ตอนที่ 685: กระบี่สะบั้นเทพ!
“ข้าว่าเจ้าอย่าได้สู้จะดีกว่า เพราะต่อให้ดิ้นรนไปก็เปล่าประโยชน์ ภายใต้การควบคุมจากผู้อาวุโสจำนวนมากของพวกเรา ต่อให้เจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียน ก็ต้องถูกสยบอยู่ที่นี่อยู่ดี!”
เหมยชิงเหยียนมองไปที่อี้เทียนหยุนและชิเสวี่ยอวิ๋นอย่างเย็นชา เขาย่อมรู้ถึงฐานะของชิเสวี่ยอวิ๋นดี แต่เมื่อตอนนี้ลูกชายของเขาก็ได้ตายไปแล้ว แล้วยังจะเก็บชิเสวี่ยอวิ๋นไปทำอะไรอีก?
พวกเขาล้วนชื่นชอบชิเสวี่ยอวิ๋นและเหมยอี้หมิงมาก แต่ตอนนี้เหมยอี้หมิงก็ได้ตายไปแล้ว ดังนั้นยังจะมีความหมายอะไรอีก? โดยเฉพาะเมื่อเห็นทั้งสองจับมือถือแขนกัน ก็ยิ่งทำให้ความโกรธในใจของเขาปะทุขึ้นไปอีก หวังว่าตนจะสามารถเข้าไปสับร่างอี้เทียนหยุนและชิเสวี่ยอวิ๋นสักหลายๆ ที
“ไม่ให้สู้อย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา “หากว่าไม่สู้ แล้วเจ้าจะทำอะไรกับพวกเรา? จะขังพวกเราไว้จนตาย จากนั้นก็ขุดเนื้อเถือหนังของพวกเราออกมาอย่างงั้นเหรอ?”
“ข้าจะใช้เลือดและเนื้อของเจ้า เซ่นสังเวยให้กับวิญญาณของลูกชายข้าบนสวรรค์!” เหมยชิงเหยียนพูดอย่างเย็นชา “ไปจับพวกมัน!”
และในตอนนี้ เหล่าผู้อาวุโสก็ได้รวบรวมพลังจนเสร็จ ต้นเทียนเหมยที่อยู่รอบๆ ได้ปล่อยความเย็นสูงสุดออกมา พร้อมกับโถมเข้ามาที่นี่อย่างบ้าคลั่ง ทำให้อุณหภูมิของที่นี่ลดลงอย่างมาก จนถึงขั้นที่น่ากลัวเลยทีเดียว
ความเย็นอันเป็นที่สุดนี้ เทียบได้กับเปลวเพลิงเทียนหยินเลย พริบตาก็สามารถแช่แข็งผู้คนได้แล้ว อีกทั้งระยะโจมตียังค่อนข้างน่าถึง ตราบเท่าที่ถูกขังอยู่ที่นี่ ต่อให้หลบอยู่ซอกมุมไหนก็ย่อมได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน
เป็นตาข่ายฟ้ามหาค่ายกลที่ไม่มีที่ให้หลบ ไม่ว่าจะมากันมากเท่าไหร่ ก็จะถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็วอยู่ดี และนี่ก็เป็นเพียงแต่ส่วนของพลังตอนเริ่มต้นเท่านั้น ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ต้องการลงมือจัดการอี้เทียนหยุนและชิเสวี่ยอวิ๋นชั่วคราว เพียงโอบล้อมพวกเขาเอาไว้ จากนั้นก็จะให้เหมยชิงเหยียนลงมือด้วยตัวเอง
พริบตา พื้นที่ที่อี้เทียนหยุนและชิเสวี่ยอวิ๋นอยู่ก็ได้ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่หนาวเยือกหนาหนึ่งชั้น เหมยชิงเหยียนกับผู้อาวุโสเหมยมองมาที่นี่ ราวกับว่าอี้เทียนหยุนและชิเสวี่ยอวิ๋นถูกทำให้กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งไปเรียบร้อยแล้ว ถูกสะกดไว้โดยสมบูรณ์
ผู้อาวุโสหว่านที่อยู่ใกล้ๆ ส่ายหัว พร้อมกับถอนหายใจออกมา “แม้แต่อาจารย์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ หลายอย่างเป็นสิ่งที่อาจารย์ไม่สามารถควบคุมได้ ขอโทษด้วย….”
เธอเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปช่วยอะไร แม้ว่าเธอจะมีตำแหน่งเป็นผู้อาวุโส แต่ก็เป็นผู้อาวุโสที่ไม่มีอำนาจอะไร ดังนั้นฐานะจึงด้อยกว่าผู้อาวุโสเหมยและเหมยชิงเหยียน ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร เธอทำได้แค่เพียงยอมรับเท่านั้น
“ฉวะ!”
อากาศที่หนาวเย็นอยู่ๆ ก็ถูกคลื่นกระบี่ตัดขาดเป็นสองส่วนในพริบตา พร้อมกันนั้น คลื่นกระบี่สีแดงฉานก็ได้ตัดเอวผู้คนที่อยู่รอบๆ ขาดเป็นสอง ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่าน ไม่ว่าจะเป็นหิมะหรือน้ำแข็งต่างก็ถูกทำให้ละลาย แม้แต่ต้นเทียนเหมยเองยังลุกติดไฟอย่างรวดเร็ว
ต้นเทียนเหมยที่ติดไฟนั้น พริบตาก็ถูกเผาจนสลายกลายเป็นเถ้า!
ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นเร็วเกินไป คลื่นกระบี่สีแดงฉานนี้ ทำการตัดเอวผู้อาวุโสที่อยู่รอบๆ จนตัวขาดครึ่ง และในขณะที่พวกเขารู้สึกตัวนั้น แสงสีแดงก็ได้ทำการเผาร่างพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกับสายตาที่เบิกกว้าง จากนั้นก็ “พรึบ” เปลวเพลิงที่น่าสะพรึงก็ได้ทำการกลืนกินพวกเขา ทำให้มีเสียงร้องโหยหวนดังออกมา แต่อย่างรวดเร็วก็ถูกเผาจนเป็นตอตะโก ตายจนไม่สามารถตายได้อีก
“ติ๊ง ท่านสังหารผู้อาวุโสเผ่าเทียนเหมยสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์…..”
“ติ๊ง ท่านสังหารผู้อาวุโส……”
ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณถูกเขาสังหาร เพียงแค่การตวัดกระบี่ออกมาแค่ครั้งเดียว ก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณ 5-6 คนถูกฆ่าตาย กระทั่งต้นเทียนเหมยยังลุกไหม้ ยังไงก็ตาม มหาค่ายกลก็ไม่ได้อ่อนแอลง เพียงแค่ต้นเทียนเหมยส่วนหนึ่งถูกเผา มันไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร
แต่ปัญหาอยู่ที่เหล่าผู้อาวุโสหลายคนที่ตายไป ทำให้พลังของมหาค่ายกลเทียนเหมยมีระดับลดลงช่วงใหญ่
“แค่ขยะอย่างพวกเจ้า คิดจะสยบข้าอย่างงั้นเหรอ?” ในมือของอี้เทียนหยุนถือกระบี่เทพเทียนหมิงแน่น เมื่ออุปกรณ์ระดับเทวะจับคู่กับระดับที่น่าสะพรึงของเขา ก็ทำให้ทุกคนตรงหน้าไม่ต่างอะไรไปจากขยะ
เหมยชิงเหยียนสีหน้าจมลง พริบตา ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ก็ตายไป นี่เป็นถึงหัวกะทิของเผ่าเทพเทียนเหมยของพวกเขาเชียวนะ แต่กลับมาตายลงง่ายๆ อย่างนี้เลย?
ผู้อาวุโสเหมยตกใจ นี่เป็นมหาค่ายกลที่สามารถจัดการได้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียน ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีแบบไหนก็สามารถต้านทานได้ มาตอนนี้กลับไม่สามารถป้องกันได้แม้แต่กระบี่เดียวนี้! อีกทั้งยังมาถูกเผาด้วยเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงในพริบตา จนทำให้ภูเขาทั้งลูกกลายเป็นทะเลเพลิง
ต้นเทียนเหมยนั้นติดไฟยากมาก โดยเฉพาะเปลวเพลิงทั่วๆ ไป แม้แต่อาวุธธรรมดาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรมันได้ แต่ภายใต้เปลวเพลิงที่น่าสะพรึงนี้ กลับถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปลิวหายไปกับสายลมต่อหน้าต่อหน้า
“ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ เสวี่ยอวิ๋น นี่คือผู้ชายที่เจ้าให้ใจอย่างงั้นเหรอ…..” ผู้อาวุโสหว่านตกใจ เพียงกระบี่เดียวก็ได้โลกมาไว้ในกำมือ!
“นี่คือเปลวเพลิงนิรันดร์ แท้จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่!” เหมยชิงเหยียนในใจรู้สึกสั่นสะท้าน ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้ใจเย็นนัก ที่แท้ก็เพราะว่าอีกฝ่ายมีพลังนี้ จึงได้ไม่เกรงกลัวพวกเขา
“ข้าเป็นใครแล้วสำคัญมากเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา “ดูเหมือนว่าหากไม่ให้เจ้าชดใช้ซะบ้าง คงจะไม่รู่วาตัวเองกำลังหาเรื่องใครอยู่ คงจะคิดว่าเผ่าเทพเทียนเหมยของพวกเจ้านั้นไร้เทียมททานจริงๆ!
“โหมดคลั่ง จงเปิด!”
อี้เทียนหยุนสายตาเย็นชา พร้อมกับพลังรบที่เพิ่มขึ้น 32 เท่าในพริบตา จนเห็นภาพคลื่นพลังทะลวงขึ้นไปบนฟ้า แม้แต่พื้นดินตรงหน้าพวกเขายังสั่นไหว ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงของอี้เทียนหยุนนี้ มีเพียงก็แต่ชิเสวี่ยอวิ๋นคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้สึกอะไร เธอเพียงรู้สึกถึงความสุข และความโล่งใจเพียงเท่านั้น
กระบี่เทพเทียนหมิงในมือเขาเปล่งแสงเจิดจ้า เปลวเพลิงนิรันดร์พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยไม่จำเป็นใช้เปลวเพลิงใต้พิภพ เพียงใช้เปลวเพลิงนิรันดร์ก็สามารถปลดปล่อยพลังของกระบี่เทพเทียนหมิงออกมาได้เช่นกัน
เปลวเพลิงที่ร้อนลวกยิงขึ้นบนฟ้า ความร้อนของมันน่ากลัวถึงขนาดที่ทำให้หิมะและน้ำแข็งรอบๆ ระเหยกลายเป็นไอในพริบตา จากนั้น เขาก็ทำการฟันกระบี่เทพเทียนหมิงลงมายังหุบเขาเทียนเหมย!
“หยุดนะ!”
สัมผัสได้ถึงพลังที่น่ากลัว เหมยชิงเหยียนก็ได้รีบตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ว่าคนก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ แม้ว่าระดับของเขาจะไม่ถือว่าอ่อนแอ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังที่น่ากลัวนี้ ก็รู้ว่าตัวเองตัวหดลง
“กระบี่สะบั้นเทพ!”
อี้เทียนหยุนทำเป็นหูทวนลม พร้อมกับพลังในมือที่เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ก่อนที่จะตวัดกระบี่ในมืออกไปนับไม่ถ้วน จัดการกับเหล่าผู้อาวุโสที่ควบคุมค่ายกลที่ยังรอดชีวิตอยู่อย่างบ้าคลั่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังที่ทำลายสวรรค์สยบปฐพีนี้ อย่างอื่นก็ไม่มีค่าให้เอ่ยถึงจริงๆ
“เปรี้ยง!”
ลำแสงกระบี่ที่มีขนาดใหญ่นับร้อยจ้างตกลงมา ไม่ว่าจะเป็นโล่ป้องกันอะไรก็กลายเป็นเสมือนกระดาษบางๆ ถูกทะลวงผ่านได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ตำหนักที่แข็งแรงทนทาน ก็เปรียบได้ดั่งเนยเหลว ถูกผ่ากลางลงอย่างง่ายดาย
กระบี่ที่ตกลงมา แทงลึกลงไปยังสถานที่ที่อยู่ด้านล่าง ผ่าแกนกลางค่ายกลออกเป็นผุยผง “เปรี้ยง” แกนกลางค่ายกลที่แข็งแกร่งถูกบดทำลายอย่างง่ายดายภายใต้กระบี่นี้
อี้เทียนหยุนใช้ว่าจะฟันออกไปมั่วๆ เขาได้เล็งทำลายแกนกลางของมหาค่ายกลเทพเทียนเหมยไว้แต่แรกแล้ว เมื่อแกนกลางของค่ายกลถูกทำลาย จากนั้น เผ่าเทพเทียนเหมยก็จะเผยโฉมต่อโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ หมอกขาวที่ปกคลุมยอดเขาเอาไว้ ก็เปิดเผยภาพลักษณ์ที่แท้จริงออกมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากแกนกลางค่ายกลถูกทำลาย หมอกขาวที่ปกคลุมตำหนักเทียนเหมยไว้ก็สลายไป หลังจากมหาค่ายกลเสียหาย ก็พลันเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา หากว่ามีบางคนมองจากข้างนอกเข้ามาในตอนนี้ ก็จะเห็นว่ามีภูเขาหิมะปรากฏอยู่ พร้อมกับตำหนักที่ตั้งอยู่บนภูเขาหิมะหลายหลัง
เมื่อไม่มีมหาค่ายกล เส้นทางลวงตาก็ได้ถูกเปิดออก ไม่สามารถป้องกันไม่ให้ศัตรูบุกเข้ามาได้อีกต่อไป กลายเป็นเพียงสถานที่ธรรมดาที่ใครก็เข้ามาได้ ทำให้ข้อได้เปรียบหลายข้อของเผ่าเทพเทียนเหมยสลายไป
ยังไงก็ตาม ปัจจุบันก็ไม่ได้มีใครหาเรื่องเผ่าเทพเทียนเหมย แต่เป็นเผ่าเทพเทียนเหมยที่หาเรื่องอี้เทียนหยุน!