ตอนที่ 706: พบหน้า
“ดี! เจียวหลิงเหอ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะพาผู้ช่วยมาด้วย นี่เจ้าต้องการก่อกบฏอย่างงั้นเหรอ!” ผู้ดูแลเซียวยืนขึ้นด้วยความโกรธ ขณะที่เอามือกุมหน้าที่บวมเปล่งของเขา พร้อมกับเลือดที่เต็มปาก
นี่เป็นอี้เทียนหยุนออมมือไว้ หากว่าเขาโกรธจริงๆ ป่านนี้เกรงว่าฝ่ามือเมื่อกี้คงตบจนหัวอีกฝ่ายระเบิดไปเรียบร้อยแล้ว
“เป็นแค่หนอนแมลงสำส่อน กล้ามาทำอวดดีต่อหน้าข้า!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าเลือก พาข้าไปพบผู้อาวุโสรอง หรือไม่ก็ให้ข้าตบหน้าเจ้าต่อ เลือกมา!”
ผู้ดูแลเซียวที่เต็มไปด้วยความโกรธ แน่นอนว่าย่อมไม่ยอมทำตามอย่างแน่นอน ตบหน้าเขาแล้ว ยังจะให้เขาเต็มใจพาอี้เทียนหยุนไปอีกอย่างงั้นเหรอ?
“คิดจะให้ข้าพาเจ้าไปพบผู้อาวุโสรอง เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ นอกจากว่าเจ้าจะขอโทษข้าก่อน……”
“เพี๊ยะ!”
และก็เป็นอีกหนึ่งฝ่ามือที่ฟาดผ่านอากาศออกไป ทำให้ผู้ดูแลเซียวที่ไม่ทันรู้ตัวถูกตบจนปลิวไปอีกครั้ง พร้อมกับฟันที่หลุดจากปากหลายซี่ กับเลือดที่ไหลจากปากไม่หยุด หน้าของเขาตอนนี้ถูกตบจนบวมฉึ่ง จากแต่เดิมที่ผอมสูง ตอนนี้กลับดูอ้วนขึ้นหลายส่วน แต่ก็อ้วนขึ้นเฉพาะใบหน้าเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งตัว
“เจ้าอยากจะลองอีกไหม?” อี้เทียนหยุนโบกมือ ทำให้ในใจผู้ดูแลเซียวถึงกับสั่น
คราวนี้เขาตื่นตัวอย่างเต็มที่ แต่ก็พบว่าตนไม่สามารถต้านทานฝ่ามือที่ร้ายกาจนี้ได้เลย ความเร็วของอีกฝ่ายนั้นเร็วเกินไป ยิ่งกว่านั้น เขายังไม่รู้อีกว่าฝ่ามือนั้นโผล่มาจากที่ไหน อยู่ๆ ก็ฟาดเข้าที่หน้าของเขาอย่างจัง
“ขะ ข้าไม่มีทางพาเจ้าไปหรอก…..”
“เพี๊ยะ!”
อี้เทียนหยุนตบลงไปที่บริเวณเดิม ทำให้ผู้ดูแลเซียวปลิวกระเด็นไปอีกครั้ง พร้อมกับกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง หากว่าเป็นอย่างนี้ต่อไป ฟันของเขาจะต้องถูกตบจนไม่เหลืออย่างแน่นอน แต่เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ฟันเท่านั้นน่ะสิที่ไม่เหลือ เกรงว่าแม้แต่หน้าของเขาก็ต้องเสียโฉมตามไปด้วย
“ไปไม่ไป?” อี้เทียนหยุนถามขึ้นอย่างเฉยชา
พวกเจียวหลิงเหอพากันมองเงียบๆ อยู่ด้านข้าง อี้เทียนหยุนไม่ใช่คนโหดเหี้ยม แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่เป็นใช่ไหมล่ะ?
บางคนหากไม่ลงมือก็ไม่รู้สึก หากไม่ตบหน้าอีกฝ่ายสักหลายฉาด ก็คงไม่รู้ว่าความโหดร้ายนั้นคืออะไร
“ไป ข้าจะไป…..”
ผู้ดูแลเซียวอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา จากนั้นก็ลุกขึ้น เขารู้สึกว่าหากยังถูกตบต่อไปแล้วล่ะก็ แม้แต่ชีวิตของเขาก็จะไม่เหลือ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงทำตามที่อีกฝ่ายต้องการอย่างซื่อสัตย์
จากนั้นอี้เทียนหยุนจึงได้หยุดมือ พร้อมกับให้ผู้ดูแลเซียวนำพวกเขาไปหาผู้อาวุโสรอง และในขณะที่ผู้ดูแลเซียวนำทางพวกเขาอยู่นั้น ในสายตาของอีกฝ่ายก็เผยให้เห็นถึงความเกลียดชัง ราวกับกำลังคิดวางแผนการอะไรอยู่
จากนั้น ผู้ดูแลเซียวก็นำพวกเขาตรงไปยังที่พักของผู้อาวุโสรอง ทำให้ศิษย์ทั้งหลายที่เดินผ่าน ต่างก็เห็นผู้ดูแลเซียวหน้าบวมฉึ่ง พร้อมกับคิดว่ามันแปลกมากๆ แต่ก็แค่ดูเท่านั้น ไม่กล้าถามออกไป
คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักเจียวหลิงเหอ มีเพียงคนรุ่นเก่าอย่างผู้ดูแลเซียวเท่านั้น นอกนั้นล้วนแต่ไม่รู้จักเธอ
ภายใต้การนำของผู้ดูแลเซียว พวกเขาก็ได้เข้าสู่เขตยอดเขาด้านใน นี่คือภูเขาที่เรียกว่าภูเขาเทพเฟิงเทียน ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในภูเขาทั้งห้า พร้อมกับมีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณสองคนคอยทำการรักษาการณ์ ณ ยอดเขาที่สูงที่สุดนี้ เพราะที่นี่เป็นยอดเขาที่วางมหาค่ายกลที่สำคัญที่สุดไว้ ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจตราอย่างเข้มงวด
หากคิดจะเข้าไป ก็จำเป็นต้องได้รับคำสั่งลับ หรือไม่ก็คำอนุญาตจากผู้มีตำแหน่งตั้งแต่ระดับผู้อาวุโสขึ้นไป
เมื่อผู้ดูแลเซียวเข้าไปใกล้ที่นี่ เขาก็วิ่งพรวดออกไป พร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า “แย่แล้ว แย่แล้ว มีคนบุกเข้ามายังเขาเทพเฟิงเทียน แถมพวกเขายังทำลายข้าด้วย!”
ผู้ดูแลเซียววิ่งหนีตายตรงไปหาที่ที่ยามรักษาการณ์อยู่ แต่ก็วิ่งไปได้ไม่ถึงสองก้าว ก็พลันถูกพลังบางอย่างกระชากเขาไปอีกด้าน ซึ่งนี่ทำให้ผู้ดูแลเซียวไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก แต่ก็ไม่ตาย เพียงแต่ถูกฝ่ามือของอี้เทียนหยุนกระชากจนสลบไปเท่านั้นเอง
ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาวิญญาณที่อยู่ใกล้ๆ พลันหน้าเปลี่ยนสี พร้อมกับรีบบินตรงมาที่นี่อย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นคนชัดๆ ก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “นี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่นายน้อยผู้ทรยศตระกูลพาหนีไปหรอกเหรอ…..”
พวกเขาล้วนแต่เป็นคนเก่าคนแก่ ทันทีที่เห็นเจียวหลิงเหอ ก็พลันจำได้ทันที ตอนแรกที่อี้ซิงเฉินพามา ทำให้คนส่วนใหญ่ต่างก็รู้จัก ยิ่งกว่านั้นยังพากันจำได้ดีอีกด้วย ในตอนนั้นมีหลายคนพากันฟ้องร้องเขาโดยตรง และคิดว่าอี้ซิงเฉินคงจะไม่กลับมาอีก!
“ข้ามาพบผู้อาวุโสรอง” เจียวหลิงเหอพูดอย่างจริงจัง
ยามทั้งสองพากันมองไปยังผู้ดูแลเซียวที่ถูกฟาดกระเด็นไปใกล้ๆ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาตัดสินใจได้
“ตกลง ข้าจะเข้าไปแจ้งให้ เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน” ยามผู้นั้นคิดสักพัก แต่ก็ไม่ขับไล่พวกเขา แต่จะไม่แจ้งให้ผู้อาวุโสทราบ
เรื่องจริงจังทุกอย่างล้วนต้องให้ผู้อาวุโสเป็นผู้จัดการ ยิ่งกว่านั้น เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องจริงจังอย่างมาก ในตอนแรกอัจฉริยะอันดับ 1 พาผู้หญิงวิ่งหนีไป และตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นก็ได้กลับมา แต่ไม่มีอี้ซิงเฉินกลับมาด้วย ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่แปลกอย่างมาก
ดังนั้น พวกเขาจึงต้องเข้าไปรายงานก่อน เพราะทั้งหมดนี้ต้องให้ผู้อาวุโสเป็นผู้ตัดสินใจ
อย่างรวดเร็ว ยามผู้นั้นก็เข้าไปรายงาน ขณะที่ยามอีกคนที่เหลือได้เข้าไปดูแลและรักษาผู้ดูแลเซียว และเขาก็พบว่าอีกฝ่ายแค่บาดเจ็บแค่ภายนอกเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมาก มีแค่หน้าเท่านั้นที่บวมฉึ่ง
“เป็นเจ้าอย่างงั้นเหรอ!?”
ในตอนนี้เอง ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังมา เป็นชายชราที่นำกลุ่มรุ่นเยาว์หลายคนบินมา คิดว่าคงวางแผนจะไปยังเขาเทพเฟิงเทียน
“ที่แท้ก็ผู้อาวุโสสามนี่เอง” เมื่อเจียวหลิงเหอเห็นชายชราตรงหน้า สายตาก็พลันเย็นชา เพราะคิดว่าเป็นการลงมือของผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสใหญ่ ดังนั้นสีหน้าของเธอจึงได้เย็นชาขึ้น
ผู้อาวุโสสามมองเธอด้วยความตกใจ แต่ก็กลับคืนสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว สายตาของเขากวาดมองที่พวกเขา จากนั้นสายตาของเขาก็จ้องเขม็งไปที่ร่างของอี้เทียนหยุน
“นี่คือลูกของซิงเฉินอย่างงั้นเหรอ?” สีหน้าของผู้อาวุโสสามจมลง ขณะที่สายตามีประกายชั่วร้ายแวบผ่านเบาๆ
“ใช่ ครั้งนี้ข้าพาลูกกลับมาพบผู้อาวุโสรอง ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสสามมีปัญหาอะไรอย่างงั้นเหรอ?” เจียวหลิงเหอพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“จับพวกเขา!” ผู้อาวุโสสามโบกมือ สั่งให้คนอื่นๆ เข้าไปจับพวกอี้เทียนหยุน ยามที่อยู่ใกล้ๆ ก็พากันล้อมเข้าไปในทันที
คำสั่งของผู้อาวุโสสาม พวกเขาย่อมต้องทำตาม พร้อมกับเตรียมตัวเข้าจับกุมอี้เทียนหยุนและพวกเจียวหลิงเหอ
“ผู้อาวุโสสาม นี่เจ้าคิดจะทำอะไร เพิ่งเจอหน้าก็จะจับพวกเราแล้ว หรือว่ากำลังคิดจะกำจัดพยานอย่างงั้นเหรอ?” เจียวหลิงเหอพูดอย่างเย็นชา
เจียวหลิงเหอที่พูดออกไปตรงๆ แต่ผู้อาวุโสสามกลับไม่แม้แต่จะสะดุ้ง พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ทำไมข้าถึงทำอย่างนี้น่ะเหรอ? ก็จะจับไปขังไว้ยังไงล่ะ ตอนแรกอี้ซิงเฉินทำการทรยศตระกูล แอบพาเจ้าหลบหนีไป นี่ถือเป็นความอับอายของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน! ข้าต้องจับเจ้าไว้ จากนั้นก็ทำการสอบสวนเรื่องราวให้กระจ่าง หรือไม่ก็ขังเจ้าไว้ ไม่ให้เจ้าหนีออกไปได้อีก!”
“เป็นอย่างที่ข้าสงสัยจริงๆ การไล่ล่าก่อนหน้านี้ เป็นฝีมือของเจ้าสินะ!” เจียวหลิงเหอพูดออกไปตรงๆ
ผู้อาวุโสสามหน้าเปลี่ยนสี แต่ก็ไม่เปิดอะไร ยังคงพูดอย่างเฉยชาว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไร ใครไล่ล่าเจ้า? ขนาดจะตามเจ้ากลับมายังไม่มีเวลา แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปไล่ล่าเจ้า?”
ผู้อาวุโสสามพูดโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี เธอจับสีหน้าอีกฝ่ายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้พบเงื่อนงำอะไร ส่วนอี้เทียนหยุนที่มองอยู่ใกล้ๆ กลับตรวจพบอะไรบางอย่าง อย่างน้อยเรื่องการไล่ล่านี้ ผู้อาวุโสสามต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน!