ตอนที่ 679: ไม่สนใจ(ตอนที่ 678 ไม่มีนะครับ)
เจียงอี้นำพวกเขาไปยังที่พักที่ค่อนข้างสกปรกอย่างรวดเร็ว
ที่จริงแล้วนี่ก็เป็นกระท่อมที่สร้างจากไม้มาต่อกันเท่านั้น แม้ภายนอกจะดูหยาบ แต่ว่าหลังจากเข้าไป ก็รู้สึกว่าข้างในอบอุ่นดี คิดไม่ถึงว่าจะต่างกันขนาดนี้ ดูแล้วทำให้คิดว่าเป็นเพียงแค่กระท่อมโทรมๆ แต่ใครจะรู้ว่าด้านในจะมีอีกโลกอยู่
“ข้างในอบอุ่นมาก ตอนที่ครอบครัวข้าหนาว ก็ทำได้เพียงแค่จุดไฟให้ความอบอุ่นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว” เสียวหวู่ตกใจกับภาพตรงหน้า
อี้เทียนหยุนยิ้มออกมา กระท่อมนี้ดูเหมือนถูกสร้างขึ้นมาหยาบๆ แต่ว่าต่างก็สร้างขึ้นมาด้วยไม้เทียนเหมย ซึ่งมีความสามารถในการรักษาวามอบอุ่น ต่อให้จะสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ เมื่ออยู่ในนี้พวกเขาก็จะไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย
เพราะระดับของพวกเขานั้นต่ำ ทำให้ไม่สามารถต้านทานการรุกรานของน้ำและไฟ ดังนั้นจึงต้องเตรียมที่พักไว้ให้กับพวกเขา
เจียงอี้อธิบายกฎให้พวกเขาฟังในทันที พร้อมกับเตือนพวกเขาว่าอย่าได้ไปไหนมาไหนตามใจ หากว่าถูกจับได้ล่ะก็ ไม่เพียงแต่จะถูกไล่ออกไปเท่านั้น แต่ยังจะมีบทลงโทษให้อีกด้วย!
หลังจากบอกกล่าวกฎระเบียบ อีกฝ่ายก็ให้พวกเขาพักอยู่ที่นี่ หลังจากนั้นจึงค่อยจัดสรรหน้าที่ให้กับพวกเขาอีกครั้ง พวกเขาเพิ่งมาถึง อีกทั้งยังเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ดังนั้นจึงต้องการการพักผ่อน
ซึ่งผู้ชายและผู้หญิงนั้นพักแยกกัน เขาและเสียวหวู่พักในกระท่อมหลังหนึ่ง ส่วนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เหลือก็ถูกจัดให้พักในกระท่อมหลายหลังที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อไม่ให้แออัดเกินไป
“เสียวหวู่ เจ้าพักอยู่ที่นี่นะ ข้าจะออกไปก่อน” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา เขาไม่ได้มาเพื่อทำงานรับใช้ จะให้ราชาเซียนอย่างเขามาเป็นข้ารับใช้ นี่มันไม่ต่างไปจากเรื่องตลก
“น้องอี้ นี่ไม่ดีมั้ง หากว่าออกไปตามใจ หากถูกไล่ออกไป แล้วจะทำยังไง?” เสียวหวู่รีบพูด
เสียวหวู่เป็นคนซื่อ พร้อมกับอยู่ในกฎอย่างเคร่งครัด พูดได้ว่า มาใหม่จำต้องเคร่งครัดในกฎ ไม่กล้าเดินเตร่ตามใจ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่หรอก” อี้เทียนหยุนยิ้ม “ยิ่งกว่านั้น เจ้าจะอยู่ที่นี่ไม่นานนัก ไม่อย่างนั้น มันจะเป็นการทำให้ศักยภาพของเจ้าเสียเปล่า”
“น้องอี้ นี่มันหมายความว่ายังไง?” เสียวหวู่เกาหัวด้วยความสงสัย แต่ว่าอี้เทียนหยุนก็ได้จากไปแล้ว เมื่อเขาเปิดประตูออกไป ก็มองไม่เห็นร่างอีกฝ่าย
หลังจากที่อี้เทียนหยุนจากมา ก็เหมือนกับเข้าไปยังพื้นที่ไร้ผู้คน เดินเข้าไปยังตำหนักเทียนเหมย ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของหุบเขาเทียนเหมย
ที่นี่เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างสูงใหญ่ที่สร้างอยู่บนเนินต่างๆ ของภูเขาหิมะ ดูแล้วธรรมดาอย่างมาก แต่ความจริงแล้ว นี่คือมหาค่ายกลชนิดหนึ่ง แต่ละตำหนักต่างก็เหมือนกับเป็นใจกลางของมหาค่ายกล ซึ่งสามารถระเบิดพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากออกมาได้หนึ่งครั้ง เพื่อต้านทานการโจมตีจากภายนอก
สิ่งปลูกสร้างที่นี่ไม่เหมือนกับสิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นตามใจ แต่สร้างขึ้นอย่างสอดประสานกัน พูดได้ว่าคนที่สร้างมหาค่ายกลนี้ขึ้น จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เทียบเท่ากับระดับผู้สร้างอย่างแน่นอน!
เพื่อที่สร้างสิ่งนี้ให้สำเร็จ พูดได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นปรมาจารย์สลักอาคมขั้นสูงสุด ถึงขนาดที่ว่าเข้าสู่ครึ่งก้าวของดินแดนระดับผู้สร้าง
เขากวาดสายตาออกไปรอบๆ พร้อมกับปรากฏภาพมุมกว้างของสภาพแวดล้อมที่นี่ ไม่มีข้อมูลไหนที่จะสามารถหลุดรอดไปจากสายตาของเขาได้ ต่อให้เป็นค่ายกลระดับผู้สร้าง ก็ถูกเขามองทะลุได้อยู่ดี สามารถมองเห็นรายละเอียดด้านในได้อย่างชัดเจน
อย่างรวดเร็ว เขาก็ตรวจสอบตำแหน่งของชิเสวี่ยอวิ๋นเจอ นี่ทำให้ในใจของเขามีความสุข “อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย เป็นที่นี่จริงๆ!”
ในใจเขาตื่นเต้น ดูเหมือนว่าจะไม่เสียเวลาเปล่าแล้ว ไม่ได้มาหาผิดที่ อันที่จริงตั้งแต่เข้ามา พร้อมกับมองเห็นชุดที่เหล่าศิษย์ของที่นี่สวมใส่ เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองไม่ได้มาผิดที่
“ท่านน้า ข้ามาแล้ว….” สายตาอี้เทียนหยุนกรอกไปมา จากนั้นร่างของเขาก็หายไปจากจุดที่อยู่ในทันที พร้อมกับปกปิดตัวตนเข้าไปยังจุดหมาย ขอแค่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียน ก็ไม่มีทางที่จะพบเห็นร่องรอยของเขาได้
ขณะเดียวกัน ณ ตำหนักเทียนเหมย
ชิเสวี่ยอวิ๋นมองออกไปยังลานที่เต็มไปด้วยหิมะนอกหน้าต่าง ในนัยน์ตาคู่งามเต็มไปด้วยแสงแห่งความเศร้าสร้อย กลิ่นอายของเธอเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วแข็งแกร่งกว่ามาก อยู่ในระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 3 กระบวนการนี้เป็นไปอย่างก้าวกระโดด ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
เพียงเวลาแค่ปีกว่า ก็เข้าสู่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 3 ช่างเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อยิ่งนัก ต้องรู้ว่าเวลาแค่ปีกว่า เธอก็เหนือไปกว่าระดับก่อแกนวิญญาณแล้ว ซึ่งไม่ใช่เพียงระดับผันแปรวิญญาณ แต่เข้าสู่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 3 ซึ่งหากว่ากันตามความเร็วระดับนี้ เธอก็คงจะใช้เวลาอีกไม่นานนัก ก็จะเข้าสู่ระดับราชาวิญญาณได้
“เทียนหยุน อีกไม่นาน…. เมื่อระดับของข้าแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ ข้าก็จะสามารถออกไปช่วยเจ้าตามหาพวกศิษย์พี่ได้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางด้านเจ้าตอนนี้จะเป็นยังไงแล้วบ้าง?” นัยน์ตาคู่งามของชิเสวี่ยอวิ๋นเต็มไปด้วยความคะนึงหา แม้ตรงหน้าจะไม่มีอี้เทียนหยุนอยู่ แต่ก็เหมือนจะปรากฏภาพของเขาขึ้นมา
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…..”
ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังมา สายตาของชิเสวี่ยอวิ๋นพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ทั้งไม่หันกลับไปมอง
“นายน้อยเหมย ข้าเหนื่อยแล้ว วันนี้ไม่ต้อนรับใครทั้งนั้น” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“แอ๊ดดด……”
แต่ประตูก็ยังคงเปิดออก พร้อมกับมีเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาเดินถือหยกล้ำค่าเดินเข้ามา เพิ่งจะเข้ามา หยกล้ำค่าชิ้นนั้นก็ปลดปล่อยลำแสงออกมา เป็นลำแสงที่หนาวเย็นอย่างมาก จากที่ดู ก็รู้ว่าของชิ้นนี้มีคุณภาพดีแค่ไหน อีกทั้งยังรู้ว่ามันมีส่วนช่วยในการฝึกตนของพวกเขาอย่างมาก
“เสวี่ยอวิ๋น ข้าเอาหยกน้ำแข็งเทวะนี้มาให้เจ้า ซึ่งมีส่วนช่วยในการฝึกตนของเจ้าเป็นอย่างมาก ข้ารู้ว่าเจ้าเหนื่อย แต่หากว่าใช้หยกล้ำค่านี้ในการฝึก ก็จะทำให้การฝึกของเจ้ามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โดยที่ออกแรงเพียงครึ่งเดียว” นายน้อยเหมยเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา ใบหน้าที่หล่อเหลาและเรียบเนียนนี้ เปรียบดั่งนักฆ่าหญิงสาว ยิ่งเมื่อรวมกับระดับฝึกตนที่น่าทึ่งอย่างระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 8 ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เขาดูน่าดึงดูดเข้าไปใหญ่
“ขอบคุณนายน้อยเหมยที่หวังดี แต่ความหวังดีของท่านนี้ข้าคงต้องขอปฏิเสธ ยิ่งกว่านั้น โปรดอย่าเรียกข้าว่าเสวี่ยอวิ๋น เรียกข้าว่าศิษย์น้องหญิงแทนจะดีกว่า” ชิเสวี่ยอวิ๋นหันหน้าไปพร้อมกับใบหน้าที่เย็นชา ราวกับไม่ใส่ใจต่ออะไรทั้งนั้น
“เสวี่ยอวิ๋น เจ้าอย่าเป็นอย่างนี้สิ…..” ขณะที่นายน้อยเหมยต้องการยื่นมือออกมาจับมือน้อยๆ ของชิเสวี่ยอวิ๋น ชิเสวี่ยอวิ๋นก็ได้ชักมือหลบเบาๆ พร้อมกับมองไปที่เขาด้วยสีหน้าเย็นชา
“นายน้อยเหมย ได้โปรดตั้งสติด้วย!” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดอย่างจริงจัง
นายน้อยเหมยน่าเสียในทันที พร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า “เสวี่ยอวิ๋น เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้อย่างงั้นเหรอว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? เอาแต่ตะโกนเรียก “เทียนหยุน เทียนหยุน” อะไรนั่นอยู่ได้ ข้าไม่รู้ว่าเทียนหยุนจากปากเจ้านั้นคือใคร! จะเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าก่อนหน้านี้ของเจ้าก็ดี หรือจะเป็นคนที่เจ้าชอบในตอนนี้ก็ช่าง แต่เจ้าคิดว่าฐานะของมันจะสูงไปกว่าข้าอย่างงั้นเหรอ?”
“ข้าคือนายน้อยของเผ่าเทพเทียนเหมย ในอนาคตก็ยังมีโอกาสที่จะได้เป็นหัวหน้าเผ่า เผ่าเทพเทียนเหมยอย่างมาก! เจ้าอย่าได้เอาแต่ปฏิเสธข้าถ่ายเดียว ยิ่งกว่านั้น กายาของพวกเรายังเหมาะสมกันอย่างมาก ประสานเข้าด้วยกันเป็นอย่างดี หากว่ากลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากัน ประสิทธิภาพในการฝึกของพวกเราจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โดยที่ลงแรงเพียงครึ่งอย่างแน่นอน!
ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เต็มไปด้วยสัญชาตญาณแห่งความอยาก เขาอยากได้ตัวชิเสวี่ยอวิ๋นอย่างสุดๆ ไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือรูปร่าง ล้วนแต่ดีเยี่ยม หากว่าสามารถกลายมาเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของตน จากนี้ไป การฝึกของเราจะได้ผลเป็นสองเท่า โดยออกแรงเพียงครึ่งเดียว เมื่อถึงตอนนั้น ระดับของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน ทั้งยังทำให้สิทธิ์ในการขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าสูงขึ้นด้วย!
เมื่อกลายเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าเทพเทียนเหมย นั่นก็หมายถึงฐานะอันสูงสุด ผู้ยืนอยู่เหนือผู้คนนับหมื่น แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาสนใจได้ยังไง?
“นายน้อยเหมย ขอโทษด้วย แต่ว่าข้าไม่สนใจ” ชิเสวี่ยอวิ๋นยังคงมีสีหน้าเย็นชาเหมือนก่อนหน้า ดูสงบ ทั้งไม่ใส่ใจ ต่อให้ราชาศักดิ์สิทธิ์มายืนตรงหน้า เธอก็ไม่สน!