ตอนที่ 703: แบกรับความรับผิดชอบ!
อี้ซิงเฉินยังคงไม่ได้สติ ดูแล้วอาการสาหัสอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหลังจากที่ถูกล้อมโจมตีด้วยแล้ว
“ในตอนแรก ข้าก็เป็นโรคขาดเลือดฉีนี้เหมือนกัน ยิ่งกว่านั้น ยังค่อนข้างหนักด้วย ยิ่งอายุมาก ก็ยิ่งทำให้เลือดฉีเบาบางลงเรื่อยๆ…..” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว
“ในตอนนั้นเจ้าก็เป็นโรคขาดเลือดฉีด้วยงั้นเหรอ?” เจียวหลิงเหอมองเขาด้วยท่าทางตกใจ จากนั้นก็มองไปยังชิเสวี่ยอวิ๋น เพื่อที่จะยืนยันเรื่องนี้
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เทียนหยุนเป็นโรคขาดเลือดฉีอย่างรุนแรง ทำให้ข้าต้องคอยโอสถบำรุงเลือดฉีมาให้เขากินเรื่อยๆ จนตอนหลังเขาได้พบกับผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเข้า จึงทำให้เทียนหยุนพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้ หากไม่อย่างนั้น ตอนนี้เขาก็ยังคงไม่หายจากอาการนี้อยู่ดี….” ชิเสวี่ยอวิ๋นนึกถึงเรื่องก่อนหน้า ก็อดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้
หากไม่มีคนช่วยในตอนนั้น อี้เทียนหยุนคงจะต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน
“มีผู้เชี่ยวชาญช่วย?” เจียวหลิงเหอพูดอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าพี่เป็นคนส่งผู้เชี่ยวชาญคนนั้นไปหรอกเหรอ?” ชิเสวี่ยอวิ๋นถามขึ้น
“จะเป็นไปได้ยังไง ตอนนั้นหลังจากที่ข้ามอบเทียนหยุนให้เจ้าแล้ว ข้าก็กลับมายังโลกสวรรค์ทันที จากนั้นซิงเฉินก็ชวนข้าหนีออกมาด้วยกัน ไม่คิดจะอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนต่อ แต่ใครจะรู้ว่าในขณะที่เตรียมจะไปยังโลกมนุษย์อยู่นั้น ก็พลันถูกคนลอบโจมตีเข้าซะก่อน”
“ในตอนนั้นซิงเฉินพาข้าฝ่าวงล้อมออกมา พร้อมกับพาข้ามาซ่อนตัว แต่ใครจะคิดว่าเขาจะติดพิษเข้า ทั้งยังเป็นพิษที่ไม่สามารถถอนออกมาได้อีกด้วย จากนั้นนอกจากทำให้เขาหลับลึกและหาวิธีรักษาแล้ว จะให้ลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อหาพวกเจ้าอีกครั้งก็ไม่มีเวลา ยิ่งกว่านั้น พวกเรายังไม่มีผู้ช่วยแม้แต่ครึ่งคน…..”
เธอขมวดคิ้วพร้อมกับคาดเดาว่า “หรือว่าผู้เชี่ยวชาญที่ไปช่วยนั้น จะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนส่งไป?”
อี้เทียนหยุนที่อยู่ข้างๆ รู้สึกกระอักกระอ่วน ก่อนหน้านี้เป็นเขาที่หลอกชิเสวี่ยอวิ๋น บอกว่ามีผู้เชี่ยวชาญให้การช่วยเหลือ ซึ่งเป็นข้ออ้างที่เขาแถขึ้นมาในตอนนั้น แต่ไม่คิดว่าชิเสวี่ยอวิ๋นจะเชื่อขึ้นมาจริงๆ
จากนั้นมาเขาก็เลยปล่อยเลยตามเลย เพราะเขาก็ไม่มีข้ออ้างอื่น และก็คงไม่มีใครรู้ว่าเขามีตัวช่วยอย่างระบบนี้เช่นกัน?
ยังไงก็ตาม ด้วยสาเหตุนั้น ก็ได้ทำให้อี้เทียนหยุนตัวจริงตายไปแล้วในตอนนั้น และหลังจากที่อีกฝ่ายตาย เขาก็ได้เข้ามาเกิดใหม่ในร่างของอีกฝ่ายทันที
ซึ่งในตอนนั้นเขารู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เพราะต้องคอยดื่มนมจากเต้าของแม่นม อีกทั้งยังไม่สามารถพูดได้อีก ชิเสวี่ยอวิ๋นที่ยังเด็กและเพิ่งจะรู้ความ ก็ได้กลายมาเป็นทั้งพ่อและแม่ ดูแลเขาตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบปี ราวกับกำลังเลี้ยงดูน้องชายของเธอเอง
ดังนั้น แม้ว่าเขาจะมาเกิดใหม่ แต่ก็ต้องมาเริ่มจากสภาพเด็กทารก และอยู่กับชิเสวี่ยอวิ๋นตั้งแต่นั้นมา หลังจากที่เขาเข้ามาเกิดใหม่ วิญญาณของเขาก็ได้ดื้อรั้นเป็นอย่างมาก ทำให้สุดท้ายแล้วก็อดทนผ่านมันมาได้ในที่สุด
“นี่ก็ไม่ชัดเจนนัก แต่ว่ามีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยรักษาข้าจริงๆ” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “แต่ข้าก็ได้ถูกพิษนี้เข้าจริงๆ ไม่รู้ว่าใครที่คิดสังหารข้า ถึงขนาดวางแผนการณ์ชั่วร้ายแบบนี้ขึ้น…..”
“แม่พาเจ้าออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนทันทีที่เจ้าเกิด และมีแต่ช่วงที่แม่พักเท่านั้นที่เจ้าถูกข้ารับใช้พาไปอาบน้ำ….. ยังไงก็ตาม ตอนนั้นแม่ก็ได้ออกมาแล้ว ไม่ได้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนต่อ หรือว่าจะมีบางคนวางยาเจ้าตอนนั้นกัน?” เจียวหลิงเหอสีหน้าเปลี่ยนไป อีกทั้งเวลานั้นยังมีความเป็นไปได้มากที่สุดด้วย
“ใครกันที่วางแผนนี้ใส่พวกเรา หรือว่าจะเป็นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน?” อี้เทียนหยุนสายตาเย็นชา
“นี่มีความเป็นไปได้มาก ในตอนแรก ผู้อาวุโสในแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนต่างก็พากันขับไล่แม่ ไม่เต็มใจที่แม่จะแต่งเข้าไปในธรณีประตูของพวกเขา บอกว่าจะทำให้สายเลือดของพวกเขาเจือจางลงอะไรนี่แหละ ยังไงก็ตาม หลังจากที่เจ้าเกิดมาแล้ว ปู่ของเจ้ายังจะทำใจแข็งได้อยู่เหรอ? แต่ว่าพ่อของเจ้าก็ไม่อยากอยู่ที่นั่นแล้ว ดังนั้นอันดับแรกก็เลยให้แม่นำเจ้ากลับไปยังโลกมนุษย์ก่อน เพราะว่าเขามีเรื่องๆ หนึ่งที่ต้องจัดการ จนสุดท้ายก็กลายเป็นแบบทุกวันนี้….”
“ปีนี้แม่ได้ออกตามหาสมุนไพรนานาชนิดที่ช่วยรักษาเลือดฉีให้เขาอยู่ที่นี่ แต่ว่าก็ไม่ได้ด้วยอะไรมาก หลายวันก่อนแม่ก็ได้พบวิธีเข้า เพราะว่าโลหิตชีวิตได้เสียหายร้ายแรงเป็นเวลาหลายปี ต่อให้จะรักษาให้กลับมาได้ แต่ร่างกายก็ไม่มีทางที่จะเหมือนเดิม”
เจียวหลิงเหอมองไปยังอี้ซิงเฉินที่หลับลึกอยู่ในโลงศพผลึกวารีด้วยสายตาที่พร่ามัว ทั้งยังมากไปด้วยความเสียใจ ยังไงก็ตาม ยามเมื่อเธอมองมายังอี้เทียนหยุน ในสายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสุขและความยินดี
อี้เทียนหยุนเดินเข้าไปดูอี้ซิงเฉิน นี่ก็พ่อของเขา พูดได้ว่าเขามีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาไม่ธรรมดา แต่ว่าตอนนี้สีผมของเขาได้ขาวโพลนไปจนหมด แล้วยิ่งสีหน้ายิ่งซีดไปกันใหญ่ จนแทบที่จะไม่มีเลือดฉีอยู่แล้ว
และหลังจากที่ใช้ดวงตาประเมินสำรวจดู เขาก็พอจะรู้สถานการณ์คร่าวๆ ของอีกฝ่าย
“พี่ ท่านไม่คิดที่ขอความช่วยเหลือจากแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนดูบ้างเหรอ?” ชิเสวี่ยอวิ๋นถามอย่างสงสัย “แม้แต่เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง ปู่ของเทียนหยุนคงไม่มีทำใจร้ายได้หรอกจริงไหม”
“ซิงเฉินบอกไว้ ว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่กลับไป ต่อให้ต้องตายอยู่ข้างนอก เขาก็จะไม่ยอมกลับไปขอความช่วยเหลือจากพ่อของเขา…. หากไม่ใช่ว่าพ่อของเขาทำใจร้ายเมื่อก่อนหน้า พวกเราจะมีสถานการณ์แบบนี้หรือไง? ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะสายเลือดทั้งนั้น ไม่ว่าอะไรก็ไม่เต็มใจทำ” เจียวหลิงเหอทอดถอนใจ
สายเลือดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก บางสายเลือดสามารถกำเนิดขึ้นได้กับทายาทที่มีสายเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น หากว่าให้กำเนิดทายาทกับคนตระกูลอื่น ก็จะทำให้สายเลือดเจือจางลง อีกทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนก็ไม่ต้องการให้สายเลือดของพวกเขารั่วไหลออกไป ต้องให้สายเลือดของพวกเขารวมตัวกันอยู่ในนั้นเท่านั้น แบบนั้นถึงจะทำให้พวกเขามีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ หากว่าทุกชีวิตที่เกิดมาต่างก็มีสายเลือดบริสุทธิ์ ป่านนี้อี้ซิงเฉินคงจะมีอนุไปหลายคน หรืออาจกระทั่งเป็นสิบคนเลยก็ได้
บางสายเลือดก็เป็นเช่นนี้ ในตอนแรกเริ่มนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ภายหลังกลับยิ่งมายิ่งแย่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาทางทำให้สายเลือดสมบูรณ์แบบที่สุดอยู่เสมอ พวกเขาไม่ต้องการจะให้ความหวังของพวกเขาต้องไปเสียเปล่ากับเจียวหลิงเหอ ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจทำใจร้ายเช่นนี้
เพื่อความรุ่งเรืองของตระกูล พวกเขาจึงทำได้เพียงกำจัดความรู้สึกที่มีต่อลูกชายของตนออกไป ไม่ว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่จะแข็งแกร่งแค่ไหน ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นคนแปลกหน้ากันแล้ว
“โรคขาดเลือดฉีนี้ หญ้าดื่มโลหิตถือเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ใช้สร้างยารักษามันอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนถาม
“ใช่ หญ้าดื่มโลหิตเป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้ยังขาดอีกสองอย่าง แต่ทั้งสองอย่างก็หายากมากเช่นกัน” เจียวหลิงเหอส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “แค่พบวิธีก็ถือว่าดีมากแล้ว ตอนนี้คงทำได้เพียงแค่ตามหามันอย่างช้าๆ ตราบเท่าที่ซิงเฉินสามารถทนได้ ก็จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!”
เธอเต็มไปด้วยความหวัง ยิ่งตอนนี้มีลูกชายอยู่ข้างๆ ยิ่งทำให้เธอคาดหวังขึ้นไปอีก
“ไม่จำเป็นต้องหาหรอก พวกเราไปเอายาที่แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเลยดีกว่า!” อี้เทียนหยุนพูด
“เรื่องนี้ทำไม่ได้ พ่อของเจ้าบอกไว้ว่าจะไม่กลับไปเหยียบแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนอีกแม้แต่ครึ่งก้าว…..”
“นี่เป็นสถานการณ์เมื่อก่อนหน้า แต่ตอนนี้ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือคนของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ไม่เพียงแต่เพื่อท่านพ่อเท่านั้น แต่เพื่อตัวข้าเองด้วย!” อี้เทียนหยุนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่รู้ว่านี่เป็นฝีมือใคร หากข้ารู้ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นถึงเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็จะลากอีกฝ่ายลงจากบัลลังก์ พร้อมกับทำให้อีกฝ่ายรู้สึก ว่าอาการขาดเลือดฉีมันเป็นยังไง”
สายตาของเขาเย็นชาถึงที่สุด เย็นชาอย่างน่ากลัว! หลังจากรู้เรื่องนี้ เขาก็มั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือของคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ซึ่งจำเป็นต้องไปตรวจสอบให้ดี
“แต่นั่นคือแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเชียวนะ…..” เจียวหลิงเหอจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “พวกเขานั้นแข็งแกร่งมาก หากเจ้าไป อาจจะถูกฆ่าก็เป็นได้…..”
“วางใจเถอะ พวกเขาทำไม่ได้หรอก” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “หากว่ารู้ว่าเป็นฝีมือของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน หรือเป็นฝีมือของคนใดคนหนึ่ง ข้าจะจัดการมันให้สิ้นซาก นี่เป็นสิ่งที่ข้าทำมาตลอด ใครทำอะไรไว้ ก็จำต้องรับผลจากการกระทำนั้น!”
เจียวหลิงเหอเคยเห็นลูกชายตนเองแค่ตอนที่อี้เทียนหยุนยังเป็นเด็กทารกอยู่ ตอนนี้ได้เติบใหญ่เป็นชายหนุ่มที่มีจิตใจกล้าหาญ รู้ที่จะแบกรับความรับผิดชอบแล้ว!