ตอนที่ 680: กล้าลงมือกับผู้หญิงของข้า
นายน้อยเหมยคือนายน้อยคนปัจจุบันของเผ่าเทพเทียนเหมย ดังนั้นพรสวรรค์ของเขาจึงไม่ธรรมดา มีโอกาสเป็นประมุขคนถัดไปของเผ่าเป็นอย่างมาก หลังจากลายเป็นประมุข ก็หมายความว่า ฐานะของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกขั้นใหญ่ มีอำนาจในการชี้ขาดชีวิตของผู้อื่นอยู่ในกำมือ!
จะว่าไปแล้ว นายน้อยเหมยก็เหมาะที่จะเป็นตัวเลือกที่ดีจริงๆ แต่ว่าชิเสวี่ยอวิ๋นยังคงไม่ใส่ใจ ไม่มีความสนใจแม้แต่น้อย
“ไม่สนใจอย่างงั้นเหรอ!?” นายน้อยเหมยมีสีหน้าตกใจ จากนั้นก็พูดอย่างเดือดดาลว่า “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเทียนหยุนจากปากเจ้านั้นเป็นใคร แต่ข้านิ้วเดียวของข้าก็สามารถจัดการมันได้แล้ว! เจ้าก็อยู่ที่นี่มานานแล้ว คงจะรู้สินะว่าอำนาจของเผ่าเทพเทียนเหมยของพวกเราเป็นยังไง? ขุมอำนาจในโลกมนุษย์ของเจ้า จะมาเทียบกับเผ่าเทพเทียนเหมยของพวกเราได้อย่างงั้นเหรอ?”
“หากว่าส่งผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณลงไปสักสองสามคน เจ้าคิดว่าขุมอำนาจบนโลกมนุษย์นั่นจะทนรับความโกรธของพวกเราได้อย่างงั้นเหรอ?”
นายน้อยเหมยเมื่อเห็นว่าการเอาใจของตนล้มไม่เป็นท่า ก็พลันเปลี่ยนจากความอับอายให้กลายเป็นความโกรธ พร้อมกับเปลี่ยนเป็นข่มขู่แทน
ชิเสวี่ยอวิ๋นสายตาเย็นชา พร้อมกับมองไปที่นายน้อยเหมย พร้อมกับปล่อยจิตสังหารเข้าใส่อีกฝ่าย จิตสังหารนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก พร้อมกับพุ่งทะลวงเข้ากลางใจเขา ทำให้ตัวของเขาสั่นเทา
เห็นได้ชัดว่าระดับของเขาสูงกว่า แต่กลับทำให้รู้สึกเหมือนจะกำลังจะถูกฆ่าได้
“หากเจ้ากล้าก็ลองดู?” น้ำเสียงของชิเสวี่ยอวิ๋นเย็นชา พริบตาก็ปรากฏน้ำแข็งขึ้นปกคลุมรอบๆ หนึ่งชั้น
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะปีกกล้าขาแข็งดีนี่!?” นายน้อยเหมยยืดเอวขึ้น พร้อมกับแค่นเสียงอย่างเย็นชา “อย่าลืมว่าเจ้าขึ้นมาได้ยังไง เผ่าเทพเทียนเหมยของเราปฏิบัติต่อเจ้าแย่อย่างงั้นเหรอ? หากไม่มีพวกเรา ระดับของเจ้าจะเพิ่มขึ้นเร็วอย่างนี้ไหม? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แน่นอนว่าหลังจากเลื่อนระดับแล้ว เจ้าคงจะออกไปจากที่นี่ พร้อมกับออกไปตามหาแฟนหนุ่มของเจ้า!”
“ข้าบอกเจ้าไว้เลยว่าที่นี่ไม่มีทางออก! เมื่อเจ้าเข้ามายังเผ่าเทพเทียนเหมยแล้ว เจ้าก็ไม่มีทางที่จะออกไปจากที่นี่ได้ ยิ่งกว่านั้น ยังไม่สามารถแต่งงานกับคนอื่นด้วย ทำได้เพียงแต่งงานกับคนในเผ่าเดียวกันได้เท่านั้น!”
“อะไรนะ!?” สีหน้าของชิเสวี่ยอวิ๋นจมลง “เป็นไปไม่ได้ ที่อาจารย์บอกข้า ไม่ใช่อย่างนี้นี่!”
“เจ้าพูดถึงผู้อาวุโสหว่านอย่างงั้นเหรอ ต่อให้เธอจะพูดไม่เหมือนกัน แต่ยังไงก็ต้องฟังคำแนะนำของผู้อาวุโสใหญ่อยู่ดี ขอแค่แม่ของข้าพยักหน้า แค่นั้นก็เกินพอ” นายน้อยเหมยมองไปที่ชิเสวี่ยอวิ๋นที่มีสีหน้าน่าเกลียดด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข “เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และก็เพื่อความปลอดภัยของขุมอำนาจในโลกมนุษย์ของเจ้า ข้าของแนะนำว่าให้เจ้านึกถึงความเป็นจริงจะดีกว่า!”
“เผ่าเทพเทียนเหมยเกิดมาก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ร้ายกาจแล้ว สำหรับขุมอำนาจของเจ้า ขอถามหน่อย ว่าจะสามารถต้านทานพลังของแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างงั้นเหรอ?”
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะตกต่ำลง แต่ยังไงอาณาจักรก็ยังเป็นอาณาจักรอยู่วันยังค่ำ สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็ไม่ต่างเป็นขนมชิ้นหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?” ในตอนนี้เอง ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา เมื่อเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน ก็พลันขมวดคิ้ว “นายน้อยเหมย เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“อาจารย์!” เมื่อชิเสวี่ยอวิ๋นเห็นคนผู้นี้ ก็พูดอย่างจริงจังว่า “อาจารย์ ศิษย์ไม่สามารถเป็นอิสระ ทำได้เพียงอาศัยอยู่ที่นี่ ทั้งยังต้องแต่งงานกับคนของเผ่าเทพเทียนเหมยอย่างงั้นเหรอ?”
“เสวี่ยอวิ๋น นี่…..” สีหน้าของผู้อาวุโสหว่านกลายเป็นกระอักกระอ่วน
“ศิษย์ต้องการคำตอบ เป็นอย่างนั้นจริงไหม?” น้ำเสียงของชิเสวี่ยอวิ๋นเย็นชาถึงขีดสุด
“ใช่…. สำหรับเรื่องนี้อาจารย์ก็คิดว่าดีมากทีเดียว แต่งงานกับคนในเผ่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ขอแค่เป็นคนในเผ่า เจ้าจะแต่งกับใครก็ได้….” ผู้อาวุโสหว่านตอบ
“พอแล้ว” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดอย่างจริงจัง “อาจารย์ ก่อนหน้านี้ที่ท่านบอกข้าไม่ใช่อย่างนี้นี่? ข้ารู้ว่าเมื่อขึ้นมาแล้วก็ต้องตอบแทนบุญคุณเผ่า แต่ท่านไม่ได้บอกว่าจะจำกัดอิสระของข้า ไม่ได้บอกว่าข้าต้องแต่งงานกับใคร!”
ไม่มีอาหารกลางวันฟรีในโลก เธอจะไม่ทอดทิ้งเผ่าเทพเทียนเหมย แต่จะคอยจัดการอะไรบางอย่างระหว่างอยู่ที่นี่ ทั้งยังเป็นเกราะคุ้มกันให้กับขุมอำนาจในโลกมนุษย์ เรื่องมันก็ง่ายๆ
เธอสามารถทุ่มเทให้กับเผ่าเทพเทียนเหมย ให้การสนับสนุนจำนวนมาก เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ ยังไงก็ตาม มันก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่ แต่นี่กลับมีข้อจำกัดกระทั่งตัวบุคคล ต้องแต่งกับคนในเผ่าเทพเทียนเหมยเท่านั้น
ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการอย่างแน่นอน เรื่องที่จะตอบแทนบุญคุณ ย่อมไม่รวมเรื่องนี้เข้าไปด้วยอย่างเด็ดขาด
“เจ้าประมาทเกินไปแล้ว คิดว่าเผ่าเทพเทียนเหมยเราคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปได้อย่างงั้นเหรอ? พวกเราทุ่มทรัพยากรจำนวนมากให้กับเจ้า เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะปล่อยเจ้าไป!” นายน้อยเหมยเหมือนกับราดน้ำเย็นเข้าใส่ พูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะไม่สามารถเอาตัวเจ้ามาอยู่ด้วยได้เหรอ? คิดว่าคนที่เจ้าชอบร้ายกาจกว่าข้าหรือไง? แม้ว่าข้าจะยังไม่เคยเห็นมัน แต่ข้ากล้าพูดได้เลยว่า เพียงแค่นิ้วเดียว ข้าก็สามารถบดขยี้มันได้เหมือนมดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง!”
“เสวี่ยอวิ๋น สายเลือดของเจ้าหากแต่งเข้าเผ่าเทพเทียนเหมยก็เหมือนกับได้กลับบ้านเก่า ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ทั้งหมดไปเสียเถอะ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว เจ้าก็จะช่วยให้ขุมอำนาจแข็งแกร่งขึ้น คนที่เจ้าคิดถึงคนนั้นจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน…..” ผู้อาวุโสหว่านพูดกล่อม
ชิเสวี่ยอวิ๋ฯมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา หลังจากนั้นสักพักก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าได้บอกไปแต่แรกแล้ว ว่าต้องปล่อยข้าเป็นอิสระ ข้าถึงได้เข้าร่วม มาตอนนี้กับกลับคำพูด ช่างทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”
“กลับคำแล้วทำไม ตอนนี้ก็เป็นอย่างนี้แล้ว เจ้ายังจะมีทางเลือกอื่นอีกอย่างงั้นเหรอ?” นายน้อยเหมยโบกมือ จากนั้นก็พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “แต่งงานกับข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียใจอย่างแน่นอน เทียบกับแต่งให้เจ้าเด็กนั่นที่เจ้าพูดถึง ย่อมดีกว่าเป็นล้านเท่า!”
“ไม่ ตัวเจ้าเทียบไม่ได้แม้แต่เส้นผมเขาด้วยซ้ำ….” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดอย่างดูถูก
“ดูเหมือนว่าเจ้าไม่เห็นโลกศพ ไม่หลั่งน้ำตา ให้ข้าจับเจ้าใส่กรงน้ำแข็ง ให้เจ้าได้คิดว่าทำอะไรผิดไป!” มือทั้งสองข้างของนายน้อยเหมยมีลำแสงเย็นเยียบปรากฏขึ้นมา เตรียมจะได้พลังที่แข็งแกร่งเข้าควบคุมชิเสวี่ยอวิ๋น
ผู้อาวุโสหว่านถอนหายใจอยู่ด้านข้างเขา แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร
“อาจารย์ ไม่คิดเลยว่าตั้งแต่แรก ท่านจะวางแผนนี้ไว้แล้ว…..” ชิเสวี่ยอวิ๋นส่ายหัว ความรู้สึกในฐานะศิษย์อาจารย์หายไปในทันที
“ที่ข้าไปเป็นอาจารย์ของเจ้า ก็เพราะว่ากายาของเจ้านั้นหายาก เหมาะที่จะเป็นผู้สร้างชีวิตที่แข็งแกร่งของเผ่าเทพเทียนเหมยเรา….” ผู้อาวุโสหว่านทอดถอนใจ เผ่าเทพเทียนเหมยค่อยๆ ตกต่ำลงอย่างช้าๆ จำเป็นต้องอาศัยอัจฉริยะที่แข็งแกร่งมาพยุง
พวกเขาไม่สามารถปล่อยชิเสวี่ยอวิ๋นจากไปได้ เพราะเธอจะเป็นผู้หญิงที่ช่วยสร้างเด็กรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าข้าคงทำได้เพียงขัดขืนเท่านั้นแล้ว….” ชิเสวี่ยอวิ๋นชักกระบี่ออกมา เตรียมตัวรับมือ
“ขัดขืน? เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสอย่างงั้นเหรอ?” นายน้อยเหมยพูดพลางหัวเราะ “ที่นี่มีแค่เจ้าเพียงคนเดียว เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้? จะบอกอะไรให้ ตราบเท่าที่อยู่ในโลกสวรรค์ เจ้าไม่มีทางหนีไปจากเงื้อมมือของข้าได้ จงยอมจำนนแต่โดยดีเถอะ! ให้บังคับให้ข้าต้องทำร้ายเจ้า ยอมเป็นของข้าแต่โดยดีเถอะ”
ชิเสวี่ยอวิ๋นสีหน้าหดหู่ ขนาดอาจารย์ของตนยังยืนอยู่ข้างนายน้อยเหมย ทำให้เธอไม่มีทางหนีจริงๆ
“เทียนหยุน….” เธอพึมพำออกมา คิดว่าทางที่ตนเลือกนั้นเป็นสิ่งที่ผิด น่าจะเลือกอยู่ที่โลกมนุษย์มากกว่า
แต่มาเสียใจตอนนี้มันก็สายไปแล้ว อี้เทียนหยุนไม่มีทางปรากฏตัวที่นี่ได้ สำหรับตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นโลกสวรรค์ หรือเผ่าเทพเทียนเหมย ล้วนแต่อยู่ห่างไกลทั้งนั้น
“กล้าลงมือกับผู้หญิงของข้า ช่างมีความกล้าไม่น้อยจริงๆ!”
ในตอนนี้เอง ได้มีร่างหนึ่งปรากฏตัวที่ประตู พร้อมกับมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา ชิเสวี่ยอวิ๋นมองออกไป พร้อมกับเห็นคนที่ไม่น่าจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในสายตา!