Crazy Leveling System ตอนที่ 675: ลงโทษผู้หนึ่งเพื่อเป็นการเตือนคนอื่น

ตอนที่ 675: ลงโทษผู้หนึ่งเพื่อเป็นการเตือนคนอื่น

หลังจากที่อี้เทียนหยุนบินค้าง เขาก็ไม่ได้ทำการโจมตีต่อ ทำให้ผู้คนพากันคิดว่าสามารถหนีไปได้ แต่เพิ่งจะวิ่งออกไปได้สองก้าว ทันใดนั้นก็รู้สึกร่างกายเย็นวาบ จากนั้นก็สูญเสียสติไป เพราะตัวคนถูกผ่าออกเป็นสอง ดังนั้นยังจะมีสติอะไรอยู่อีก

“ข้าบอกให้พวกเจ้าไปได้แล้วอย่างงั้นเหรอ?”

อี้เทียนหยุนปรายตามองพวกเขาเบาๆ ทำให้เท้าของผู้คนที่คิดจะหลบหนีแข็งค้างไป ไม่กล้าวิ่งสืบต่อ หากว่ายังวิ่งต่อไปแล้วล่ะก็ เกรงว่าคงมีชะตากรรมเหมือนคนก่อนหน้า ที่ถูกอี้เทียนหยุนผ่าร่างออกเป็นสองส่วนในพริบตา

“ขะ ข้าคือตัวแทนของแดนศักดิ์สิทธิ์ตงเสิ่น(เทพตะวันตก) หะ หากว่าเจ้าสังหารข้า บรรพชนของพวกเรา…..”

“ฉวะ!”

ลำแสงกระบี่พุ่งวาบออกมาตัดร่างคนผู้นี้เป็นสองส่วน พร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็น ย้อมพื้นที่อยู่ใกล้ๆ เป็นสีชมพูอ่อนๆ

“ข้าบอกไปแล้วว่าไม่ยอมรับต่อการข่มขู่อะไรทั้งนั้น พวกเจ้าสามารถเรียกบรรพชนของพวกเจ้ามาช่วยได้ตามต้องการ ข้ายินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง หากว่าใครสามารถจัดการข้าได้ ข้าก็ยินดีที่จะมอบมรดกให้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

พวกเขาคิดว่าเอ่ยชื่อขุมอำนาจแดนศักดิ์สิทธิ์ของตนออกไป แล้วจะสามารถเจรจาได้ แต่ดูเหมือนว่าจะไร้ความหมาย

ในตอนนี้ในใจของผู้คนพากันสั่นสะท้าน โดยเฉพาะเหล่าคนที่พากันโอบล้อมอี้เทียนหยุน ที่ตอนนี้ต่างก็อยากร่ำไห้ แต่ว่าไร้ซึ่งน้ำตา พวกเขาคิดอยากจะเอามือตบหน้าตัวเองหลายๆ ครั้ง ทำไมถึงได้เลือกเป็นฝ่ายลงมือก่อนกันนะ หรือว่าพวกเขาโยนสมองไปให้หมากินแล้วจริงๆ!

“ตุบ!”

และในตอนนี้เอง ได้มีบางคนคุกเข่าลง พร้อมกับทำการโขกศีรษะไม่หยุด “นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว ข้าก็แค่ถูกความโลภบังตา ก็เลยทำอย่างนี้….. ข้าเพียงแค่ดูอยู่ไม่ไกลเท่านั้น ยังไม่ได้ลงมือแม้แต่น้อย!”

“ฉวะ!”

ยังคงเป็นลำแสงกระบี่ที่พุ่งออกมา ตัดร่างของเขาออกเป็นสองส่วน

“ข้าจำได้ เจ้าก็เป็นหนึ่งในคนที่ปล่อยจิตสังหารใส่ข้า ข้าไม่คิดว่านั่นเป็นการถูกความโลภบังตา แต่ต่อให้ถูกความโลภบังตาจริง นั่นก็ถือว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง หากว่าข้าสยบเจ้าได้เพียงเพราะพึ่งพลังของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนจริงๆ ป่านนี้ไม่ใช่ว่าข้าต้องตายไปแล้วหรอกเหรอ?”

อี้เทียนหยุนพูดอย่างดูถูก “ควรพูดว่าเจ้ามันโง่ที่คิดว่าข้าจะนั้นอ่อนแอ หากว่าข้าพึ่งพลังของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนเพื่อจัดการกับคนอื่นแล้วล่ะก็ ทำไมข้าถึงได้กล้าออกมาล่ะ? ตัวเองโง่ไม่พอ ยังคิดว่าข้าจะโง่เหมือนกันกับพวกเจ้าอย่างงั้นเหรอ?”

คำพูดนี้ได้เตือนความจำคนทั้งหลายจริงๆ ไม่ใช่ว่าอี้เทียนหยุนไม่มีสมอง แต่เป็นพวกเขาต่างหากที่ถูกความโลภบังตา จึงพากันคิดว่าอี้เทียนหยุนนั้นโง่ จนผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างตอนนี้ มันไม่ใช่ว่าอี้เทียนหยุนนั้นโง่ แต่เป็นพวกเขาต่างหากที่เป็นคนโง่อย่างแท้จริง!

“ขะ ข้าผิดไปแล้ว ข้ายอมไถ่ชีวิตของข้าด้วยสมบัติทั้งหมดที่มี!” ในตอนนี้เอง ก็ได้มีผู้ฝึกตนคนหนึ่งคุกเข่าลง พร้อมกับร้องขอความเมตตาต่ออี้เทียนหยุนให้ไว้ชีวิตตนเอง

“ฉวะ!”

ยังคงเป็นลำแสงกระบี่เหมือนก่อนหน้า พร้อมกับผ่าร่างคนผู้นั้นเป็นสองส่วน

“แค่ฆ่าเจ้า ไม่ใช่ว่าของของเจ้าก็จะตกเป็นของข้าแล้วอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนโบกมือ พร้อมกับแหวนเก็บของที่อยู่กับศพรอบๆ พากันบินขึ้นมา ทันใดนั้นก็เก็บสมบัติได้กองใหญ่

การสังหารคนเป็นวิธีหาเงินที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง เขาทิ้งของหลายอย่างไว้ที่อาณาจักรเทียนหยุน แต่ว่าตอนนี้เขากลับเก็บของได้กองใหญ่ในทันที ของที่ถูกตาเขานั้นมีอยู่น้อยมาก แต่ไม่ว่ายังไง ของพวกนี้ยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะว่ามันสามารถเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีก

ผู้คนทั้งหลายที่อยู่รอบๆ พากันพูดไม่ออก ดูเหมือนว่าอี้เทียนหยุนต้องการที่จะสังหารผู้คนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด ก่อนหน้านี้บอกว่าฆ่าเป็นฆ่า แค่ปล่อยจิตสังหารใส่เขา ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายด้วยชีวิตของพวกเขาแล้ว!

เขาไม่ชอบทำตัวเป็นผู้มีคุณธรรม เขาชอบลงมือกำจัดศัตรูไปโดยตรงมากกว่า แม้เขาจะปล่อยอีกฝ่ายไป ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณในตัวเขา

“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าเรียกผู้ช่วยออกมา ไม่ว่าจะเป็นหยกสื่อสารหรืออะไรก็สามารถเอามาใช้ได้ ข้ายินดีต้อนรับผู้ช่วยของพวกเจ้าด้วยความเต็มใจ” อี้เทียนหยุนส่งรอยยิ้มบางๆ ออกมา เขากำลังกังวลที่ไม่มีค่าความคลั่งอยู่พอดี นอกจากจะเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์มาด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นก็ไม่พอที่จะจัดการกับเขาได้

เขาต้องการใช้โอกาสนี้ตรวจสอบขุมอำนาจในโลกสวรรค์ให้ชัดเจน อยากจะเห็นว่าหากเทียบกับโลกใต้พิภพแล้ว ทั้งสองโลกมีความต่างกันมากแค่ไหน

มองดูอี้เทียนหยุนที่เหมือนไม่กลัวตาย ก็ทำให้คนทั้งหลายพากันพูดไม่ออก หากเป็นคนอื่นคงกังวลว่าจะมีผู้ช่วยตามมา แต่เขากลับรออยู่ที่นี่แทน ไม่รู้ว่าเพราะมั่นใจในตัวเองมากเกินไป หรือว่าอวดดีมากเกินไปกันแน่?

คนส่วนใหญ่ในนี้ล้วนแต่เป็นผู้ฝึกตนพเนจร แล้วจะให้พวกเขาไปหาผู้ช่วยจากที่ไหน? ดังนั้นจึงทำได้เพียงยืนตัวสั่นอยู่ที่นี่ พร้อมกับภาวนาให้อี้เทียนหยุนไม่สังหารตนเอง

“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าไม่คิดที่จะเรียกผู้ช่วยมา งั้นก็จงตายซะ!” อี้เทียนหยุนทำการชี้นิ้วออกไป ทำให้ผู้ฝึกตนในระยะสิบลี้เกือบทั้งหมดถูกสังหารตายในพริบตา แต่ก็มีบางคนที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ปล่อยจิตสังหารใส่เขา หรือว่ามีจิตใจที่โลภมาก ที่ไม่ถูกโจมตี

อี้เทียนหยุนกวาดสายตาออกไปรอบๆ ทำให้ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ พากันรีบถอยหลังไปหลายก้าวทันที ไม่ใช่เพราะพวกเขาถูกแรงกดดันทำให้ถอย แต่เป็นเพราะความหวาดกลัว ที่ทำให้พวกเขารีบพากันถอยออกมาอย่างรวดเร็ว

ขุมอำนาจทั้งหลายพากันส่ายหัว ดูเหมือนว่าสมบัติชิ้นนี้นั้น จะยากที่เคี้ยวจริงๆ ขนาดราชาเซียนหลิวกวงยังถูกสังหารอย่างง่ายดาย นอกจากว่าผู้มาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ท้าทายสวรรค์

แต่ราชาเซียนที่ท้าทายสวรรค์พวกนั้น หากไม่ปิดด่านฝึกตน ก็ต้องยุ่งกับเรื่องอื่น จะมามีเวลามายุ่งเรื่องของผู้เยาว์ได้ยังไง? และที่สำคัญคืออี้เทียนหยุนได้ทำการลงโทษเพื่อเป็นการเตือนคนอื่น นอกจากคนโง่ที่ไม่มีตาแล้ว ไม่อย่างนั้นย่อมไม่มีใครมาอย่างแน่นอน

แต่ต่อให้จะมีราชาเซียนที่คิดว่าตนเหนือกว่า แต่หากคิดที่จะสยบอี้เทียนหยุน ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากมาก ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนที่เป็นผู้สืบทอดของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน ใครมันจะกล้ามาหาเรื่องกัน?

มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามหาค่ายกลของอีกฝ่ายทรงพลังแค่ไหน หรือวิชายุทธ์ที่ใช้จะร้ายกาจเพียงใด เมื่อถึงตอนนั้น คงเป็นพวกเขาเองมากกว่าที่จะถูกจัดการ

มองดูสีหน้าแตกตื่นของผู้คน นี่ก็คือผลลัพธ์ที่อี้เทียนหยุนต้องการ เขาต้องการยับยั้งคนอื่นๆ ให้พวกเขารู้ ว่าหากต้องการมรดกของเขานั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย

อีกทั้งเขายังต้องการหาค่าความคลั่งอยู่ด้วย ในเมื่อพวกเขาเข้ามารนหาที่ตาย เขาก็ย่อมไม่มีการเกรงใจ

“ไม่มีใครแล้วเหรอ? งั้นข้าขอไปก่อนแล้วกัน” จากนั้นอี้เทียนหยุนก็บินไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แต่กลุ่มคนที่พากันมองหน้ากันด้วยความสับสน

“เรื่องนี้ต้องรายงานท่านเจ้าศักดิ์สิทธิ์…..” ตัวแทนแดนศักดิ์สิทธิ์จั่วชิวพยักหน้าให้กับสหายของตน พร้อมกับไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

รอบข้างเขามีผู้เชี่ยวชาญคอยปกป้องอยู่เป็นจำนวนมาก ในตอนนี้เขาได้รับมรดกที่ล้ำค่ามา จำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญคอยปกป้องจะดีกว่า อย่าว่าแต่อี้เทียนหยุนที่จำเป็นต้องป้องกันเลย แม้แต่พวกเขาเองก็ต้องป้องกันด้วย ไม่อย่างนั้น หากระหว่างทางถูกใครลอบโจมตีเข้า พวกเขาคงจะมีสภาพเลวร้ายนัก

“จบแล้ว ผู้สืบทอดของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนปรากฏกาย ไม่รู้ว่าขุมอำนาจอื่นจะคิดยังไง?”

“รีบไปแจ้งเตือนดีกว่า หลังจากนี้หากเจอเขา ห้ามไม่ให้ทำตัวเสียมารยาทอย่างเด็ดขาด!”

พวกเขาพากันบินกลับไปแจ้งเรื่องต่อขุมอำนาจของตนในทันที หลังจากเรื่องนี้ ชื่อเสียงของอี้เทียนหยุนย่อมต้องโด่งดังไปทั่วโลกสวรรค์อย่างแน่นอน ต้องเป็นชื่อที่ขุมอำนาจส่วนใหญ่ล้วนแต่ต้องพากันรู้จัก

ที่อี้เทียนหยุนต้องการก็คือผลลัพธ์นี้ เขาต้องการให้รู้ว่าผู้สืบทอดของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนมาแล้ว! อยากให้ทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์คนอื่นได้รู้จักเขา

“เผ่าเทพเทียนเหมย……”

สายตาเป็นอี้เทียนหยุนเป็นประกาย พร้อมกับความรู้สึกในใจที่ร้อนระอุ เกือบปีแล้วที่เขาไม่ได้เจอชิเสวี่ยอวิ๋น ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง ตัวแทนของแดนศักดิ์สิทธิ์จั่วชิวต้องการนำทางเขา แต่ว่าเขาได้บอกปัดไป ตัวเขาไปเองคนเดียวดีกว่า ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นคอยนำทาง

ต่อให้ค่ายกลของเผ่าเทพเทียนเหมยจะทรงพลัง แต่จะร้ายกาจไปกว่าค่ายกลของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนอย่างงั้นเหรอ?

Crazy Leveling System

Crazy Leveling System

Status: Ongoing
อ่านนิยายCrazy Leveling System ปมเพาะไม่ได้เพราะเส้นลมปราณพิการอย่างงั้นเหรอ? ไม่ใช่ปัญหา! เพราะมีระบบเพิ่มเลเวล แสนบำคลั่งอยู่ เจ้าแค่หภารกิจ สังหารสัตว์อสูร ดูดกลืนพลังวิญญาณของคนอื่น หลอมยา หรือสลักอาคม แค่นี้เจ้าก็ได้ค่าประสบการณ์แล้ว! อะไรนะ! ค่าประสบการณ์ที่ได้มันต่ำไปอย่างงั้นเหรอ? อย่าได้กลัว เพราะข้มีปัตร ประสบการณ์ x2 หรือแม้กระทั่งปัตรประสบการณ์ x10 แค่นี้ค่าประสบการณ์ของเจ้าก็จะฟุง ทะยานราวกับพลุระเบิดแล้ว! น่าชัน อัจฉริยะ นายน้อยตระกูลใหญ่ จักรพรรดิผู้ครองอาณาจักร หรือกระทั่งอัจฉริยะที่ฟันปี จะมีสักครั้งอย่างงั้นเหรอ? เมื่ออยู่ต่อหนีระบบเพิ่มเลเวลแสนบำาคลั่งนี้ พวกมันลัวนถูกทิ้ง ห่างไปไกล! "เฮ้ย นี่ข้เลเวลอัพอีกแล้วเหรอ?" อี้เทียนหยุนที่ตื่นขึ้นมาและพบว่าเลเวลของเขาได้เพิ่มขึ้น อีกครั้ง.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset