ตอนที่ 684: เทพเทียนเหมย
“อะไรนะ มีผู้บุกรุก!?”
ผู้อาวุโสเผ่าเทพเทียนเหมยรีบพากันจ้องไปที่อี้เทียนหยุนพร้อมกับจิตสังหารที่รุนแรง นอกจากอี้เทียนหยุนแล้ว ตรงนี้ก็ไม่มีคนแปลกหน้าอีก
เจียงอี้กับพวกล้วนแต่เป็นคนคุ้นหน้า แต่หากดูที่หน้าของเขาตอนนี้แล้ว จะเห็นว่าใบหน้าของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความแตกตื่น โดยเฉพาะเจียงอี้ที่ตอนนี้กำลังตัวสั่นเทา ต้องรู้ว่าอี้เทียนหยุนนั้นเขาเป็นคนพามา หากจะเอาเรื่องจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาคือคนนำผู้บุกรุกเข้ามาหรอกเหรอ? เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าเขาคงต้องรับบทลงโทษอย่างแน่นอน
ที่สำคัญคือตอนนี้เขารู้แล้วว่า ว่าระดับของอี้เทียนหยุนนั้นร้ายกาจมาก กระทั่งผู้อาวุโสใหญ่ยังถูกตบจนมีสภาพครึ่งตายภายในฝ่ามือเดียว นี่ทำให้เขาต้องยืนขาสั่นอยู่ข้างๆ พร้อมกับสีหน้าที่แตกตื่น
“ใช่ มันเป็นผู้บุกรุก หลังจากที่พวกเราค้นพบแผนการของมัน มันก็พลันลงมือทำการปิดปากพยาน กระทั่งบุตรชายของข้ายังต้องมาตายลงไป….”
เหมยอี้หมิงที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้อาวุโสเหมยในตอนนี้ได้ตายไปเรียบร้อยแล้ว หากว่าจะไม่ตาย ก็มีเพียงอี้เทียนหยุนต้องการไว้ชีวิตเขาเท่านั้น แต่ว่าเขาได้มีลมหายใจมาพอแล้ว ดังนั้นตอนนี้ก็เลยตายจนไม่สามารถตายได้อีก เขาไม่เหมือนกับผู้อาวุโสเหมยที่มีสมบัติคอยปกป้องชีวิต
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสสัมผัสได้ว่าเหมยอี้หมิงไม่มีลมหายใจอีกต่อไปแล้ว ก็แอบแตกตื่นในใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นผู้อาวุโสเหมยที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ยิ่งทำให้พวกเขาแตกตื่นขึ้นไปอีก แม้ว่าระดับของผู้อาวุโสเหมยจะไม่สูงสุด แต่ก็สามารถติดหนึ่งในสิบของเผ่าเทพเทียนเหมยได้อย่างแน่นอน แต่นี่กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างง่ายดาย ก็หมายความว่าผู้บุกรุกผู้นี้นั้น ทรงพลังเป็นอย่างมาก
“สมแล้วที่ผู้คนว่ากันว่าผู้หญิงเปรียบดั่งงูพิษ ข้าเป็นผู้บุกรุกอย่างงั้นเหรอ? หากไม่ใช่พวกเจ้าขโมยผู้หญิงของข้ามา เจ้าคิดว่าข้าจะบุกเข้ามาที่นี่ตามใจหรือไง?” อี้เทียนหยุนปรายตาไปยังผู้อาวุโสหว่าน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เจ้าไม่คิดจะอธิบายอะไรให้พวกเขาฟังหน่อยเหรอ? หากถึงตอนนั้นที่ข้าทำลายเผ่าเทพเทียนเหมยของเจ้าลงมากกว่าครึ่งแล้วล่ะก็ อย่าได้มาโทษว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”
แม้ว่าเขาจะไม่รังเกียจที่ทำการฆ่าล้างขึ้น แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะผู้อาวุโสเหมยเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนนำ เรื่องในตอนนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
“เหล่าอาวุโสทั้งหลาย เรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดนั้น แม้ว่าเขาจะบุกรุกเข้ามา แต่ไม่ใช่เพราะต้องการสมบัติล้ำค่าของพวกเรา ดังนั้นได้โปรดอย่าเพิ่งด่วนลงมือ….” ผู้อาวุโสหว่านรีบอธิบายให้พวกเขาฟัง เธอรู้ว่าพลังของอี้เทียนหยุนนั้นร้ายกาจมาก หากสู้กันจนตกตายไป นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
ลูกชายของผู้อาวุโสเหมยตาย ทำให้เธอเสียสติไป เธอต้องการให้เผ่าเทพเทียนเหมยใช้พลังเข้าจัดการอี้เทียนหยุน อย่างอื่นเธอล้วนไม่ใส่ใจ
“ผู้อาวุโสหว่าน เจ้าเข้าข้างผู้บุกรุกอย่างนี้ ข้าสงสัยว่าเจ้าเป็นผู้ทรยศ เป็นพวกเดียวกับผู้บุกรุก! จากคำพูดของเจ้า ทำไมผู้บุกรุกถึงได้ลอบเข้ามาได้ง่ายนัก?” ผู้อาวุโสเหมยที่เสียสติเปรียบได้ดั่งคนบ้า เธอใส่ร้ายแม้กระทั่งผู้อาวุโสหว่าน ถึงขนาดกล่าวหาว่าเป็นเธอเป็นผู้ทรยศ
ผู้อาวุโสหว่านสีหน้ากลายเป็นน่าเกลียด ผู้อาวุโสเหมยคนนี้บ้าไปแล้ว เพื่อผลลัพธ์แล้ว เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หากไม่ได้จัดการกับอี้เทียนหยุน เธอย่อมไม่ยอมหยุดง่ายๆ อย่างแน่นอน
“ใครทรยศเข้าข้างผู้บุกรุกกัน?”
ยิ่งมายิ่งมีผู้อาวุโสและผู้จัดการบินมากันมาก สายตาของพวกเขาต่างก็พากันจับจ้องไปที่อี้เทียนหยุนและผู้อาวุโสหว่าน ฐานะของผู้อาวุโสเหมยนั้นสูงมาก โดยเฉพาะเหมยอี้หมิงที่ตายอยู่ในอ้อมแขนเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำพูดของเธอนั้นน่าเชื่อถือมากกว่า
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ในตอนนี้เอง ได้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งบินมา เพิ่งจะมาถึง เขาก็เห็นเหมยอี้หมิงนอนตายอยู่ในอ้อมแขนของผู้อาวุโสเหมย ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป “อี้หมิง!”
เขาบินลงมืออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ใช้นิ้วไปอังจมูก พร้อมกับสีหน้าที่เผือดสีลง “ตายแล้ว ใครเป็นคนทำ!?”
“ชิงเหยียน เป็นมัน…. มันคือฆาตกรที่สังหารลูกของเรา” ผู้อาวุโสเหมยร่ำไห้ออกมาด้วยความโกรธ
“เป็นเจ้า!” จิตสังหารของเหมยชิงเหยียนพวยพุ่งออกมาทันที พร้อมกับจับจ้องไปที่อี้เทียนหยุนในทันที พร้อมกันนั้นก็มองเห็นชิเสวี่ยอวิ๋นที่จับมือถือแขนอี้เทียนหยุน ทันใดนั้นก็เหมือนกับคิดถึงปัญหาใหญ่ข้อหนึ่งได้ “เจ้าเป็นใครกันแน่ กล้าดียังไงถึงได้แอบบุกเข้าในเผ่าเทพเทียนเหมยของข้า ต้องการทำอะไรกันแน่!”
“ข้าไม่ได้ต้องการทำอะไรทั้งนั้น ข้าแค่ต้องการพาคนของข้ากลับไป ส่วนเรื่องที่พวกเจ้าลงทุนไปก่อนหน้า ข้าจะตอบแทนให้เป็นสองเท่า ส่วนลูกชายของเจ้าที่ตายไป ข้าคงพูดได้เพียงว่า บางคนก็สมควรต้องชดใช้ให้กับความโง่ของตน ข้าพูดไปตั้งมาก แต่ลูกชายและผู้หญิงของเจ้ากลับสายตาแคบสั้น ไม่รู้ว่าบางคนก็ไม่สามารถหาเรื่องได้?”
อี้เทียนหยุนยิ้มอย่างเย็นชา สำหรับเรื่องที่พวกมันทำ เขาจะไม่โกรธได้ยังไง? แค่ฆ่าพวกมันให้ตายไปง่ายๆ อย่างนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว หากว่าพวกมันลงมืออะไรกับชิเสวี่ยอวิ๋น เขาจะทำให้พวกมันแม่ลูกมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย ไม่มีทางปล่อยให้พวกมันตายไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
“จับมัน!”
เหมยชิงเหยียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา ผู้อาวุโสรอบๆ รีบถือเชือกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เหมยชิงเหยียนไม่ใช่ประมุข แต่ก็เหมือนกับประมุข ประมุขที่แท้จริงปิดด่านอยู่ ดังนั้นตำแหน่งประมุขชั่วคราวจึงเป็นของเหมยชิงเหยียน
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะมีเหตุผลอะไร แต่การสังหารบุตรชายข้า แล้วยังคิดจะพาคนออกไป! เจ้าคิดว่าเผ่าเทพเทียนเหมยของข้าเป็นอะไร ถึงได้คิดจะมาจะมา คิดจะไปก็ไป? ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายผิด แต่ตอนนี้เจ้าคือคนผิด!” เหมยชิงเหยียนพูดอย่างเย็นชา “จับมันให้ข้า คนคู่นี้สังหารบุตรชายข้า อีกทั้งยังต้องการหนีออกไปจากที่นี่ด้วย!”
พริบตา เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็พากันกรูเข้ามา พร้อมกันนั้น ต้นเทียนเหมยที่อยู่รอบๆ ก็พากันส่องแสง ดอกเหมยที่อยู่บนต้นก็เริ่มเบ่งบาน ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยออกมาทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง
ที่สำคัญคือบนต้นเทียนเหมยที่กำลังเปล่งแสงออกมานั้น ต่างก็มีค่ายกลอยู่เต็มขนัด แม้แต่เขาทั้งลูกยังพากันส่องแสง พร้อมกับพลังรอบๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
พริบตา ทั่วทั้งเขาลูกนี้ก็สว่างจ้า ก่อเป็นโล่ป้องกันขึ้นในพริบตา ปกคลุมที่แห่งนี้ไว้ กลายเป็นตาข่ายฟ้าที่แน่นขนัด ยากที่จะหนีรอดออกไป ตราบใดที่ไม่ทำลายโล่คุ้นกันนี้ ก็ไม่มีทางที่จะลงไปจากเขาลูกนี้ได้
มหาค่ายกลของที่นี่ไม่เพียงแต่จะสามารถป้องกันคนนอกบุกเข้ามาเท่านั้น แต่ยังสามารถปิดล้อมศัตรูไม่ให้หนีออกไปได้อีกด้วย พูดได้ว่าทันทีที่ต้นเทียนเหมยเบ่งบานและเปล่งแสงออกมา ก็จะเป็นเหมือนตะเกียงที่ให้ความสว่าง ทำให้ลานหิมะนี้เป็นประกายระยิบระยับ ก่อตัวเป็นโล่ป้องกันขนาดยักษ์อย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมกับสะกดสิ้นทุกสิ่ง
เผชิญหน้ากับมหาค่ายกลนี้ สีหน้าของอี้เทียนหยุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับการเปลี่ยนแปลงของที่นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
“เทพเทียนเหมยอย่างงั้นหรอ?” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มเย็นๆ ออกมา พร้อมกับใช้ดวงตาประเมินตรวจสอบข้อมูลในทันที
เทพเทียนเหมย : เป็นมหาค่ายกลที่สร้างขึ้นมาจากต้นเทียนเหมยนับไม่ถ้วน มีความสามารถในการต่อต้านสิ่งมีชีวิต มีผลป้องกันไม่ให้ศัตรูหนีออกไปได้ พร้อมกับไม่มีที่ให้หลบซ่อน เทพเทียนเหมยสามารถใช้การโจมตีธาตุน้ำแข็งที่รุนแรงออกมาได้ โดยการรวบรวมพลังวิญญาณน้ำแข็งที่อยู่รอบๆ มาใช้เป็นการโจมตี ยิ่งมีคนควบคุมมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!
“เทียนหยุน นี่คือพลังของมหาค่ายกล ได้ยินมาว่าค่ายกลนี้แข็งแกร่งมาก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนก็ยังต้องถูกสยบ….” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดออกมาอย่างเป็นกังวลอยู่ด้านข้าง
“สามารถสยบได้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนเชียว?” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มไม่แยแสออกมา “แต่นั่นก็ต้องดูด้วยว่าเป็นราชาเซียนขั้นไหน หากว่าเป็นราชาเซียนขั้นสูงสุด ค่ายกลนี้จะสามารถต้านทานได้หรือเปล่า?”
เขาไม่กลัว ไม่มีพายุลูกไหนที่เขาไม่เคยเห็น ตอนที่มหาค่ายกลเทพเทียนเหมยทำงาน เขาก็รู้กระจ่างแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้แสดงอาการตกใจแต่อย่างใด
ปัญหานี้เป็นพวกเขาก่อขึ้นด้วยตัวเอง ไม่เพียงแต่กล้าหาเรื่องเขาเท่านั้น แต่ยังไม่รู้จักยอมรับความผิดของตนอีก เมื่อเป็นอย่างนี้ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้พวกเขาได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่า เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!
พวกเขาเอาแต่อยู่ในนี้มานานแล้ว นานจนโอหังไม่รู้จักดีชั่ว!