ตอนที่ 687: โทษหนัก
คำพูดของอี้เทียนหยุนโหดร้ายเป็นอย่างมาก สังหารคนไปจำนวนมาก แต่ก็ยังต้องการชีวิตของผู้อาวุโสทั้งสองอีก! สำหรับผู้อาวุโสเหมยนั้นก็ช่างเถอะ แต่เหมยชิงเหยียนคือผู้ที่จะขึ้นเป็นประมุขถัดไป
แม้เหมยอี้หมิงจะบอกว่าตนเองจะกลายเป็นประมุขคนต่อไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกกี่สิบปี หรืออาจจะเป็นร้อยปีให้หลัง ยังไงก็ตาม เมื่อพ่อของเขาขึ้นเป็นประมุข ต่อให้เขาจะไม่ใช่ประมุข อำนาจก็ยังมหาศาลอยู่ดี
ตอนนี้อี้เทียนหยุนกลับเอ่ยปากว่าต้องการชีวิตของคนทั้งสอง นี่ทำให้ในใจของผู้คนอดไม่ได้ต้องสั่นสะท้านออกมา ไม่รู้ว่าเหมยเหวินชูจะตอบรับคำขอนี้ยังไง?
“ตกลง” เหมยเหวินชูไม่ได้คิดพิจารณานานอะไร แต่กลับตกปากรับคำในทันที นี่ทำให้ผู้คนทั้งหลายต่างก็พากันตกใจ
และก็ทำให้ใบหน้าของเหมยชิงเหยียนกับผู้อาวุโสเหมยซีดลงมาก พวกเขาได้ทำคุณประโยชน์ให้กับเผ่าเป็นจำนวนมาก แต่บอกว่าจะทอดทิ้งก็ทิ้งกันง่ายๆ อย่างนี้เลย? ไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย ทอดทิ้งพวกเขาโดยสมบูรณ์
“ท่านประมุข ท่านไม่คิดถึงความสหายแต่เก่าก่อนของข้าเลยเหรอ พวกเราไม่มีค่าอะไรเลยหรือไง?” เหมยชิงเหยียนมีสีหน้าน่าเกลียด แม้ว่าจะไม่ถูกโจมตี แต่สีหน้าของเขาในตอนนี้ กลับดูน่าเกลียดยิ่งกว่าถูกโจมตีอย่างสาหัสเสียอีก
“พวกเจ้าทั้งคู่ไม่รู้เหรอว่าตอนนี้กำลังหาเรื่องใครอยู่?” เหมยเหวินชูส่ายหัว พร้อมกับเผยรอยยิ้มฝืดฝืนออกมา
เขาทุ่มพลังออกมามหาศาล แต่เปลวเพลิงนิรันดร์กลับไม่ได้มอดดับโดยสมบูรณ์ นี่ทำให้เขารู้ว่าตนด้อยกว่าอีกฝ่าย เพียงแค่เข้าไปใกล้ ก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึง หากว่าอีกฝ่ายตวัดกระบี่ออกมา เขารู้สึกว่าตนจะต้องตัวขาดเป็นสองส่วนอย่างแน่นอน
“ขะ ข้า….” ผู้อาวุโสเหมยร่ำไห้ออกมา ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจจนลำไส้บิดเขียว แต่ว่าทุกอย่างก็ได้สายไปแล้ว ฝั่งตรงข้ามไม่มีทางคืนคำพูดอย่างแน่นอน ต่อให้ประมุขจะมาด้วยตนเอง ก็ไม่มีส่วนช่วยพวกเธอเลยแม้แต่น้อย
การที่ประมุขเต็มใจรับปากเช่นนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่สามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้! หากไม่สังเวยสองคนนี้ ก็ต้องสังเวยเผ่าเทพเทียนเหมยทั้งเผ่า ตัวเลือกทั้งสองข้อนี้ ควรจะเลือกข้อไหนก็น่าจะรู้กันดี
ต่อให้เป็นคนโง่ ก็รู้ว่ายังไงก็ต้องเลือกสังเวยสองคนนี้อย่างแน่นอน หากไม่อย่างงั้น หรือจะปล่อยให้เผ่าเทพเทียนเหมยต้องเผชิญกับหายนะอย่างงั้นเหรอ!
“ข้า ข้าต้องการพบท่านบรรพชน!” เหมยชิงเหยียนกัดฟันพูดออกมา
“ไม่จำเป็นต้องพบท่านบรรพชนหรอก นี่เป็นคำตอบของท่านบรรพชน” เหมยเหวินชูพูดอย่างเฉยชา
“นี่ นี่จะเป็นไปได้ยังไง! พะ พ่อของข้าเป็นพี่น้องกับท่านบรรพชนนะ!!” เหมยชิงเหยียนกู่ร้องออกมา รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ แต่เหมยเหวินชูจะหลอกเขาอย่างงั้นเหรอ?
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เหมยชิงเหยียนไม่เต็มใจที่จะยอมรับความจริง ต่อให้จะเป็นพี่น้อง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขายังจะไม่รับปากได้เหรอ? ต่อให้ต้องเฉือนเนื้อของตนออกไป พวกเขาก็ทำได้เพียงทำตามเท่านั้น
“พอได้แล้ว!” เหมยเหวินชูมองพวกเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้นว่า “การกระทำของพวกเจ้าในหลายปีมานี้ ข้าได้ทำเป็นหลับหูหลับมา โดยเฉพาะเจ้า!”
เหมยเหวินชูชี้ไปยังผู้อาวุโสเหมย แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เป็นเจ้า ชิงเหยียนที่ทำร้ายพวกเขา ปล่อยให้ภรรยาและลูกชายของเจ้าทำตัวโหดเหี้ยมและยังไร้เหตุผล คิดว่าตนเองสามารถทำอะไรก็ได้! เมื่อคิดดีๆ แล้ว คนที่ทำให้ตำหนักเทียนเหมยตกอยู่ในสภาพนี้ ก็เป็นตัวพวกเขาเอง!”
ผู้อาวุโสเหมยหน้าซีดราวกับคนตาย ริมฝีปากสั่นเทิ้ม ไม่ใช่ว่าเธอไม่เสียใจ แต่ว่าเสียใจตอนนี้แล้วจะได้อะไร? ทุกอย่างได้สายไปแล้ว เธอได้สร้างปัญหาจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ต่อให้จะยอมรับ แต่เผ่าเทพเทียนเหมยก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก อย่าว่าแต่สร้างใหม่เลย แค่สามารถรักษาไว้ได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
เหมยเหวินชูไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นมายังไง แต่เมื่อเห็นชิเสวี่ยอวิ๋นที่อยู่ข้างกายอี้เทียนหยุนแล้ว เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องราวได้หลายอย่าง ผู้เชี่ยวชาญย่อมไม่ลงมือกับพวกเขาโดยไร้เหตุผล เมื่อเห็นชิเสวี่ยอวิ๋นเขาก็เข้าใจ
ชิเสวี่ยอวิ๋นที่อยู่ที่นี่ น่าจะเป็นสหายกับผู้เชี่ยวชาญคนนี้ แล้วเร็วๆ นี้เขายังได้ยินว่าผู้อาวุโสเหมยได้สนับสนุนลูกชายของตนให้ตามจีบชิเสวี่ยอวิ๋น กระทั่งวางแผนว่าจะใช้กำลังบังคับอีกฝ่าย!
แต่หลังจากที่เขารู้เรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ใครจะคิดล่ะว่าเบื้องหลังของผู้หญิงคนนี้จะมีผู้ชายที่น่ากลัวอยู่! พูดได้ว่าความผิดในครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับตัวเขาเล็กน้อย ก็ใครจะไปคิดเล่าว่า เบื้องหลังของชิเสวี่ยอวิ๋นจะมีผู้ชายที่น่ากลัวอย่างนี้อยู่?
แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่ได้เป็นคนสร้างปัญหา แต่เป็นผู้อาวุโสเหมยที่ใส่ร้ายผู้อื่นก่อน จึงส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่น่ากลัวนี้ขึ้น
“เป็นความผิดของข้าเอง…..” ผู้อาวุโสเหมยกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงเสียดหู แต่ว่าก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
ผู้เชี่ยวชาญมีศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถล่วงละเมิดได้ ไม่ว่าจะขอโทษยังไงก็เปล่าประโยชน์!
อี้เทียนหยุนเดินจูงมือชิเสวี่ยอวิ๋นเข้าไปทีละก้าว มองไปที่พวกเขาและพูดอย่างเฉยชาว่า “ข้าได้บอกไว้แต่แรกแล้ว ว่าข้าต้องการจัดการปัญหานี้แบบธรรมดา แต่ท่าทีของเจ้าก็ทำให้ข้าผิดหวัง อีกทั้งข้าก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว ยิ่งเห็นหน้าพวกเจ้าก็ยิ่งรู้สึกรำคาญ”
เขาทำท่าคว้าจับอากาศ พร้อมกับคนทั้งสองที่ถูกยกขึ้นมาอย่างง่ายดาย ไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรนยังไงก็เปล่าประโยชน์ ไม่สามารถดิ้นหลุดไปจากฝ่ามือของเขาได้ ความต่างระหว่างพวกเขานั้นใหญ่มาก แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่พวกเขาจะต่อต้านพลังของอี้เทียนหยุนได้
“ข้า ข้าขอสาปแช่งเจ้า ขอให้เจ้าไม่ได้ผุดได้เกิด! หลังจากข้าตายไป ข้าจะกลายเป็นวิญญาณร้ายตามหลอกหลอนเจ้าตลอดกาล จนกว่าเจ้าจะตายไป!”
หลังจากผู้อาวุโสเหมยถูกจับ เธอก็ได้ยอมแพ้ในการดิ้นรน แต่กลับหัวเราะออกมา พร้อมกับสาปแช่งอี้เทียนหยุน
เหมยชิงเหยียนนั้นดีหน่อย เขาทำเพียงแค่หลับตา และไม่พูดอะไรเลย ถูกบรรพชนละทิ้ง รวมถึงประมุขด้วย ทั้งยังแต่งงานกับภรรยาที่น่ารังเกียจ เขายังจะพูดอะไรอีก ทำได้เพียงแค่ยอมรับต่อโชคชะตาเท่านั้น
“สาปแช่งข้าไม่ให้ผุดให้เกิด? อีกทั้งยังจะกลายเป็นวิญญาณร้ายตามหลอกหลอนข้า?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา “เจ้าไม่ใช่คนแรกที่พูดอย่างนี้ และก็ไม่ใช่คนสุดท้ายด้วย พวกคนผิดก็มักจะเป็นแบบนี้กันทั้งนั้น!”
จากนั้น เขาก็กระชากมือที่ยื่นออกไปขึ้น ทำให้อากาศที่ว่างเปล่าปรากฏภาพเงาขึ้น พร้อมกับคว้าเข้าที่หัวของผู้อาวุโสเหมยอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็ดึงวิญญาณของผู้อาวุโสเหมยออกจากร่าง จนอีกฝ่ายต้องร้องโหยหวนออกมา
นี่คือวิชาเฉพาะของเผ่าวิญญาณร้าย สามารถบังคับดึงวิญญาณของศัตรูออกมาได้ ซึ่งถือว่าดีกว่าการสิงร่าง ยังไงก็ตาม วิธีนี้ก็ทำได้ยากมาก นอกจากว่าจะมีระดับที่ต่างกันมาก ถึงจะสามารถทำอย่างนี้ได้
พลังของอี้เทียนหยุนนั้นแข็งแกร่งกว่าเธอมาก ดังนั้นจึงสามารถดึงวิญญาณของเธอออกมาได้อย่างง่ายดาย
“เจ้า เจ้าต้องการจะทำอะไร!?” ผู้อาวุโสเหมยกรีดร้องออกมา หลังจากวิญญาณถูกดึงออกจากร่าง เธอก็สัมผัสได้ถึงสิ่งรอบข้างได้มากขึ้น
ยิ่งผู้ฝึกตนมาถึงช่วงท้ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีแบบไหนก็สามารถอดทนได้ แต่ก็ยังมีการโจมตีอีกแบบที่ไม่สามารถอดทนได้ นั่นก็คือการโจมตีทางวิญญาณ
“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะกลายเป็นวิญญาณร้ายตามหลอกหลอนข้าหรอกเหรอ ตอนนี้ข้าก็เลยดึงวิญญาณเจ้าออกมา อยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะกลายเป็นวิญญาณร้ายได้ยังไง” อี้เทียนหยุนพูดอย่างดูถูก “ไม่เพียงแต่จะไม่สำนึกในความผิดของตน แต่กลับสาปแช่งออกมาอีก คิดว่าข้าจะให้เจ้าตายง่ายๆ อย่างงั้นเหรอ ดูเหมือนว่าเจ้าจะจงใจรนหาที่ตาย จะบอกเจ้าให้ เข้ามีเป็นพันๆ วิธีที่จะทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย!”
“วันนี้ข้าเห็นแก่หน้าท่านน้า ถึงได้ไว้หน้าเผ่าเทพเทียนเหมย แต่ต่อให้วันนี้ข้าจะไม่ลงมือ แต่การใช้ชีวิตของพวกเจ้านี้ สักวันก็ต้องทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่ดี!”
เขายิงพลังในมือออกไป ปล่อยให้เปลวเพลิงนิรันดร์แผดเผาวิญญาณของเธอทีละน้อย ความเจ็บปวดที่แสนสาหัสทำให้เธอต้องกรีดร้องออกมา ถึงขนาดว่าเป็นเสียงทั้งหมดที่มาจากปอด เสียดแทงเข้าไปในจิตใจของผู้คน
อี้เทียนหยุนมีสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่ใช่ว่าเขานั้นโหดเหี้ยม แต่คนที่หาเรื่องเขามันต้องตาย!