ตอนที่ 698: หญ้าดื่มโลหิต
หลังจากเหตุการณ์เล็กน้อยก่อนหน้า ก็แสดงให้เห็นว่าที่นี่นั้นวุ่นวายอย่างมาก ขนาดพวกเขายังไม่ทันเข้าไปในป่ากระดูกร้าง ก็ต้องมาเจอกับโจรภูเขาแล้ว หากว่าเข้าไปข้างใน พวกเขายังต้องเจออะไรอีก? เขตอันตรายป่ากระดูกร้างนี้ มีโจรที่คอยปล้นระหว่างทางมากมายนัก
หากว่ามาคนเดียว หรือสองสามคน ก็ง่ายที่จะตกเป็นเป้าหมาย และเป้าหมายของพวกมันก็ไม่ใช่แค่คนที่จะเข้าไปเท่านั้น แต่คนที่กลับออกมาก็เป็นเป้าหมายของพวกมันเช่นกัน
พวกอี้เทียนหยุนที่เพิ่งนั่งฟีนิกซ์มาถึง ก็พลันถูกพวกเขาล้อมในทันที เพียงแค่ฟีนิกซ์อย่างเดียวก็เป็นสัตว์ระดับเทวะแล้ว และแม้แต่ตระกูลที่ร่ำรวยก็ยังขาดสัตว์เทวะเอาไว้ขี่ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ตัดสินใจลงมือในทันที แต่ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งจนท้าทายสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ถูกสังหารอย่างง่ายดาย
หากว่าให้โอกาสพวกเขาอีกครั้ง พวกเขาจะต้องวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดอย่างแน่นอน จะไม่มีทางเข้าไปอย่างเด็ดขาด เรื่องนี้คงพูดได้เพียงว่าพวกเขานั้นได้ตัดสินใจผิดพลาด เห็นอีกฝ่ายยังเด็ก ก็คิดว่าจะไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งอะไรนัก พวกเขาที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณถึงสามคน ต่อให้จะไม่สามารถสู้ได้ อย่างน้อยก็น่าจะหนีได้
แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาจะมาถูกสังหารในพริบตา แม้แต่จะหนียังไม่มีเวลา ที่พวกเขากล้าออกปล้นที่นี่ หลักใหญ่ใจความก็เป็นเพราะว่าที่นี่เป็นเขตนอกเมือง ต่อให้เป็นศิษย์ของขุมอำนาจใหญ่ พวกเขาก็ไม่กลัว
กับอีแค่คนตัวเล็กๆ สองคนที่มาตายที่นี่ ใครจะรู้ว่าตายเพราะอะไร? แต่ต่อให้รู้ว่าตายเพราะถูกฆ่า ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าคนที่ฆ่านั้นเป็นใคร เรื่องนี้พวกเขาทำไม่ใช่ครั้งสองครั้ง แค่ดูจากการลงมือก็รู้แล้วว่ามีความชำนาญแค่ไหน
“พลังหยินของที่นี่รุนแรงมากจริงๆ ทั่วทุกที่ต่างก็เต็มไปด้วยหมอก หากว่าอยู่ที่นี่ไปนานๆ เกรงว่าผู้ฝึกตนทั่วๆ ไปคงต้องติดพิษมันอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนกวาดตามองรอบๆ ใกล้ๆ นี้ต่างก็เต็มไปด้วยหมอกพิษ ทั้งยังสามารถมองเห็นศพที่ติดพิษอยู่ไม่ไกล ยิ่งกว่านั้นยังมีจำนวนที่ค่อนข้างมากอีกด้วย
หากมีพลังต่ำกว่าระดับผันแปรวิญญาณแล้วเข้ามาที่นี่ พูดได้เลยว่าจะต้องตายอย่างแน่นอน เพราะมีแต่ระดับผันแปรวิญญาณขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถบินได้ ดังนั้นจึงพอที่จะหลบจากจุดนี้ไปได้นิดหน่อย แต่หากว่ามีระดับต่ำกว่านี้ ก็มีแต่ต้องเดินเท้าเข้าไปเท่านั้น
และเมื่อต้องเดินเข้าไป ก็จะได้รับหมอกพิษเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ง่ายที่จะติดพิษ และเมื่อถึงตอนนั้น หากไม่มีใครมียาถอนพิษมาด้วยล่ะก็ ก็มีแต่ต้องตายอยู่ที่นี่อย่างเดียวเท่านั้น
แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น ก็ยังมีหลายคนที่ต้องการเสี่ยง ซึ่งคนเหล่านี้ก็คือพวกผู้ฝึกตนพเนจร เพื่อที่จะทำให้พลังของตนก้าวหน้า พวกเขาจึงทำได้เพียงเสี่ยงเข้ามาที่นี่เท่านั้น
ยิ่งพวกเขาเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่ สภาพแวดล้อมรอบๆ ก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าขณะนี้ยังเป็นช่วงกลางวันอยู่ แต่ในนี้กลับเหมือนกับเป็นกลางคืนอย่างไงอย่างงั้น ท้องฟ้าทั้งหมดถูกหมอกดำปกคลุมไว้ ทำให้ที่นี่ปรากฏมีบรรยากาศที่อึมครึมเป็นอย่างมาก
“!”
ทันใดนั้น ก็ได้มีรากไม้ผุดขึ้นมาจากด้านล่าง พร้อมกับทำการพุ่งเข้ามาที่นี่จากสี่ทิศแปดทาง ปกปิดหนทางรอดทั้งหมดเอาไว้ และในอึดใจต่อมา ก็ได้ปรากฏเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้น ก่อนที่จะเผารากไม้พวกนี้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ไม่เพียงเท่านั้น เปลวเพลิงนิรันดร์ยังทำการเผาไล่ลงไปตามรากไม้ด้านล่าง ก่อนที่ต้นไม้ใหญ่ทั้งต้นจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน พร้อมกับมีเสียงโหยหวนลอยดังมา ฟังดูแล้วค่อนข้างน่าขนลุก
น้ำเสียงที่ดังออกมานั้น ดูคล้ายกับคนกำลังถูกเผา แต่เมื่อมองดูดีๆ ก็จะเห็นว่าเป็นต้นไม้ที่กำลังติดไฟ ดูแล้วน่ากลัวเลยทีเดียว
“ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขึ้นไป ที่นี่ก็ยังอันตรายอยู่ดี” อี้เทียนหยุนที่มองไปยังปีศาจต้นไม้ที่ถูกเผาก็ได้ถอนหายใจออกมา เขตอันตรายก็ยังเป็นเขตอันตรายวันยังค่ำ ต่างก็เต็มไปด้วยอันตรายไม่ต่างกัน
หากว่ามีระดับต่ำกว่าระดับวิญญาณเที่ยงแท้ ก็ไม่ง่ายที่จะผ่านที่นี่ไปได้อย่างแท้จริง เพราะว่าหากมาป๊ะหน้ากับปีศาจต้นไม้พวกนี้เมื่อไหร่ พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับพวกมันได้ แล้วอย่างนี้ยังจะมาพูดถึงเรื่องสมบัติอะไรอีก?
ซึ่งคำพูดของเขานี้ก็มีหลักฐานมาพิสูจน์ ต่อให้เป็นบนฟ้าก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป เพราะยังมีปีศาจต้นไม้ที่สามารถโจมตีบนอากาศได้อยู่ และนอกจากปีศาจต้นไม้แล้ว เขายังมองเห็นสัตว์อสูรจำนวนมากที่กำลังดักซุ่มอยู่ เพราะว่าเขาไม่ได้เข้าไปใกล้ ดังนั้นสัตว์อสูรพวกนี้ก็เลยยังไม่กระโจนเข้ามา
และสัตว์อสูรของที่นี่ก็ไม่ได้มีระดับที่ต่ำเลย ที่ต่ำที่สุดก็อยู่ในระดับผันแปรวิญญาณ ส่วนแข็งแกร่งที่สุดนั้น เขาเห็นแม้กระทั่งระดับวิญญาณเที่ยงแท้ หากว่าพวกมันกระโจนเข้ามา ก็แน่นอนว่าต้องการเอาชีวิตอีกฝ่ายอย่างแท้จริง
“ใช่ ที่นี่อันตรายมาก ก็ได้แต่หวังว่าพี่สาวจะไม่เผชิญกับอันตรายใดๆ เข้า….” ชิเสวี่ยอวิ๋นหนักใจ ยิ่งบินเข้าไปด้านในมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกอันตรายมากเท่านั้น
เพราะมีอี้เทียนหยุนปกป้อง เธอก็เลยเข้ามาถึงที่นี่ หากว่าให้เธอมาเองคนเดียว แค่ชีวิตตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะปกป้องเอาไว้ได้หรือเปล่า อย่าพูดถึงเรื่องที่จะหาคนอะไรเลย ดังนั้นเธอจึงได้แต่ภาวนาให้พวกเธอปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง
“ไม่ต้องกังวลหรอก ข้ารู้สึกว่าใกล้จะถึงแล้ว พวกเราเร่งความเร็วขึ้นอีกดีกว่า…..” อี้เทียนหยุนโอบเธอเข้ามาให้แน่นอีก จากนั้นก็เพิ่มความเร็วขึ้น บินไปด้านหน้าด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
ความเร็วก่อนหน้านี้ก็เร็วพอแล้ว มาตอนนี้ยิ่งเร็วจนน่าทึ่ง
………..
ขณะเดียวกัน ณ ด้านหน้าป่าเขาที่อึมครึม ได้มีหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ พร้อมกับจับจ้องไปยังนรกสีดำเบื้องหน้าที่อยู่ไกลๆ เธอไม่รู้ว่านั่งรออยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว เธอได้ทำการซ่อนกลิ่นอาย ราวกับว่าตัวคนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆ ทำให้คนนอกที่มองมาไม่รู้สึกตัว
“ทำไมยังไม่ออกมาอีก นี่ก็จะสองอาทิตย์เข้าไปแล้วนะ…..” หญิงสาวผู้นั้นกวาดสายตาออกไปราวกับตาเหยี่ยว พร้อมกับจับจ้องไปด้านหน้าอย่างดื้อดึง
ในที่สุด ด้านหน้าก็ปรากฏลำแสงสีโลหิตที่เป็นประกายออกมา พร้อมกันนั้น ก็ได้มีต้นหญ้าสีโลหิตผุดขึ้นมาจากด้านล่างนั้น หญิงสาวตาเป็นประกาย ขณะที่หัวใจเต้นถี่ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ลงมือในทันที
หลังจากที่ต้นหญ้านี้โผล่ขึ้นมา มันก็เริ่มทำการดูดกลืนพลังหยินที่ด้านบนเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็มองเห็นกลุ่มหมอกที่ด้านบนถูกดูดลงมา
จากนั้น ต้นหญ้าก็ได้วิ่งออกไป พร้อมกับกระโจนเข้าใส่กลุ่มหมอกพวกนั้น แล้วก็เริ่มทำการดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับไม่ได้ดื่มน้ำมาหลายปี ดูดกลืนพลังหยินของที่นี่เข้าไปคำใหญ่
และก็ไม่รอให้มันได้ดูดกลืนนานนัก ทันใดนั้น ใต้ดินก็พลันเปล่งลำแสงนับไม่ถ้วนออกมา ก่อนที่จะกลายเป็นพันธนาการที่แน่นหนา ปกคลุมต้นหญ้านี้ไว้ เปลี่ยนลำแสงให้เป็นโซ่ตรึงร่างของมัน!
ต้นหญ้าทำการดิ้นไม่หยุด พร้อมกับกรีดร้องออกมา ขณะที่ทั่วร่างก็ได้ปลดปล่อยพลังงานสีโลหิตเพื่อทำการกัดกร่อนลำแสงที่พันธนาการร่างของตน ภายใต้พลังหยินที่ท่วมท้น ทำให้ลำแสงเริ่มหลอมละลายอย่างรวดเร็ว
ยังไงก็ตาม ในพริบตานี้เอง หญิงสาวที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ ก็ได้พุ่งออกไปดังดอกศร มือทั้งสองข้างพยายามทำมุทราอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีมหาค่ายกลพันธนาการเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา พร้อมกับจับมัดต้นหญ้าต้นนี้เอาไว้ราวกับบ๊ะจ่าง
จนสุดท้าย ต้นหญ้าต้นนี้ก็ได้ถูกรัดจนยากที่จะเคลื่อนไหว ทำให้ใบหน้าของเธอปรากฏสีหน้าแห่งความดีใจออกมา พร้อมกับรีบวิ่งเข้าไป เก็บหญ้าต้นนี้เอาไว้ในกล่องหยก จากนั้นก็ทำการปิดผนึกมันไว้อย่างดี
“เยี่ยม ในที่สุดข้าก็ได้หญ้าดื่มโลหิตมา การลงแรงหลายปีมานี้ไม่เสียเปล่าแล้ว……” เธอตื่นเต้น และในขณะที่เธอเตรียมจะเก็บกล่องหยกนั้น ทันใดนั้นก็ได้มีลำแสงสีสายพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินใกล้ๆ กลายเป็นโซ่เข้าสีเส้นเข้ารัดร่างเธอ
“เจียวหลิงเหอ ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ที่ช่วยพวกเราจับหญ้าดื่มโลหิตนี้ หากไม่มีเจ้า พวกเราก็ไม่มีวิธีที่จะจับมันได้ง่ายๆ เพราะมหาค่ายกลรวมหมอกนี้ พวกเราสร้างไม่เป็นจริงๆ เพราะมหาค่ายกลนี้ ยากที่จะได้มา”
ในตอนนี้เอง ก็ได้มีร่างของผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณสี่บินโผล่ออกมา พร้อมกับมองไปยังหญิงสาวนางนี้อย่างชั่วร้าย ซึ่งหญิงสาวนางนี้ก็คือเจียวหลิงเหอ แม่ของอี้เทียนหยุนนั่นเอง!