ตอนที่ 700: บีบจนร่างแหลก
คำ “พี่สาว” นี้ทำให้เจียวหลิงเหอนึกย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ในตอนที่อยู่บนโลกมนุษย์ ตอนนั้นคนที่เรียกเธอว่าพี่สาวนั้นมีอยู่แค่คนเดียว และตอนนั้นเด็กหญิงคนนั้นยังเป็นแค่เด็กน้อยที่มีอายุแค่ไม่กี่ปีอยู่เลย
พร้อมกับเวลาที่เลยผ่าน ทำให้สิ่งที่เหลืออยู่ในความทรงจำของเธอมีเพียงแค่เสียงที่คุ้นเคยนั้นเท่านั้น ทำให้สายตาที่จับจ้องไปของเธอในตอนนี้เหมือนกับมองไปยังช่วงเวลานั้น
ตอนนี้สายตาของเธอปรากฏใบหน้าที่คุ้นเคยเล็กน้อย แต่ก็เหมือนคนแปลกหน้า เธอต้องเคยเห็นหญิงสาวคนนี้มาก่อนอย่างแน่นอน แต่ก็รู้สึกเหมือนกับเพิ่งเคยเห็นเป็นวันแรก
“เสวี่ยอวิ๋นเหรอ?” เจียวหลิงเหอนึกไปถึงเด็กหญิงเมื่อตอนนั้น แต่ก็ไม่กล้ามั่นใจนัก
เพราะเวลาได้ผ่านมาหลายปีแล้ว เด็กหญิงในตอนนั้นได้เปลี่ยนไปมากแล้ว ดังนั้น เธอจึงไม่กล้ายืนยันเป็นพิเศษ
“ใช่แล้ว เป็นข้าเอง!” ชิเสวี่ยอวิ๋นตื่นเต้น แต่เมื่อเห็นเจียวหลิงเหอถูกจับไว้ ในใจก็รู้สึกตึงเครียด “เทียนหยุน รีบช่วยพี่สาวเร็ว!”
คนที่กอดเธอบินอยู่ก็คืออี้เทียนหยุน เขากำลังจ้องไปที่เจียวหลิงเหอที่อยู่ตรงหน้า นี่คือแม่ของเขา แม่ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน จากหน้าตาของเธอ ตัวเขาเหมือนจะคล้ายกับเธออยู่บ้างจริงๆ ดูเหมือนว่าตัวเขาจะมีใบหน้าที่คล้ายเจียวหลิงเหออยู่หลายส่วน
“เทียนหยุน เจ้า เจ้าคือ…..” ในใจเจียวหลิงเหอรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง ในตอนที่เห็นอี้เทียนหยุน เธอก็คิดว่าต้องเป็นลูกของเธอแน่ๆ เพราะนอกจากหน้าตาจะมีส่วนคล้ายกันมากแล้ว จากความรู้สึกที่ได้ ทำให้เธอรู้สึกถึงสายใยชีวิตที่เชื่อมต่อกันจริงๆ
แต่ไม่รอให้เธอได้คิดนาน เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอยู่ ก็ได้รีบตะโกนออกไปว่า “อย่าเข้ามา รีบหนีไปเร็วเข้า!”
ที่นี่ยังมีสี่ขุนโจรเทียนเฉว่อยู่ ไม่ว่าฝั่งตรงข้ามจะเป็นใคร แต่ตราบเท่าที่โผล่มาในระยะสายตาของพวกเขา ก็ต้องทำการฆ่าปิดปากพยานอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตอนนี้ที่พวกเขากำลังแย่งชิงหญ้าดื่มโลหิตอยู่ เรื่องนี้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้
แต่ว่าทุกอย่างก็ได้สายไปแล้ว ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน หรือปรากฏตัวขึ้น สี่ขุนโจรก็ได้ทำการเข้าล้อมคนทั้งคู่เอาไว้ พร้อมกับมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาดูถูก
“ดูเหมือนว่าจะรู้จักกันสินะ ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่ ในเมื่อเป็นคนรู้จักกัน งั้นพวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันที่นี่เลยเป็นไง?” เทียนฉ่าหัวเราะ พร้อมกับมองไปที่พวกเขาอย่างดูถูก “ไม่รู้ว่าพวกเจ้าพกสมบัติอะไรมาบ้าง? หวังว่าคงไม่ทำให้พวกเราต้องผิดหวังนะ……”
“ฮี่ฮี่ พี่ใหญ่ สาวน้อยนางนี้ดูมีน้ำมีนวลมาก ข้ารู้สึกว่าสาวน้อยนางนี้ยังบริสุทธิ์อยู่…. ฮี่ฮี่ นี่มันช่างดีจริงๆ!” เทียนฮุยมีสีหน้าตื่นเต้น ทั้งร่างต่างก็รู้สึกพลุ่งพล่าน พร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อ
“เจ้าเด็กนี่ สมองนอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว เจ้าคิดอะไรอย่างอื่นไม่เป็นหรือไง?” เทียนเฉว่พูดอย่างดูถูก จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มดุร้ายว่า “ในเมื่อจะลงมือ งั้นก็ต้องให้ข้าเป็นคนแรกสิ!”
“ฮี่ฮี่ พี่ใหญ่ก็รู้จักแต่จะเป็นคนแรกเท่านั้นแหละ ในเมื่อพี่ใหญ่ต้องการเป็นคนแรก งั้นก็เป็นแรกเถอะ ใครใช้ให้พวกเราเรียกท่านว่าพี่ใหญ่ล่ะ?” แม้ว่าเทียนฮุยจะไม่สมัครใจ แต่ก็ยอมให้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
พวกเขาพากันหัวเราะ ส่วนอี้เทียนหยุนนั้น สำหรับพวกเขาแล้วก็เปรียบดั่งนกในกรง ที่พวกเขาจะจัดการเมื่อไหร่ก็ได้
ในสายตาของเจียวหลิงเหอเต็มไปด้วยความเสียใจและสิ้นหวัง ไม่คิดว่าการพบกันที่ยากลำบากนี้ จะนำปัญหานี้มาให้ เธอพยายามดิ้น แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่สำเร็จ ทำได้เพียงมองดูอย่างหมดทางช่วย
“ทำไม ทำไมสวรรค์ถึงต้องทำกับข้าอย่างนี้ด้วย…..” เจียวหลิงเหอกรีดร้องออกมา การพบกันที่ยากลำบาก แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นเหมือนการพบหน้ากันครั้งสุดท้าย
สี่ขุนโจรเทียนเฉว่นั้นไม่ได้มีกันสี่คน แต่ว่ามีทั้งหมดห้าคน! ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เหนือไปกว่าที่เธอจะคาดคิด จึงทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างปัจจุบันขึ้น นี่เป็นเหมือนกับตั๊กแตนจับจักจั่น แต่ว่ามีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง ไม่แปลกที่สี่ขุนโจรเทียนเฉว่จะสามารถลงมือโดยที่ไม่มีใครจัดการได้อย่างต่อเนื่อง
ที่แท้ก็เพราะว่าพวกเขาได้ปกปิดพี่ใหญ่ของตนไว้ หลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ เพื่อลงมือสังหารเป็นคนสุดท้าย ซึ่งนี่ทำให้สามารถจัดการกับคนทั้งหมดได้ การที่เธอสามารถหลบหนีออกมาได้ก่อนหน้านี้ เหตุผลหลักเป็นเพราะเทียนเฉว่ไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงทำให้เธอสามารถหลบหนีออกไปได้อย่างราบรื่น
มาตอนนี้เทียนเฉว่กลับลงมือด้วยตัวเอง ทำให้เธอคาดไม่ถึง จึงก่อให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ขึ้น
“แม่สาวน้อย อย่าเพิ่งเสียใจไป รอพวกเรามามีความสุขด้วยกันก่อน… ไปจับพวกมันมา!” เทียนฉ่ายิ้ม พร้อมกับบอกสหายของตนให้ไปจับพวกอี้เทียนหยุน “ใช่แล้ว ผู้ชายน่ะฆ่าทิ้ง ส่วนผู้หญิงเก็บเอาไว้!”
ผู้ชายไม่ได้มีความหมายอะไรกับพวกเขา ดังนั้นจึงไม่คิดจะเก็บอีกฝ่ายเอาไว้
ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณทั้งสามต่างก็เข้าไปโอบล้อมพร้อมกับเผชิญหน้ากับอี้เทียนหยุน อี้เทียนหยุนมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา ในสายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาเกลียดคนแบบนี้นี่ล่ะ จับคนเพื่อไปทำเรื่องลามก นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างถึงที่สุดจริงๆ
คนผู้นี้ไม่ได้เข้ามาล้อมเขาด้วย เพียงแต่ยืนดูเขาถูกข้า ในสายตาทั้งคู่ของมัน เต็มไปด้วยความสนุก! เขาย่อมไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ แต่ก็รังเกียจที่จะลงมือกับเขา
“เจ้าหนู สายตาของเจ้าช่างดุร้ายจริงๆ ดูเหมือนว่าข้าคงต้องควักลูกตาเจ้าออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที บางคนเจ้าสามารถจ้องได้ แต่บางคนกลับไม่สามารถ เพราะนั่นจะนำความตายมาสู่ตัวเจ้าเอง!” เทียนสุ่ยเลียริมฝีปาก “ดูจากลูกตาที่งดงามนั่นแล้ว ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นยังไงบ้าง?”
เทียนสุ่ยกระโจนเข้าไปอย่างไม่ลังเล พร้อมกับระเบิดพลังระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 5 ออกมาในพริบตา ทำให้ปรากฏเป็นวังวนวารีพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็เหมือนกับมีนางเหงือกกระโจนออกมาจากในนั้น พร้อมกับพุ่งเข้าใส่อี้เทียนหยุน
เขาเป็นผู้ควบคุมพลังวิญญาณธาตุน้ำ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งของเขา ทำให้ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าเหมือนกับเป็นบ่อน้ำพร้อมกับสัตว์อสูรทะเลอยู่ข้างใน ทำให้เขาสามารถหลบรอดจากการโจมตีส่วนใหญ่ได้ แต่ต่อให้ไม่ต้องหลบการโจมตี พลังที่ระเบิดออกมาก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง พริบตาก็สามารถบุกเข้ามาถึงตรงหน้าของศัตรู พร้อมกับจัดการปลิดชีพได้อย่างไม่ยากเย็นนัก!
“ไม่!!”
เจียวหลิงเหอร้องออกมา บอกพวกเขาอย่าได้ลงมือ แต่เทียนสุ่ยเป็นคนที่สนใจคนรอบๆ อย่างงั้นเหรอ? สหายของเขาต่างก็พากันแสยะยิ้ม พวกเขาชอบที่สุดก็คือภาพแบบนี้ พวกเขาต้องการเห็นฝ่ายตรงข้ามดิ้นรน ร้องขอความเมตตา จากนั้นก็ค่อยลงมือสังหาร แบบนี้จึงจะทำให้ความปรารถนาที่ผิดปกติของพวกเขาได้รับการเติมเต็ม
เทียนสุ่ยที่กระโจนเข้ามานี้ อย่าว่าแต่อี้เทียนหยุนเลย แม้แต่ชิเสวี่ยอวิ๋นก็ไม่กลัว เพราะเธอรู้ว่าอี้เทียนหยุนนั้นแข็งแกร่งกว่านี้มาก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวล
และในขณะที่การโจมตีมาถึง อี้เทียนหยุนก็ยกมือคว้าจับความว่างเปล่าตรงหน้า พร้อมกันนั้น ความว่างเปล่าตรงหน้าก็ได้กลายเป็นมือขนาดใหญ่ ก่อนที่จะคว้าร่างของเทียนสุ่ยที่กระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว แม้แต่อสูรทะเลที่พุ่งเข้ามาด้วยกันนั้น ก็ได้มือใหญ่ข้างนี้คว้าเอาไว้ ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด
“ขยะ เก็บเจ้าไว้ก็มีแต่สิ้นเปลืองพลังวิญญาณของโลกนี้เปล่าๆ!”
คำพูดเพิ่งจะจบลง เขาก็ทำการบีบมือเข้าด้วยกันอย่างแรง “ปัง” เทียนสุ่ยถูกบีบจนร่างระเบิดออกเป็นหมอกเลือด พร้อมกับกระจายออกกลางอากาศ ก่อนที่จะย้อมพื้นดินบริเวณนั้น แต่เมื่อเลือดพวกนี้เพิ่งจะตกลงพื้น มันก็ได้ถูกกลืนเข้าไปอย่างรวดเร็ว พื้นดินที่ดำด้าน ยังคงเป็นสีดำเหมือนก่อนหน้า ไม่ได้ถูกย้อมเป็นสีแดงแต่อย่างใด
พื้นดินที่นี่ทำการดื่มเลือดเป็นอาหาร หากว่าเดินเท้าเปล่าเข้ามาที่นี่ คงจะถูกดูดเลือดจนแห้งตาย นี่คือสถานที่ที่น่ากลัวของป่ากระดูกร้าง
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำเอาทุกคนพากันตกตะลึง แม้ว่าเทียนสุ่ยจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แต่จะดีจะร้ายก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 5 การที่มาถูกบีบจนร่างแหลกในการลงมือครั้งเดียวเช่นนี้ ก็ทำเอาทุกคนต่างก็พากันรู้สึกตกใจในพลังของอีกฝ่าย หรือว่าคราวนี้พวกเขาจะเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าซะแล้ว?
เจียวหลิงเหอก็ตกใจเช่นกัน ลูกชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอนี้ มีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้เชียว?