ตอนที่ 704: ความเชื่อใจ
อี้เทียนหยุนที่ยืนยันอย่างนั้น ทำเอาเจียวหลิงเหอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี นั่นคือแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเชียวนะ แม้ว่าพลังที่อี้เทียนหยุนแสดงออกมาจะแข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย แต่แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขามีระดับราชาเซียนอยู่หลายคน ไม่ใช่อะไรที่สี่ขุนโจรเทียนเฉว่พวกนี้จะไปเปรียบเทียบได้
“ในเมื่อจะไป งั้นแม่ก็จะไปด้วย!” เจียวหลิงเหอจะไม่ยอมนั่งรอข่าวอยู่ที่นี่เด็ดขาด เพราะว่าเธอไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
“ตกลง พวกเราไปด้วยกัน” อี้เทียนหยุนพยักหน้า ไม่ให้เจียวหลิงเหออยู่ที่นี่เช่นกัน
เพราะถึงยังไง การอยู่ข้างเขาก็ถือว่าปลอดภัยกว่า เพราะว่าเขามีหลายวิธีที่จะหลบหนี หรือว่าขวางทางศัตรู เทียบกับต้องอยู่ที่นี่แล้ว อยู่ด้วยกันกับเขาปลอดภัยกว่าเป็นไหนๆ
หากไม่อยู่ในสายตาเขา ก็ไม่ใช่ที่ปลอดภัยที่สุด นอกจากว่าศัตรูจะร้ายกาจมาก ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะมีใครที่สามารถทำอันตรายคนของเขาได้
จากนั้น เจียวหลิงเหอก็ได้นำแหวนเก็บสิ่งมีชีวิตออกมาเก็บอี้ซิงเฉินที่หลับลึกเข้าไป เพราะต้องไปยังเขตอันตรายตามลำพัง ดังนั้นเธอก็เลยไม่ได้พาอี้ซิงเฉินไปด้วย หากว่าเจออันตรายอะไรเข้า อย่างน้อย อี้ซิงเฉินก็ยังมีโอกาสรอดเมื่อต้องอยู่ที่นี่
อี้ซิงเฉินยังไม่ตาย เพียงแค่หลับลึกเท่านั้น ตัวเขายังสามารถตื่นขึ้นมาได้
หลังจากเตรียมตัวแล้วเสร็จ อี้เทียนหยุนก็เรียกฟีนิกซ์สีน้ำเงินครามออกมา พร้อมกับให้มันพาคนทั้งสามบินไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนอย่างรวดเร็ว ยังไงก็ตาม ในตอนนี้เอง ที่หูของเขาก็ได้ยินเสียงระบบดังมา
“ติ๊ง ท่านทำภารกิจ “ตามหาพ่อแม่” สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 500 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่รุ่นปรับปรุงพิเศษ 2 ครั้ง!”
“ติ๊ง ท่านรับภารกิจ “ดูแลและรักษาบิดา” สำเร็จ เมื่อสำเร็จจะได้รับค่าประสบการณ์ 500 ล้าน, ค่าความคลั่ง 100,000, สิทธิ์ในการสุ่มลอตเตอรี่ 2 ครั้ง!”
หลังจากภารกิจสำเร็จ วิญญาณนำทางก็ได้หายไป ค่าความคลั่ง 3 ล้านก็หายไปไม่มีเหลือ ยังไงก็ตาม เขาก็คิดว่ามันคุ้มค่า หากไม่ใช่ว่าพวกเขาไปถึงทันเวลา เกรงว่าเจียวหลิงเหอคงต้องเผชิญกับหายนะอย่างแท้จริง
ตอนนี้หลายภารกิจหลักที่ออกมา ต่างก็เป็นไปตามสิ่งที่เขาต้องทำ ทำให้เขาสามารถเดินทางตามแผนที่วางไว้อย่างพอใจ เหมือนกับกำลังอำนวยความสะดวกให้กับเขาอย่างไงอย่างงั้น
เมื่อเจียวหลิงเหอเห็นอี้เทียนหยุนเรียกฟีนิกซ์ออกมา ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ควรพูดว่าไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหนก่อนจะดีกว่า เพราะทั้งหมดนี้มันดูมหัศจรรย์เกินไป ความสำเร็จของลูกชายเธอ เหมือนว่าจะเหนือกว่าพ่อแม่อย่างพวกเธอไปเรียบร้อยแล้ว?
หากว่ากันตามอายุ ลูกชายของเธอยังอายุไม่ถึง 20 ปีดีเลย แต่กลับมาไกลได้ถึงขนาดนี้แล้ว?
แม้ว่าเธออยากจะถาม แต่กลับไม่กล้าพูดออกไป ตั้งแต่ที่เธอได้ทิ้งอี้เทียนหยุนให้อยู่ตามลำพังตลอดหลายปีมานี้ ก็ทำเอาเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ชิเสวี่ยอวิ๋นที่อยู่ใกล้ๆ เหมือนกับรู้ความคิดของเธอ ดังนั้นจึงดึงมือเล็กๆ ของเจียวหลิงเหอ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่? อยากรู้เรื่องของเทียนหยุนตลอดหลายปีมานี้อย่างงั้นเหรอ?”
พูดว่าเธออยากจะรู้เรื่องราวของอี้เทียนหยุน แต่ว่าเจียวหลิงเหอไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี แต่ชิเสวี่ยอวิ๋นรู้ว่าควรจะพูดอะไร
อี้เทียนหยุนรู้สึกช่วยไม่ได้ จะให้เขาพูดอะไรได้ล่ะ? แต่ยังไงก็ตาม เมื่อเขาเห็นสายตาที่ห่วงใยของเจียวหลิงเหอ ก็สัมผัสได้ว่าคนตรงหน้านั้นคือแม่ของเขา
ยังไงก็ตาม เขาก็ยังคงไม่พูดอะไร ชิเสวี่ยอวิ๋นรู้ว่าทั้งสองรู้สึกกระอักกระอ่วน จึงได้เป็นฝ่ายที่เริ่มพูดออกมา
เธอเล่าเรื่องที่อี้เทียนหยุนทำบนโลกมนุษย์ออกมาอย่างคร่าวๆ ทำให้เจียวหลิงเหอที่ได้ฟังต้องตกตะลึง ตำหนักเทียนเฉวียนเมื่อก่อนหน้าได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่จนกลายมาเป็นอาณาจักร นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกตกใจจริงๆ
“นี่ลูกชายของข้าก่อตั้งอาณาจักรอย่างงั้นเหรอ?” เจียวหลิงเหอตกใจ ทั้งยังตื่นเต้น ในสายตามีน้ำตาแห่งความปลื้มปีติไหลออกมา ดูเหมือนว่าต่อให้จะไม่มีความช่วยเหลือจากเธอ เขาก็ยังสามารถโดดเด่นได้อยู่ดี
“ใช่ เทียนหยุนร้ายกาจมาก อีกทั้งพรสวรรค์ยังท่าทึ่งมากอีกด้วย เป็นเหมือนกันกับท่านเลย!” ชิเสวี่ยอวิ๋นถอนหายใจด้วยความชมเชยอยู่ด้านข้าง
เจียวหลิงเหอเอามือปาดน้ำตา พร้อมกับมองไปที่อี้เทียนหยุนแล้วพูดว่า “ลูกเอ๊ย หลายปีมานี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว……”
เธอไม่สนว่าอี้เทียนหยุนจะสร้างอาณาจักรอะไร แต่ก็รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้ต้องไม่ง่ายอย่างแน่นอน การเดินทางของเขาจะต้องเต็มไปด้วยความยากลำบาก สิ่งที่ชิเสวี่ยอวิ๋นเล่าเป็นเพียงเรื่องผิวเผินเท่านั้น แต่เธอรู้ว่าการจะสร้างขุมอำนาจขึ้นมาได้นั้น จำเป็นต้องใช้พลังที่แข็งแกร่งขนาดไหน และก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันแบบใด
“ไม่ลำบากเลยสักนิด เพราะว่าข้ามีท่านน้าคอยช่วยอยู่” อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไปจับมือเธอ ทั้งยังทำต่อหน้าแม่ของตนอีกด้วย
ชิเสวี่ยอวิ๋นดิ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถดึงมือออกมาได้ ทำได้เพียงนั่งหน้าแดงอยู่ตรงนั้น นี่ไม่ได้หมายความว่ากำลังประกาศว่าพวกเธอกำลังคบกันอย่างงั้นเหรอ จากนั้นพี่สาวก็จะกลายมาเป็นแม่สามีของเธอ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ช่างใหญ่มากจริงๆ
จากที่ต้องให้เธอช่วยดูแล จนสุดท้ายก็มาคบกัน พอคิดดูแล้วก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้างจริงๆ
“นี่พวกลูก…..” เมื่อเจียวหลิงเหอเห็นพวกเขาจับมือกัน อันดับแรกเธอก็ตกใจ จากนั้นก็เผยยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับยกมือขึ้นเชยคางของเธอ “ตอนแรกข้าก็ได้คิดไว้แล้ว ว่าหากได้ลูกชาย ก็จะให้แต่งผู้หญิงอย่างเจ้าเป็นภรรยา ไม่คิดเลยว่าความคิดของพวกเราจะตรงกัน!”
“….. พี่ นี่พี่คิดอย่างนี้ตั้งแต่แรกแล้วเหรอ?” ชิเสวี่ยอวิ๋นพูดด้วยสีหน้าตกใจ
อี้เทียนหยุนที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจเหมือนกัน ตัวเองเพิ่งเกิดก็หาภรรยาให้แล้ว นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ?
“ใช่ พรสวรรค์ของเจ้าก็ดี ตัวคนยิ่งดีใหญ่ อีกทั้งยังมีความรับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นทำไมข้าถึงไว้ใจยกเทียนหยุนให้เจ้าดูแลกันล่ะ คิดว่าจะให้เจ้าดูแลเทียนหยุน จากนั้นก็กลายเป็นมือซ้ายขวาของเขา ให้เจ้าช่วยอยู่เป็นคู่ชีวิตของเขา” เจียวหลิงเหอพูดด้วยรอยยิ้ม “ในตอนนั้นข้าเชื่ออย่างมาก ว่าเจ้าคือคนที่เหมาะสมที่สุด หากพวกเจ้าได้อยู่ด้วยกัน ก็จะถือว่าสมใจข้าอย่างมาก”
“นี่ นี่…..” ชิเสวี่ยอวิ๋นตกใจ ทำให้เธอแทบจะด่าออกไป ใครจะคิดว่าตั้งแต่แรก เธอก็ได้เตรียมให้เธอเป็นภรรยาของอี้เทียนหยุนแล้ว นี่มันจะคิดมากเกินไปแล้ว
ยังไงก็ตาม สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตราบเท่าที่มีระดับสูง ต่อให้มีอายุหลายร้อยปี ก็จะดูเหมือนคนอายุ 20 ปีอยู่ดี
ดังนั้น อายุจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือระดับฝึกตนและพรสวรรค์
“ในเมื่อพวกเจ้าลงเอยกันตามที่ข้าคิดแล้วล่ะก็” เจียวหลิงเหอหยิบสร้อยคอออกมาจากแหวนเก็บของ จากนั้นก็สวมให้กับชิเสวี่ยอวิ๋น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าจะไม่มีของขวัญให้เจ้าก็กระไรอยู่ นี่คือสร้อยคอที่ดี ถือว่าเป็นของหมั้นมอบให้เจ้า”
สร้อยคอนี้ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง อย่างน้อยก็เป็นอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง เจียวหลิงเหอไม่ได้อหังการเหมือนกับอี้เทียนหยุน ที่สามารถมอบกระทั่งอุปกรณ์ระดับเทวะให้กับคนอื่นได้อย่างง่ายๆ ที่เธอให้ได้มากสุดก็แค่อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
“ลูกเอ๊ย ในเมื่อเสวี่ยอวิ๋นเชื่อใจเจ้า จากนี้ไปก็หวังว่าเจ้าจะปกป้องเธอให้ดี อย่าให้เธอได้รับอันตรายใดใดอีก” เจียวหลิงเหอจับมือพวกเขาทั้งคู่แน่น ใบหน้าที่ผอมบางและซีดเซียว ตอนนี้เหมือนกับจะเปล่งปลั่งขึ้นหลายส่วน
“ขอบคุณ ท่านแม่….” อี้เทียนหยุนยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ยากจะเห็นจากใบหน้าของเขา คิดแล้วคงเป็นเพราะทั้งสองสนิทกันมากขึ้นแล้ว
“ลูกเอ๊ย พวกเราก็ขาดการติดต่อมาหลายปี ตอนนี้แม้ความสามารถของเจ้าจะไม่ใช่น้อยๆ แต่แม่ก็หวังว่าจากนี้ไป พวกเราจะสามารถอยู่ด้วยกันได้ จะได้ชดเชยเวลาที่เสียไปให้กับเจ้าอีกครั้ง” เจียวหลิงเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
อี้เทียนหยุนพยักหน้า ความสัมพันธ์พวกนี้กำลังบ่มเพาะขึ้นอย่างช้าๆ อย่างน้อยก็ไม่ได้ดูยากเหมือนกับพบหน้ากันครั้งแรก