ตอนที่ 688: จัดการ
เสียงกรีดร้องดังทะลวงไปทุกพื้นที่ ทำให้หลายคนที่ได้ยินรู้สึกใจหล่นไปถึงตาตุ่ม นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นอะไรแบบนี้ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พวกเขารู้สึกใจแป้วได้ยังไง? เปลวเพลิงนิรันดร์ทำการแผดเผาไปทีละชุ่น ราวกับว่าวิญญาณเป็นเชื้อเพลิงที่ลุกติดไฟทีละน้อย
แต่ไม่ว่าผู้อาวุโสเหมยจะกรีดร้องยังไง อี้เทียนหยุนก็ไม่สนใจ หรือจะพูดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแค่จุดไฟเบาๆ ที่เหลือก็จะเป็นหน้าที่ของเปลวเพลิงนิรันดร์ที่จะทำการแผดเผาวิญญาณของอีกฝ่ายจนกว่าจะสลายไป ไม่อย่างนั้นจะไม่มีวันหยุด
“ให้พวกเราไปสบายเถอะ!” เหมยชิงเหยียนคำรามเสียงต่ำออกมา ในตอนนี้เขาหวังเพียงให้อี้เทียนหยุนส่งพวกเขาไปสบาย อย่างอื่นเขาไม่คิดอะไรอีก
“หากว่าตอนนั้นข้าถูกเจ้าจับไป เจ้าจะให้ข้าตายสบายไหมล่ะ?” อี้เทียนหยุนถามขึ้นเบาๆ
เหมยชิงเหยียนหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด คำถามของอี้เทียนหยุนเป็นที่ชัดเจนดี นั่นก็คือจะไม่ยอมให้พวกเขาตายอย่างสบายอย่างแน่นอน เหตุผลนั้นก็ง่ายมาก หากว่าเป็นเหมยชิงเหยียนที่จับอีกฝ่ายได้ เขาก็ไม่มีทางฆ่าเขาอย่างสบายแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องทำให้อี้เทียนหยุนมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย
ลูกชายของเขา เหมยชิงเหยียนตาย แล้วเขาจะปล่อยให้อี้เทียนหยุนตายสบายได้ยังไง? แต่ต่อให้เหมยชิงเหยียนจะยอม ผู้อาวุโสเหมยก็ต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน นี่เป็นลูกของพวกเขา แล้วจะให้ปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไง?
ด้วยนิสัยของผู้อาวุโสเหมย จะต้องทรมานอี้เทียนหยุนด้วยสารพัดวิธีอย่างแน่นอน ให้อี้เทียนหยุนได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่เคยสัมผัส เป็นประสบการณ์ที่คิดอยากจะดูเท่านั้น
“เข้าใจได้ก็ดี เป็นเพราะความอวดดีของเจ้าทำให้เจ้าต้องมีจุดจบเช่นนี้ แต่อย่างน้อย วิญญาณและร่างของเจ้ายังได้ตายอยู่ที่นี่” อี้เทียนหยุนโบกมือ จากนั้น เปลวเพลิงนิรันดร์ก็ได้ทำการแผดเผาร่างของเขา
กระบวนการของเขานั้นธรรมดามาก เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นทั่วร่าง พร้อมกับมอบความเจ็บปวดที่แสนสาหัสให้กับเขา แต่เมื่อเทียบกับการตายของผู้อาวุโสเหมยแล้ว ย่อมรู้สึกดีกว่ากันอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้คนทั้งหลายของเผ่าเทพเทียนเหมยได้แต่มองดูพวกเขาถูกสังหารตายไปอย่างช่วยไม่ได้ ในใจรู้สึกเต็มไปด้วยความโกรธที่รุนแรง แต่ก็ไม่มีวิธีที่จะปลดปล่อยมันออกไป
แม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นพวกเหมยชิงเหยียนหาใส่ตัวเอง แต่ถึงยังไงก็เป็นพวกเดียวกัน การที่ต้องมองดูผู้อาวุโสของตนถูกเผาไปทีละน้อยเช่นนี้ ทำให้ใจใจของพวกเขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
เหมยเหวินชูเองก็ทำได้เพียงถอนหายใจอยู่ด้านข้าง ไม่มองไปยังพวกเขา ราวกับพวกเขาไม่มีตัวตน
“ดีมาก ในเมื่อเจ้าทำตามที่พูด ข้าก็จะทำตามที่รับปากเช่นกัน” อี้เทียนหยุนโบกมือ พร้อมกับดูดกลืนเปลวเพลิงนิรันดร์ที่ปกคลุมทั่วทั้งที่แห่งนี้กลับคืน ทันใดนั้น เปลวเพลิงที่ปกคลุมอยู่ทั่วทุกที่ ก็ได้สลายไป ไม่มีเหลืออยู่แม้แต่น้อย
หลังจากที่เปลวเพลิงหายไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือพื้นที่ถูกเผาจนเป็นสีดำ พร้อมกับมีบางที่ที่ถูกเผาจนกลายเป็นหินหนืด พร้อมกับส่งอุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
บางพื้นที่ก็ถูกทำลายสิ้น ดูแล้วให้ความรู้สึกขนหัวลุก และนี่ก็เป็นแค่พลังของอี้เทียนหยุนเพียงคนเดียว แต่ก็สามารถบดขยี้ทุกคนได้อย่างสิ้นซาก
หากว่าเหมยเหวินชูไม่ออกมา เกรงว่าที่นี่คงถูกทำลายสิ้น เมื่อถึงตอนนั้น ตำหนักของเผ่าเทพเทียนเหมยของพวกเขาก็คงจะถูกทำลายสิ้น จำต้องใช้เงินมหาศาลเพื่อที่จะสร้างมันขึ้นใหม่
แต่ตอนนี้ถือว่าดีหน่อย ที่ตำหนักที่ถูกทำลายนั้นมีน้อยกว่าครึ่ง ภาพรวมยังไม่ถึงขั้นเลวร้าย แต่หากว่าเหมยเหวินชูมาช้ากว่านี้ หรือว่ายังคงทำการต่อต้านต่อ เมื่อนั้น ผลลัพธ์สุดท้ายของที่นี่คงเป็นการถูกทำลายสิ้น โดยไร้ซึ่งความปรานี
ตามจริงแล้ว อี้เทียนหยุนก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นค่าประสบการณ์มองให้เขา ตัวเขานั้นยังขาดค่าประสบการณ์อยู่ หากสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนได้สักสองสามคน แบบนั้นก็ถือว่าดีเลย
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็หันไปมองทางผู้อาวุโสหว่าน ทำให้ผู้อาวุโสหว่านถึงกับแข้งขาอ่อนแรง ทรุดลงไปกับพื้นโดยตรง อี้เทียนหยุนยังไม่ทันได้ปล่อยพลังออกไปแม้แต่น้อย แต่ว่าเธอก็เข่าอ่อนทรุดลงไปกับพื้น เพราะความหวาดกลัวที่มีต่ออี้เทียนหยุน
“เทียนหยุน ไม่ต้องทำอะไรเธอหรอก…. อยู่ที่นี่ เธอได้ดูแลข้าอย่างดี” ชิเสวี่ยอวิ๋นช่วยพูดให้
เธอไม่เรียกผู้อาวุโสหว่านว่าอาจารย์อีก การที่อีกฝ่ายหลอกเธอมายังเผ่าเทพเทียนเหมย พร้อมกับทำผิดสัญญาที่รับปาก อีกทั้งยังพูดจาใจร้าย แต่ว่าเธอก็ไม่ต้องการให้อี้เทียนหยุนต้องเป็นฝ่ายลงมือ
หากว่าอี้เทียนหยุนมาถึง และเห็นว่าเธอถูกทำร้าย ชิเสวี่ยอวิ๋นกลัวว่าทุกคนที่นี่คงถูกสังหารจนหมด แม้แต่ผู้ไม่เกี่ยวข้องก็คงต้องตายไปด้วย โดยไม่มีข้อยกเว้น
ในตอนที่ชิเสวี่ยอวิ๋นเป็นเจ้าตำหนักเทียนเฉวียน เธอมีฉายาว่าเจ้าตำหนักคลั่งสังหาร ตราบเท่าที่เป็นศัตรู เธอจะทำการกำจัดอีกฝ่ายจนไม่เหลือซาก รวมถึงผู้มีความเกี่ยวข้องก็ไม่ละเว้น!
“อืม ข้าฟังท่าน” อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา ความจริงเขาอยากจะลงทาผู้อาวุโสหว่าน แต่ในเมื่อชิเสวี่ยอวิ๋นขอไว้ เขาก็จะไม่เอาเรื่องเธอ
ในเมื่อชิเสวี่ยอวิ๋นเป็นฝ่ายเอ่ยปาก เขาจะไม่รับปากได้เหรอ
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็ส่งอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ 5 ชิ้นออกไป ปักอยู่บนพื้น ก่อนจะพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เรื่องแต่ละเรื่องย่อมมีเหตุของมัน ข้าก็แค่มาหาคนเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าจะถูกขัดขวาง อีกทั้งยังคิดจะใช้กำลังบังคับอีก สิ่งนี้ถือว่าเป็นค่าชดเชยให้กับพวกเจ้า แต่บางเรื่องก็ควรต้องพูดอยู่ดี ต่อให้ไม่มีผู้อาวุโสหว่านเจ้า ระดับของเธอก็ยังจะมาถึงจุดนี้ได้อยู่ดี”
คำพูดนี้ไม่ใช่ว่าเขาอวดดี แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาขาดแคลนทรัพยากร ดังนั้นจึงไม่ได้ทำให้ชิเสวี่ยอวิ๋นปลดปล่อยศักยภาพที่ดีที่สุดออกมา แต่ด้วยระดับที่เพิ่มขึ้นของเขา ย่อมสามารถทำให้ศักยภาพของชิเสวี่ยอวิ๋นระเบิดออกมาได้อย่างแน่นอน
ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเขา ตอนนี้ชิเสวี่ยอวิ๋นน่าจะอยู่ในระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นสูงสุด หรืออาจจะเข้าสู่ระดับราชาวิญญาณแล้วก็เป็นได้ ตัวเขาย่อมไม่ตระหนี่ทรัพยากรที่จะมอบให้ชิเสวี่ยอวิ๋นอย่างแน่นอน ตราบเท่าที่เขาให้ได้ เขาย่อมทุ่มทุกอย่างให้กับเธออย่างแน่นอน!
เหมยเหวินชูไม่พูดอะไร แต่กลับถอนหายใจเมื่อมองดูอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ หากว่าเผ่าของเขาไม่มีคนโง่หลายคนแล้วล่ะก็ คงจะกลายเป็นสหายกับผู้เชี่ยวชาญผู้นี้แล้ว
“เทียนหยุน พวกเราไปกันเถอะ ข้าไม่อยากจะเห็นหน้าพวกเขาอีกต่อไปแล้ว” ชิเสวี่ยอวิ๋นส่ายหัว เธออยากจะเป็นกำลังให้กับเผ่าเทพเทียนเหมย ยิ่งกว่านั้นยังซื่อสัตย์อย่างยิ่ง
เผ่าเทพเทียนเหมยให้การดูแลเธออย่างดี เธอย่อมต้องตอบแทนอีกฝ่าย แต่ใครจะรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะกายาน้ำแข็งศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่เริ่ม ดังนั้นจึงได้คิดฝึกให้เธอเป็นทายาท เอาจริงๆ ก็คือ ต้องการให้เธอแต่งงานกับเผ่าของพวกเขา จากนั้นก็ให้กำเนิดเด็กออกมาอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งระดับของเธอสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมาะที่จะเป็นผู้หญิงที่ให้กำเนิดทายาทของพวกเขามากเท่านั้น ซึ่งนี่ถือเป็นความคิดที่ธรรมดามาก แต่ว่าพวกเขากลับหาผิดคน พันไม่ควร หมื่นไม่ควร ไม่ควรที่จะหาผู้หญิงของอี้เทียนหยุน
“อืม ข้าก็คิดน่ารังเกียจมากเช่นกัน พวกเราไปกันเถอะ”
อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา พร้อมกับโบกมือเบาๆ จากนั้นก็มีฟีนิกซ์สีน้ำเงินโผล่ขึ้นมาตรงหน้าพวกเขา อี้เทียนหยุนจูงมือเธอเดินขึ้นไปบนหลังฟีนิกซ์สีน้ำเงินนี้ พร้อมกับบินจากไปภายใต้สายตาของทุกคน
หลังจากที่เขาบินจากไป เปลวเพลิงนิรันดร์ที่อยู่บนร่างของคนทั้งสองก็ลุกโชนขึ้น พร้อมกับเผาร่างพวกเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน อี้เทียนหยุนแน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยพวกเขาไป แต่เป็นเพราะคำพูดของชิเสวี่ยอวิ๋น ทำให้เวลาแห่งความเจ็บปวดของพวกเขาต้องสั้นลงมาก ไม่อย่างนั้น หากเป็นไปตามกระบวนการนี้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าที่จะถูกเผาจนหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสเหมย บางทีอาจต้องใช้เวลาถึงหลายสัปดาห์ เรื่องความเจ็บปวดไม่จำเป็นต้องพูดถึง มันย่อมทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวอย่างแน่นอน เมื่อคิดว่าต้องทนฟังเสียงกรีดร้องโหยหวนอยู่หลายสัปดาห์ ใครบ้างจะไม่รู้สึกกลัว?