ตอนที่ 691: แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน
“ติ๊ง ท่านทำภารกิจหลัง “รับชิเสวี่ยอวิ๋นกลับ” สำเร็จ ได้รับ ค่าประสบการณ์ 300 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุงพิเศษ 5 ครั้ง!”
“ติ๊ง ท่านรับภารกิจหลัก “ตามหาพ่อแม่” สำเร็จ เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 500 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุงพิเศษ 2 ครั้ง!”
ในตอนนี้เอง ก็ได้มีรายงานว่าภารกิจสำเร็จดังขึ้นมา พร้อมกับมอบภารกิจหลักใหม่ให้กับเขา ซึ่งก็คือภารกิจ “ตามหาพ่อแม่” นั่นเอง ดูเหมือนว่าระบบจะต้องการให้เขาตามหาพ่อแม่ให้เร็วที่สุด ซึ่งนี่คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าตัวเขาจะไม่อยากไปก็ตาม
นอกจากว่าเขาจะไม่ต้องการทำภารกิจหลักต่อไปแล้ว สำหรับค่าประสบการณ์ในตอนนี้ถือว่าน้อยมาก แต่ได้มาก็ดีกว่าไม่ได้ และอีกอย่าง นี่ก็เป็นทางที่เขาต้องไปอยู่แล้ว การที่อยู่ๆ ภารกิจก็ขึ้นมาอย่างดี ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเช่นกัน
ชิเสวี่ยอวิ๋นที่อยู่ใกล้ๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากคิดสักพัก เธอก็พูดอย่างช้าๆ ว่า “ข้าจำได้ว่าเหมือนจะเป็นขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์! ซึ่งในตอนนั้นสำหรับตำหนักเทียนเฉวียนเรา ขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นอะไรที่พวกเราไม่มีวันที่จะเอื้อมถึง เปรียบได้กับเทพเจ้าอย่างไงอย่างงั้น”
“ขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์…..” อี้เทียนหยุนพยักหน้า นี่ไม่ได้ผิดไปจากที่เขาคาด ในเมื่อไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์ ก็ต้องอยู่ในโลกใต้พิภพ หรือไม่ก็โลกสวรรค์
ซึ่งขุมอำนาจที่ตั้งอยู่ในที่แห่งนั้นได้ ย่อมไม่เป็นที่น่าผิดหวังอย่างแน่นอน แล้วก็ปรากฏว่าเป็นขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เกรงว่าคงมีแต่อัจฉริยะจากแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ถึงจะทำให้แม่ของอี้เทียนหยุนยอมตามไปด้วยได้ หากไม่ใช่อัจฉริยะ เจ้าตำหนักเทียนเฉวียนในตอนนั้นคงไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
“ใช่แล้ว เป็นขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่ข้ามายังเผ่าเทพเทียนเหมยก็เพื่อที่จะเพิ่มระดับฝึกตน เหตุผลหลักก็เพื่อสิ่งนี้ เพื่อที่จะหาข่าวให้มากขึ้น จำเป็นต้องมีระดับที่สูงจึงจะดี ไม่อย่างนั้นย่อมไม่มีทางทำอะไรได้” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดอย่างเฉยชา “ขุมอำนาจแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ชื่อว่า แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน(ฟ้าประทาน) ซึ่งเป็นที่ที่มีราชาศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นมา!”
“แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน?”
อี้เทียนหยุนตกใจ แดนศักดิ์สิทธิ์นี้เขาย่อมรู้จัก เพราะเป็นความทรงจำที่วิญญาณมายาที่ผนึกปีศาจนั้นให้เขามา แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนนี้ เป็นหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นเชื้อสายของราชาศักดิ์สิทธิ์ ถือเป็นขุมกำลังที่ร้ายกาจที่สุด และก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับ 1 ของโลกสวรรค์อีกด้วย
ไม่คิดเลยว่าตัวเขานั้นจะเป็นทายาทของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนอย่างไม่คาดคิด เป็นทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน! ในตอนแรกนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนมีชื่อเสียงดังก้องเป็นอย่างมาก แต่ว่าตอนนี้ได้ตกต่ำลงแล้ว
เมื่อเขาได้มาถึงโลกสวรรค์ เขาได้ทำการสอบถามถึงขุมอำนาจต่างๆ จำนวนมาก เขาต้องการจะร่วมมือกับทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง แบบนี้ถึงจะสามารถสยบปีศาจร้ายเอาไว้ได้
ดังนั้น เมื่อเขามาถึงโลกสวรรค์ เขาจึงได้ทำการสอบถามถึงเรื่องนี้ และก็พบว่าผลลัพธ์นั้นช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนนั้น ไม่ได้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับ 1 แต่ว่าตกลงไปอยู่อันดับที่ 8
แม้ว่าตำแหน่งนี้จะยังถือว่าร้ายกาจอย่างมาก แต่อย่างน้อยก็มีแดนศักดิ์สิทธิ์อีกเป็นจำนวนมากที่สามารถเข้ามาติด 1 ใน 10 และเมื่อเทียบกับแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับ 1 ในตอนแรกแล้ว พูดได้ว่ามันยังห่างกันอีกไกลนัก
ในตอนแรกเริ่มนั้น หากว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนบอกว่าตนเองเป็นอันดับ 2 ก็ไม่มีใครกล้าเรียกตนเองว่าเป็นอันดับ 1! เหตุผลสำคัญเป็นเพราะว่าอันดับที่ 2 และอันดับที่ 1 นั้นต่างกันมาก ช่องว่างระหว่างกลางนั้น เทียบได้กับแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับที่ 3 หลายแห่งมารวมกันเลยด้วยซ้ำ
แดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ นั้น มีราชาเซียนอยู่สามคน หรืออาจจะห้าคน แต่ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนกลับมีราชาเซียนอยู่ถึงสิบคน! ราชาศักดิ์สิทธิ์ 1 คน, ราชาเซียน 10 คน มันเป็นระดับที่มากพอที่จะท้าทายสวรรค์ นี่คือความเจิดจรัสของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนในยุคแรกเริ่ม แต่หลังจากที่ผ่านสงครามโลกสวรรค์ รวมถึงราชาศักดิ์สิทธิ์ยังมาจากไป พร้อมกับเวลาที่เลยผ่าน จึงทำให้มันตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว
จากเวลาที่เลยผ่าน ทำให้ราชาเซียนทั้งสิบนั้นไม่มีอยู่ ตอนนี้อย่างมากก็มีราชาเซียนแค่ 2 คน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น อูฐผอมก็ยังใหญ่กว่าม้าอ้วน แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนยังถือว่าติด 1 ใน 10 ซึ่งทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาตอแยเหมือนก่อนหน้า
การที่ไม่มีใครมาตอแย ก็ไม่ได้หมายความว่าฐานะจะสูงส่ง การที่ตกลงมายังอันดับที่ 8 ถือว่าเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด
“ใช่ เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนที่ร้ายกาจนั่นล่ะ” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจ “พี่สาวเธอต้องการแต่งเข้าไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่าตอนนั้นพ่อของเจ้าถือว่ามีชื่อเสียงเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน! ดังนั้น คู่บำเพ็ญเต๋าของเขาเจ้าคงจินตนาการได้ จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์แข็งแกร่ง ในตอนแรก พี่สาวไม่มีทางที่จะได้การยอมรับจากแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน แม้แต่เป็นนางสนมก็ยังไม่คู่ควร…..”
นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก อัจฉริยะของโลกมนุษย์และอัจฉริยะของโลกสวรรค์ ต่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี
หากสามารถเข้าสู่ระดับหลอมรวมบนโลกมนุษย์โดยใช้อายุไม่กี่ปี ก็จะถือว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะแล้ว แต่ในโลกสวรรค์นั้น ต้องเข้าสู่ระดับก่อแกนวิญญาณ หรือกระทั่งผันแปรวิญญาณถึงจะเรียกว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง
ดังนั้น แม่ของอี้เทียนหยุนจึงยากที่จะแต่งเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน แต่ว่าพวกเขาก็ยังตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกัน จนสุดท้ายหลังจากให้กำเนิดเขาออกมา ก็พากันกลับไปยังโลกสวรรค์อีกครั้ง
“อัจฉริยะอันดับ 1 พ่อของข้าคนนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ” อี้เทียนหยุนส่ายหัว คนที่สุดยอดทั้งสองคนนี้ กลับให้กำเนิดเด็กที่มีเลือดฉีเบาบางออกมาคนหนึ่ง นี่มันช่างแปลกมากจริงๆ
เขารู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสงสัยอย่างมาก ไม่อย่างนั้น จะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะมีเลือดฉีเบาบางอย่างนี้? ตัวเขานั้นย่อมมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งอย่างแน่นอน หากไม่ใช่เพราะตอนเด็กมีเลือดฉีที่อ่อนแอแล้วล่ะก็ ป่านนี้เขาคงพุ่งทะยานไปเรียบร้อยแล้ว
แต่เพราะเลือดฉีอ่อนแอจนน่ากลัว ทำให้ระดับไม่เพิ่มขึ้น ต่อให้พรสวรรค์จะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์
“ในตอนที่ข้าได้เห็นพ่อของเจ้าครั้งแรก ตอนนั้นเขาเป็นอัจฉริยะที่น่าตกใจจริงๆ มีคุณสมบัติมากพอที่จะภาคภูมิใจ ด้วยพรสวรรค์ที่น่าทึ่งนั้น ทำให้หญิงสาวจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็พากันหมอบราบคาบแก้วต่อเขา” ชิเสวี่ยอวิ๋นส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ “พี่สาวเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน แม้จะรู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดมากแค่ไหน เธอก็ยังเลือกที่จะไปโลกสวรรค์อยู่ดี”
“ดังนั้น ท่านน้าก็เลยอยากจะมาดูให้เห็นกับตา อยากจะมาดูว่าแม่ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เป็นอย่างที่ท่านคิดหรือเปล่าอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “แต่ข้าว่าไม่ไปดูน่าจะดีกว่า”
หากว่าสถานการณ์เป็นไปอย่างราบรื่น ป่านนี้พวกเขาคงพากันกลับไปยังโลกมนุษย์เพื่อตามหาเขาแล้ว แต่นี่ผ่านมาเกือบ 20 ปี แต่พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะส่งข้อความกลับไป
“แต่ถึงยังไงก็ต้องไป หากว่าสถานการณ์ของเธอเลวร้ายแล้วล่ะก็ ต่อให้ต้องตีก็ต้องทำให้เธอได้สติ จากนั้นก็พาเธอกลับไปด้วยให้ได้…..” เบ้าตาชิเสวี่ยอวิ๋นแดงก่ำ “เธอเป็นพี่สาวที่ดีที่สุดของข้า หากไม่มีพี่สาว ข้าเกรงว่าคงตายไปนานแล้ว…. การที่ข้ามีแม่ของเจ้าเป็นพี่ร่วมสาบาน ถือเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดในชีวิตข้า”
“วางใจเถอะ พวกเราจะต้องพาแม่กลับไปได้อย่างแน่นอน…..” อี้เทียนหยุนยิ้ม จากนั้นก็เร่งความเร็วบินไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน
เขารู้เส้นทางคร่าวๆ แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะหลง แต่พอไปถึงแล้วจะเป็นยังไงนั้น นั่นก็เป็นเรื่องที่ต่างออกไป
ในระหว่างทาง เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีสิทธิ์สุ่มลอตเตอรี่อยู่ ดังนั้นจึงได้เริ่มทำการสุ่มลอตเตอรี่ระหว่างทาง เขายังไม่ลืมเรื่องเซ็ตหายนะบรรพกาล หากว่าได้เซ็ตหายนะบรรพกาลมาครบเซ็ต ต่อให้ต้องมีเรื่องกับแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนอะไรนั่น เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวล
“เปิดลอตเตอรี่!”
จากนั้น ที่กลางอากาศก็ได้ปรากฏกรงล้อขนาดใหญ่ขึ้น แต่ว่าเห็นเพียงแค่เขาเท่านั้น ส่วนชิเสวี่ยอวิ๋นตอนนี้กำลังเพลิดเพลินต่อการเอาใจของเขาอย่างสงบ นี่เป็นเพียงการพักผ่อนช่วงสั้นๆ ก่อนสงครามจะเริ่ม เมื่อถึงตอนนั้น จะต้องเจอกับปัญหามากมายอย่างแน่นอน เรื่องของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน จะต้องไม่เป็นไปอย่างราบรื่นเด็ดขาด
ไม่รู้ว่าเกือบ 20 ปีมานี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนได้เปลี่ยนเป็นยังไงบ้าง?