัดดี สายตาที่เหมือนกับเปลวเพลิงลุกโชนอยู่นั้น รู้ว่าต้องตัดสินใจยังไง หากว่าพลาดโอกาสนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเจออีกเมื่อไหร่
ไม่ว่าจะเป็นวิชายุทธ์หรืออาวุธอะไร สำหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่ มีแต่สามารถติดตามอยู่ข้างกายอี้เทียนหยุนได้เท่านั้น นั่นจึงจะเป็นเกราะป้องกันที่ใหญ่ที่สุด!
สามารถยกอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ให้คนอื่นง่ายๆ นั่นก็หมายความว่าเขาต้องมีอาวุธที่เหนือกว่านี้มาก ตราบเท่าที่อยู่ใต้การจัดการของอี้เทียนหยุน ไม่ใช่ว่านั่นคือโอกาสหรอกเหรอ?
เว่ยเฟยโจวรู้ทันทีว่าควรต้องทำอะไร ดังนั้น จึงได้ขอให้ศิษย์ของตนไปกับอี้เทียนหยุน
“เขาดีจริงๆ นั่นล่ะ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาชั่วคราว เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าทิ้งที่อยู่ไว้ หลังจากข้าจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว จะไปหาเจ้าเอง” อี้เทียนหยุนคิดว่าเหอหรงคุนนั้นดีจริงๆ หากว่าสามารถรับเขามาได้ จากนี้ไปเขาก็สามารถกลายเป็นดาวของอาณาจักรได้อย่างแน่นอน!
เหอหรงคุนเปรียบดั่งหยกเนื้อดี ที่ต้องทำก็คือต้องเจียรนัยเท่านั้น จากนั้นก็จะกลายเป็นหยกที่เปล่งประกายได้ แต่ตอนนี้เขามีเรื่องให้ต้องทำอีกมาก ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไร
แต่ในเมื่อเว่ยเฟยโจวพูดอย่างนี้ บอกให้เขารับอีกฝ่ายเป็นข้ารับใช้ ซึ่งนี่ก็ดีเหมือนกัน
“ขอบคุณนายน้อย!” เว่ยเฟยโจวโขกศีรษะด้วยความตื่นเต้น สามารถทำสิ่งนี้ให้ศิษย์ของตนได้สำเร็จ ก็ถือว่าเขาทำหน้าที่อาจารย์ได้สมบูรณ์แล้ว
นี่มันเหมือนศิษย์อาจารย์กันที่ไหน แต่เหมือนพ่อลูกกันมากกว่า นี่ก็เหมือนกับพ่อที่หาสำนักให้กับลูกของตน หาสำนักที่ดีที่สุด ให้ลูกของตนได้มีอนาคต
เป็นอาจารย์หนึ่งวันก็เท่ากับเป็นบิดาตลอดชีวิต คำพูดนี้เป็นเรื่องจริง
“เอาล่ะ ไว้ถึงตอนนั้นเจ้าก็มาด้วยกันเลย ถึงยังไงพวกเจ้าทั้งสองก็เป็นผู้ฝึกตนพเนจร ไม่ได้มีสำนักอะไรอยู่แล้วนี่” อี้เทียนหยุนไม่ทิ้งเว่ยเฟยโจว ถึงยังไงพากลับไปเพิ่มอีกคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
“นี่ นี่เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นเหรอ!” เว่ยเฟยโจวตื่นเต้น เขาคิดว่าอี้เทียนหยุนจะพาแค่เหอหรงคุนไป แต่ใครจะคิดว่าตนจะได้ไปด้วย
เอาจริงๆ แล้วเขาไม่ได้มีศักยภาพอะไรให้ต้องพูดถึง ที่มาถึงทุกวันนี้ได้ถือว่าได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว นอกจากว่าจะบังเอิญพบโชคครั้งใหญ่ เขาถึงจะมีโอกาสก้าวหน้า
“เจ้าคิดว่าข้าชอบพูดโกหกอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่ ไม่อยู่แล้ว….” เว่ยเฟยโจวขอโทษ “ข้าน้อยคิดว่าการที่ผู้มีพรสวรรค์ต่ำอย่างข้าน้อยได้ติดตามนายน้อย เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ”
“แค่ทำงานให้ข้าอย่างซื่อสัตย์ก็พอ ข้าไม่เคยมองหาผู้มีศักยภาพอะไรอยู่แล้ว ข้ามองคนที่จิตใจ” อี้เทียนหยุนส่งยิ้มสบายๆ ให้
ต่อให้พรสวรรค์จะดี แต่หากไร้ซึ่งความซื่อสัตย์ แล้วมันจะไปมีความหมายอะไร?
“พวกเราทั้งสองจะจงรักภักดีต่อนายน้อย จะไม่ทำให้นายน้อยผิดหวังอย่างแน่นอน!” เว่ยเฟยโจวโขกศีรษะอีกหลายครั้งด้วยความตื่นเต้น
“ลุกขึ้นเถอะ ศิษย์ของเจ้าใกล้จะตื่นแล้ว” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าสองทางเลือก หนึ่งไปรอข้าข้างนอก สองคือรอข้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะเลือกอะไร?”
ก็ต้องเลือกที่นี่อยู่แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่นี่นั้น ทั้งสะดวกสบายและปลอดภัยที่สุด
“ที่นี่ ข้าน้อยจะรอที่นี่!” เว่ยเฟยโจวไม่คิดมาก เลือกอยู่ที่นี่ทันที
พวกเขาเพิ่งได้รับสมบัติจำนวนมาก อีกทั้งยังได้รับวิชายุทธ์มาอีก แล้วจะให้ออกไปตามใจได้ยังไง ด้านนอกมีคนจับตาอยู่มากมาย หากว่าไปเจอกับพวกคนโลภเข้า แบบนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องรอให้อี้เทียนหยุนกลับมาแล้ว คงจะพากันตายหมดก่อน
“อืม ถ้าอย่างนั้น ข้าจะจัดที่ฝึกดีๆ ให้พวกเจ้า ให้พวกเจ้าอยู่ที่นั่นรอข้ากลับมา” อี้เทียนหยุนพยักหน้า คิดว่านี่เป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างถูกต้อง
อย่างรวดเร็ว เหอหรงคุนก็ตื่นขึ้น ใบหน้าของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “น้องอี้…..”
“เรียกนายน้อย!” เว่ยเฟยโจวตวาดเขา “หลังจากนี้พวกเราต้องเรียกว่านายน้อย จากนี้ไปพวกเราต้องอยู่ภายใต้การจัดการของนายน้อย…..”
จากนั้น เว่ยเฟยโจวก็ทำการเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้เขาฟัง เหอหรงคุนพยักหน้าอย่างไม่ลังเล ในเมื่ออาจารย์เต็มใจติดตามอี้เทียนหยุน งั้นเขาก็จะเอาด้วย
“เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว พวกเจ้าก็อยู่ฝึกที่นี่เถอะ” อี้เทียนหยุนโบกมือ จากนั้นพวกเขาก็หายไปจากจุดที่อยู่ ไม่รู้ว่าถูกเคลื่อนย้ายไปที่ไหน
ตัวแทนของขุมอำนาจอื่นๆ ต่างก็มองหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี
ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปสักพักแล้ว และก็ไม่มีใครมาในช่วงครึ่งวันนี้ ก็หมายความว่าพวกเขาได้ทำงานเปล่าไปครั้งหนึ่ง ใครจะรู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จั่วชิงจะรู้จักเผ่าเทพเทียนเหมย ทำให้หาข่าวพบในทันที
แม้จะยังมีบางคนต่อสู้อยู่ข้างบน แต่ว่านี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ดังนั้นจึงได้เลือกที่จะจากไป แต่ในขณะที่จากมานี้ เขาก็ได้ทิ้งคำพูดไว้ “หลังจากการประลองสิ้นสุด พวกเจ้าก็จะถูกเคลื่อนย้ายออกไปโดยอัตโนมัติ”
พวกเขาพากันตกใจ พวกเขาคิดว่าจะสามารถอยู่ที่นี่ได้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดง่ายเกินไป
หลังจากอี้เทียนหยุนออกมา ก็กลายเป็นถูกจับจ้องจากทุกคน ทุกคนพากันจ้องมาที่เขา โดยเฉพาะเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากขุมอำนาจใหญ่ ต่างก็พากันจ้องมาที่เขาเขม็ง ราวกับต้องการมองหาอะไรจากตัวเขา
อี้เทียนหยุนคร้านที่จะสนใจสายตาพวกเขา ทำการเดินตรงไป หลายคนต่างก็มีประกายแห่งจิตสังหารและความโลภวาบผ่าน ขณะที่เขาเดินอยู่นั้น ก็ได้เข้ามาเดินตามหลังเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับส่งสายตาให้กันและกัน
อี้เทียนหยุนไม่สนใจว่าพวกเขาจะทำอะไร ทำเพียงเดินตรงไปเท่านั้น และเมื่อเขาออกมาจากแท่นบูชาเทพเติ้งเทียน ก็ได้เตรียมที่จะบินไปยังเผ่าเทพเทียนเหมย ข่าวก็ได้มาแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรให้ต้องอยู่ที่นี่ต่อ
แต่ในขณะที่เขาจะไปจากแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนั้น ก็ได้มีคนเข้ามาล้อมเขาทันที เข้ามาขวางทางเขา ที่สำคัญคือไม่ใช่แค่สองสามคน แต่ล้อมเขาไว้หนึ่งชั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าด้านหลัง ต่างก็ถูกล้อมเอาไว้ทั้งสี่ทิศแปดทาง แม้แต่บนท้องฟ้าก็ยังมีคนหยุดอยู่
อี้เทียนหยุนพลันยิ้มออกมาทันที “ข้ารู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ นี่ไม่ใช่ว่ามามอบค่าประสบการณ์และค่าความคลั่งให้ถึงที่อย่างงั้นเหรอ?”