ตอนที่ 693: มาถึง
หลังจากใส่ครบเซ็ต อี้เทียนหยุนก็รู้สึกว่าพลังของตนเพิ่มขึ้นขั้นใหญ่ ยิ่งเอฟเฟ็กเมื่อใส่ครบเซ็ตยิ่งแข็งแกร่ง ถึงขนาดที่ท้าทายสวรรค์กันเลยทีเดียว
“ในที่สุดก็ครบเซ็ตสักที ต่อไปก็เป็นเซ็ตอายุยืน” อี้เทียนหยุนพยักหน้า แม้ว่าเซ็ตอายุยืนจะค่อนข้างอ่อนแอในการต่อสู้ แต่ประสิทธิภาพในการรักษากลับน่าทึ่งถึงขั้นสุด
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หากจะเปลี่ยนไปใช้ชุดอายุยืนเมื่ออยู่ในการต่อสู้ ตัวอย่างเช่นเมื่อได้รับบาดเจ็บ ก็ทำการเปลี่ยนไปใช้ชุดอายุยืนในทันที จากนั้นก็ทำการรักษาอาการบาดเจ็บที่ได้รับมา จากนั้นค่อยเปลี่ยนกลับไปใช้ชุดเดิมก็ไม่ใช่ปัญหา
แม้ว่าเวลาจะสั้นมาก แต่ด้วยเอฟเฟ็กที่มากถึง 10 เท่า หรืออาจจะถึง 100 เท่า ทำให้ชุดนี้เหมาะสำหรับสงครามที่ยืดเยื้อเป็นอย่างมาก
จากนั้น เขาก็ทำการเปิดกล่องไม้ที่ได้มาจากหมวดจิปาถะทั้งสองกล่องที่เหลือในที่สุด เขารู้ว่าภายใต้รัศมีโชค(เปลี่ยนจากโชคดีเป็นรัศมีโชคนะครับ) ของที่ได้มาย่อมไม่แย่อย่างแน่นอน เขาก็เลยทำการเปิดกล่องที่เหลือในที่สุด
และเมื่อเขาเปิดกล่องแรกออกมา บัตรเพิ่มค่าประสบการณ์ 80 เท่าก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา!
ก็ถือว่าดี เพราะด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ราคาของมันก็สูงถึงหลายล้านค่าความคลั่ง ซึ่งเปรียบได้กับสมบัติ แต่ก็ยังห่างจากสิ่งที่จะทำให้เขาประหลาดใจได้ อย่างน้อยหากว่าเทียบกับวิชายุทธ์ที่ได้มานี้ ก็ถือว่าห่างกันไกล
“ก็ยังถือว่าดี สามารถเอาไว้ใช้ตอนเจอกับระดับราชาเซียนได้” อี้เทียนหยุนพยักหน้า บัตรเพิ่มค่าประสบการณ์ 80 เท่านั้น ถือว่าดีมากทีเดียว
จากนั้น เขาก็เปิดกล่องใบสุดท้ายออก แล้วก็ปรากฏว่าเป็นบัตรเพิ่มค่าประสบการณ์ 80 เท่าอีกครั้ง ทำให้ในตอนนี้เขามีบัตรเพิ่มค่าประสบการณ์ 80 เท่า 2 ใบ
“บัตรเพิ่มค่าประสบการณ์อีกแล้ว…..”
อี้เทียนหยุนส่ายหัว พร้อมกับรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย มันน่าจะได้ของดีกว่านี้ แต่ใครจะรู้ว่าจะเป็นบัตรเพิ่มค่าประสบการณ์ถึง 2 ใบ อย่างน้อยก็น่าจะให้ของดีอย่างอื่นเขาสักชิ้นก็ยังดี
“ดูเหมือนว่าครั้งหน้าคงต้องเพิ่มระดับรัศมีโชคดูซะแล้ว จะได้เพิ่มค่าโชคขึ้นไปอีก!”
เขาไม่ได้เพิ่มระดับให้กับรัศมีโชคนี้นานแล้ว ตั้งแต่ที่เขาคิดว่ามันพอแล้ว เพราะก่อนหน้านี้หลังจากที่สังหารศัตรูหรือสุ่มลอตเตอรี่ เขาก็ได้ของดีมาตลอด ดังนั้นก็เลยไม่ได้เพิ่มระดับให้มัน เพราะถึงยังไงการเพิ่มระดับก็ต้องใช้ค่าความคลั่งเป็นจำนวนมากถึง 10 ล้าน ไม่ใช่แค่แสนสองแสน
หลังจากสุ่มลอตเตอรี่จบ ที่เหลือก็แค่ไปให้ถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเท่านั้น
ตลอดทางล้วนแต่ราบรื่น ไม่มีใครเข้ามาขวาง ไม่มีสักคนที่จะกล้าเข้ามาตอแยฟีนิกซ์ พูดได้เพียงว่า แม้แต่ความเร็วของฟีนิกซ์พวกเขายังตามไม่ทัน แล้วจะให้เข้ามาขวางได้ยังไง?
อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็มาถึงเฟิงเทียนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นแผ่นดินใหญ่ที่เป็นของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนแต่ผู้เดียว ซึ่งประชากรในปัจจุบันเทียบได้กับค่าเฉลี่ยเท่านั้น ไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อน
เขาไม่ได้หยุดพักตรงที่เมืองชายแดน แต่วาบินไปยังเมืองหลวงเฟิงเทียนโดยตรงเลย ในเมื่อพ่อของเขาคืออดีตอัจฉริยะอันดับหนึ่ง เขาก็เชื่อว่าอีกฝ่ายจะต้องอยู่ในเมืองเฟิงเทียนอย่างแน่นอน ไม่มีทางมาอยู่ที่เมืองรอบนอกเด็ดขาด
แต่ต่อให้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง การหาข่าวจากที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถึงแล้ว นี่คือเมืองเฟิงเทียน…..”
เพิ่งจะมาถึง เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดทับที่มาจากกลางอากาศ ซึ่งหมายความว่าให้พวกเขาบินลงไปนั่นเอง เพราะแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเป็นเมืองที่ราชาศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ควบคุม ดังนั้นการจะห้ามไม่ให้คนอื่นบินนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องยาก และหากคิดจะบินล่ะก็ จำเป็นต้องได้รับตราอนุญาตซะก่อน ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกพลังของที่นี่จำกัดไว้
“กี๊ด กี๊ด…..”
ฟีนิกซ์น้ำเงินครามร้องออกมา พร้อมกับค่อยๆ ลดเพดานบินลง เนื่องจากไม่สามารถบินได้ ในระยะ 50 ลี้จากเมืองเฟิงเทียน ดูเหมือนว่าจะถูกปกคลุมไว้ด้วยมหาค่ายกลที่ห้ามบิน
ไม่แปลกเลยที่แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนซึ่งมีมรดกของราชาศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่มีใครกล้าบุกเข้ามาอย่างหักโหม ที่แท้ก็เพราะว่าที่นี่มีเขตห้ามบินอยู่ เมื่อผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถบินได้ ก็เหมือนกับถูกตัดพลังลงกว่าครึ่งนั่นล่ะ
ถึงยังไงความเร็วในการบินก็เป็นความเร็วที่เร็วที่สุด ต่อให้จะวิ่งบนพื้นได้เร็วแค่ไหน ก็ไม่เร็วไปกว่าพวกที่บินอยู่บนฟ้าหรอก โดยเฉพาะเมื่อฝั่งตรงข้ามบินได้ แต่ฝ่ายศัตรูกลับบินไม่ได้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าการจะเข้าโจมตีและยึดเมืองแห่งนี้นั้นยากแค่ไหน
“ดูเหมือนว่าตั้งแต่ตรงนี้ไป พวกเราคงต้องเดินไปแล้ว” อี้เทียนหยุนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองก็ไม่สามารถบินได้เช่นกัน แม้ว่าเขาจะสามารถบินผ่านเส้นทางทั้งสองได้โดยสะดวก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากที่แห่งนี้
ที่นั่นเป็นที่ที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนสร้างขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นอะไร แต่ว่าที่นี่เป็นของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ดังนั้นฐานะของเขาจึงไม่ได้รับการรับรอง
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนขั้นสูงสุดทั่วๆ ไป แต่ก็ยังรู้สึกว่ายากจะบินขึ้นไปได้อยู่ดี นี่ทำให้รู้เลยว่า ขีดจำกัดของราชาศักดิ์สิทธิ์นั้นน่ากลัวขนาดไหน ยังไงก็ตาม ขีดจำกัดของราชาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน หากว่าระดับของเขาเพิ่มขึ้นสูงกว่านี้ เขาก็น่าจะบินได้ตามใจ
“นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนที่พี่สาวต้องการแต่งเข้ามา…..”
นัยน์ตาคู่งามของชิเสวี่ยอวิ๋นเป็นประกาย สามารถมองเห็นเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ได้จากไกลๆ ขนาดยังไม่เข้าไปใกล้ๆ พวกเขาก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงลำแสงที่ยิงขึ้นไปสู่ท้องฟ้า พร้อมกับปกคลุมพื้นที่บริเวณนี้ ภายใต้ลำแสงที่สาดส่อง ทำให้ชิเสวี่ยอวิ๋นอยากจะก้มลงกราบทำความเคารพ
นี่คือดินแดนของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน การที่มีความรู้สึกเช่นนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา ความพยายามที่ทุ่มเทให้กับที่นี่ มันจะธรรมดาได้ยังไง
“มรดกของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนยังได้รับการสืบต่อ แต่ว่าของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนกลับไม่มีแล้ว…..” อี้เทียนหยุนส่ายหัว เป็นราชาศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน แต่อาณาจักรของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนยังตั้งอยู่ กลับกัน ของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนกลับไม่มีแล้ว
อาจเป็นไปได้ว่าในโลกใต้พิภพนั้นมีขุมอำนาจที่แข็งแกร่งมากเกินไป หรือไม่ก็ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนไม่เหมือนกับราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนที่มีการเสริมกำลังใหม่ทั้งภายในภายนอก ทำให้ไม่ล่มสลายไป
ตราบเท่าที่แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนไม่ล่มสลาย หรือผู้คนหนีจากไป ที่นี่ก็จะเป็นป้อมปราการที่ไร้เทียมทาน ยากที่ใครจะเข้ามาสร้างความวุ่นวายขึ้นที่นี่
พวกเขาพากันเดินเข้าไปข้างในทีละก้าว เมื่อลงเดิน แรงกดดันอะไรก็ไม่มี ที่นี่ห้ามแค่เรื่องบินเท่านั้น เมื่อลงเดิน ก็จะไม่มีอะไร ซึ่งเรื่องข้อห้ามนี้ถือว่าธรรมดามาก ตรงเส้นทางข้ามโลกก็มีข้อห้ามนี้เช่นกัน รวมถึงแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนเองก็ด้วย
ระหว่างทาง ก็ไม่ได้มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่เดิน ยังมีผู้ฝึกตนอีกเป็นจำนวนมากที่กำลังเดินไปทางเดียวกับพวกเขา แต่ในเวลาที่เดิน สายตาที่มองไปยังเมืองหลวงของพวกเขา กลับเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
ชื่อเสียงของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนดังกึกก้อง มากพอที่จะได้รับความเคารพจากทุกคน ไม่มีใครกล้าดูหมิ่น
และเรื่องนี้อี้เทียนหยุนก็รู้ดี รู้ว่ามันเป็นผลมาจากลำแสงที่สาดส่องอยู่ด้านบน หากเป็นผู้ฝึกตนที่มีระดับต่ำ เมื่อเข้ามายังบริเวณนี้ ก็จะได้รับอิทธิพลจากมัน ทำให้มีความเลื่อมใสและชื่นชมยามเมื่อมองเข้ามายังที่นี่ หากว่าอาศัยอยู่ที่นี่นานๆ เกรงว่าคงถูกลำแสงนี้ล้างสมอง กลายเป็นคนที่ซื่อสัตย์และจงรักต่อแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนไป!
“ดูเหมือนว่าราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนนี้ จะเป็นผู้ฝึกตนวิญญาณ…..”
อี้เทียนหยุนพยักหน้า สามารถสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาได้ ก็หมายความว่าราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนนั้นส่วนใหญ่ฝึกฝนเกี่ยวกับพลังวิญญาณ ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นพลังวิญญาณประเภทที่แข็งแกร่งมาก ผู้ฝึกตนวิญญาณนั้นฝึกฝนยากมาก การที่เขาสามารถขึ้นไปถึงระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็แสดงว่าเขานั้นมีความร้ายกาจอย่างถึงที่สุด
แต่ปัญหาคือเรื่องสายเลือด เพราะราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนคือบรรพบุรุษของเขา! ซึ่งนี่เป็นเรื่องแปลกจริงๆ ในตอนนี้เขาไม่รู้สึกว่าตนมีพลังพิเศษอะไรเลย สายเลือดก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายนัก
“ข้าเป็นทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าพอมาถึงรุ่นข้าแล้ว สายเลือดก็ได้ตกต่ำลง?” อี้เทียนหยุนยิ้มดูถูกตัวเอง มาคราวนี้ เขาต้องทำให้เรื่องทุกอย่างกระจ่างให้ได้