ตอนที่ 709: เจ้าหุบปากซะ!
แต่ละคนต่างก็พากันอ้างถึงความสัมพันธ์ต่างๆ และก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไปล้อมโจมตีอี้ซิงเฉินเพื่อผลประโยชน์ของตน คนอื่นๆ รอบๆ ต่างก็พากันเชื่อในสิ่งที่พวกเขาพูด คิดว่าผู้อาวุโสทั้งสองจะไม่ทำเรื่องอย่างนี้อย่างแน่นอน หากว่ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ทั่วทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนนี้ คงจะไม่มีทางพัฒนาให้ดีขึ้นได้อีกแล้ว
แม้อี้เทียนหยุนจะเลือกใช้คำถามสำคัญ แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำเรื่องอย่างนั้น พวกเขาสามัคคีกันจะตาย แล้วจะไปทำเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง?
อี้หยวนหลงยืนฟังด้วยสีหน้าดำคล้ำ แต่ก็ทำเป็นหูทวนลม แล้วพูดว่า “ไปหาแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์และหญ้าเทพเทียนเซียงมาให้ข้า หากไม่มีก็ทุ่มเงินออกไปจนกว่าจะซื้อมันมาได้!”
กลิ่นอายที่ระเบิดออกมาของผู้อาวุโสรองทำเอาในใจหลายคนพากันสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง นี่คือกลิ่นอายของผู้อาวุโสรอง
“ผู้อาวุโสรอง ข้ารู้ว่าท่านต้องการช่วยลูกของท่าน โชคดีที่ในห้องเก็บสมบัติของพวกเรามีหญ้าเทพเทียนเซียงนี้อยู่ แต่ยังไงก็ตาม แก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์นี้ยากจะหามาได้ มีแต่ต้องไปหาดูที่โลกใต้พิภพเท่านั้น” ผู้อาวุโสสามที่อยู่ใกล้ๆ เดินออกมาพูด
“งั้นก็ไปโลกใต้พิภพ!” อี้หยวนหลงพูดอย่างจริงจัง
“จะไปโลกใต้พิภพมันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ ตอนนี้เส้นทางได้ถูกปิด มีแต่ต้องผ่านทางโลกมนุษย์เท่านั้น ต่อให้ส่งผู้ฝึกตนลงไป ก็ไม่รู้ว่าจะถูกขโมยระหว่างทางหรือเปล่า เพราะพวกเราจำต้องมีสมบัติล้ำค่าไปแลก ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายย่อมไม่มีทางให้แก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์กับพวกเราอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสสามพูด
คำพูดนี้ของผู้อาวุโสสามก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล หากลงไปแลกเปลี่ยนแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์กับเผ่าฟีนิกซ์ ต่อให้จะสามารถแลกเปลี่ยนได้ แต่ราคาของมันย่อมต้องสูงเสียฟ้าอย่างแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่จะลงไปได้ก็ไม่สามารถมีระดับที่แข็งแกร่งเกินไปได้ อย่างมากก็ต้องอยู่ในระดับราชาวิญญาณช่วงต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยากที่จะลงไปอยู่ดี ที่สำคัญคือระดับที่ค่อนข้างอ่อนแอ หากว่าถูกปล้นระหว่างทาง ไม่เพียงแต่จะสูญเสียแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์เท่านั้น แต่ยังจะเสียสมบัติที่นำไปแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่ายด้วย
“งั้นก็หมายความว่า ข้าไม่มีโอกาสที่จะช่วยลูกชายของตนอย่างงั้นเหรอ?” อี้หยวนหลงจ้องไปที่ผู้อาวุโสสามอย่างเย็นชา ขณะที่บนขมับมีเส้นเลือดบวมปูดขึ้นมา ดูท่าทางจะโมโหสุดๆ
“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าก็แค่บอกว่าวิธีนี้มันไม่ค่อยดี จำต้องคิดหาวิธีอื่น…..” ผู้อาวุโสสามยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
“เจ้าได้ฟังที่ข้าพูดบ้างไหม ว่าเรื่องนี้ ข้าสามารถหาเองได้” ในตอนนี้เอง อี้เทียนหยุนก็ได้พูดสอดขึ้นมา
“ยังมีหน้ามาพูดอีก! ไม่เพียงแต่จะไม่ยอมจำนนต่อพวกเราเท่านั้น แต่ยังพาคนหนีไปอีก มาตอนนี้กลับมาก็ยังมาสร้างเรื่องอีก ด้วยน้ำหน้าลูกผสมอย่างเจ้า คิดว่ามีคุณสมบัติพอจะพูดกับข้าอย่างงั้นเหรอ!?” ผู้อาวุโสสามระเบิดความโกรธออกมา เขาเกลียดที่สุดคือการถูกรุ่นเยาว์พูดแทรก ทั้งยังไม่ให้ความเคารพ นี่ทำให้เขารู้สึกรังเกียจจริงๆ
“หุบปาก!” เจียวหลิงเหอตวาดด้วยความโกรธ “เจ้าด่าใครว่าลูกผสม!”
“ก็ด่าเจ้านั่นล่ะ…..”
“เพี๊ยะ!”
เสียงฝ่ามือฟาดเข้าที่หน้าของผู้อาวุโสสาม ดังสะท้านไปทั่ววิหารหลัก แต่คนที่ตบเขานั้นไม่ใช่เจียวหลิงเหอ และก็ไม่ใช่อี้เทียนหยุน แต่เป็นปู่ของอี้เทียนหยุน อี้หยวนหลง!
“ผู้อาวุโสสาม ข้าขอเตือนเจ้าให้ระวังปากให้ดี บางคำไม่สมควรพูดก็อย่าพูด!” อี้หยวนหลงมองไปที่เขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็พูดว่า “ตอนนี้ส่งคนไปหาแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์และหญ้าเทพเทียนเซียงให้ข้าได้แล้ว!”
“ดีมาก! ผู้อาวุโสรอง ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าตบข้า เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้อย่างงั้นเหรอว่าตอนนั้นที่อี้ซิงเฉินหลุดไปจากโซ่ตรวนหนีไปได้นั้นเป็นฝีมือเจ้า? หากไม่ใช่เพราะเจ้าแอบเปิดประตู แล้วมันจะหนีไปได้ยังไง?” ผู้อาวุโสสามโบกชายเสื้อ จากนั้นก็พูดเปิดโปงต่อว่า “หากไม่อยากให้คนอื่นรู้ ก็อย่าได้ทำมัน! ผู้อาวุโสรอง เจ้ามีหน้าที่ป้องกันความปลอดภัยของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะปล่อยคนออกไปซะเอง!”
“เจ้าคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้อย่างงั้นเหรอ? ต่อให้อี้ซิงเฉินมีความสามารถ แต่ก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำลายโซ่ตรวนออกไปได้! ทั้งหมดล้วนเป็นเจ้าที่เปิดทางให้กับมัน ตอนนี้ยังคิดจะทำเรื่องใหญ่ ต้องการใช้ทรัพยากรที่เก็บเอาไว้ เอาจริงๆ เลยนะ ด้วยสถานการณ์ของเจ้าในปัจจุบัน เจ้าไม่สิทธิ์พอที่จะใช้ทรัพยากรพวกนี้ ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่หายากอย่างถึงที่สุดด้วย!
คำพูดนี้นั้นถูกต้อง แก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์และหญ้าเทพเทียนเซียงนั้นค่อนข้างล้ำค่า ระดับผู้อาวุโสแน่นอนว่าไม่สามารถใช้งานมันได้
“ผู้อาวุโสรอง ที่เจ้าทำอยู่นี้มันค่อนข้างมากเกินไป ถึงกับช่วยคนนอกเอ่ยปาก! ไม่ใช่ว่าเธอคือนางจิ้งจอกที่ล่อลวงอี้ซิงเฉินหรือไง? หากไม่ใช่เพราะเธอ เกรงว่าพวกเราคงมีทายาทที่ทรงพลังจำนวนมากออกมาแล้ว ไม่ใช่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!”
ผู้อาวุโสใหญ่ก้าวออกมา เริ่มสนับสนุนคำพูดของผู้อาวุโสสาม
“งั้นพวกเจ้าก็ไม่เต็มใจที่จะช่วยซิงเฉินงั้นสินะ!” อี้หยวนหลงพูดอย่างเดือดดาล
“ไม่ใช่ว่าเราไม่เต็มใจช่วยซิงเฉิน แต่ว่าเขาได้ทำความผิดมหันต์ ควรจะถูกจับมัดโซ่หันหน้าใส่กำแพงเพื่อสำนึกผิด ยิ่งกว่านั้น ผู้อาวุโสรอง เจ้าเองก็ทำความผิดใหญ่หลวงเช่นกัน อาการขาดเลือดฉีนี้ ต่อให้จะช่วยขึ้นมาได้ ก็ไม่มีทางที่จะพยุงเอาไว้ได้นาน หรือก็คือไม่มีอนาคต”
ผู้อาวุโสสามพูดอย่างไม่ใส่ใจ “พ่อแม่ต่างก็ไม่ยอมแพ้ที่จะช่วยลูกของตน ข้อนี้เราสามารถให้อภัยได้ แต่หากจะให้สิ้นเปลืองทรัพยากรล้ำค่าเพื่อการนี้ เจ้าควรจะเอาของที่มีค่าพอๆ กันออกมาแลกถึงจะเหมาะสม”
“ดี ดูเหมือนผู้อาวุโสสามเจ้า จะจ้องอุปกรณ์ระดับเทวะของข้ามานานแล้วสินะ?” อี้หยวนหลงมีสีหน้าเย็นชา
“นี่ไม่ใช่ว่าข้าจ้องมองอุปกรณ์ระดับเทวะของเจ้า แต่ว่าทรัพยากรพวกนี้เป็นของที่ผู้อาวุโสแต่ละคนใช้ร่วมกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะให้เจ้าเอาไปใช้ประโยชน์ส่วนตนจริงไหม? ทรัพยากรพวกนั้นเป็นพวกเราหามา ทั้งยังหามาอย่างยากลำบาก แล้วอย่างนี้จะให้เจ้าเอาไปเฉยๆ ได้ยังไง?” ผู้อาวุโสสามมองไปยังอี้ซิงเฉินแล้วพูดอย่างดูถูก “หากไม่ใช่ว่าเขากลายเป็นอย่างนี้ก็คงดี แต่ว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นอย่างนี้แล้ว ช่วยไปก็เปล่าประโยชน์! เจ้าอยากจะสิ้นเปลืองก็เรื่องของเจ้า แต่ว่าไม่สามารถเอาทรัพยากรของพวกเราไปสิ้นเปลืองได้!”
“ที่ผู้อาวุโสสามพูดก็ถูก เรื่องนี้เป็นไปตามกฎ ผู้อาวุโสรองเจ้าลืมไปแล้วเหรอ?” ผู้อาวุโสใหญ่สนับสนุนอยู่ใกล้ๆ
“ดี ดีมาก!” อี้หยวนหลงหัวเราะออกมา “ตกลง ข้าจะเอาอุปกรณ์ระดับเทวะชิ้นนั้นออกมาแลกกับแก่นโลหิตราชวงศ์ฟีนิกซ์และหญ้าเทพเทียนเซียง!”
“ไม่ ผู้อาวุโสรองเจ้าเข้าใจผิดแล้ว อุปกรณ์ระดับเทวะของเจ้าสามารถแลกได้แค่ชิ้นเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด!” ผู้อาวุโสสามยิ้มอย่างชั่วร้าย “ด้วยอุปกรณ์ระดับเทวะชิ้นนั้นของเจ้า เป็นไปไม่ได้ที่จะแลกกับของทั้งสองชิ้นนี้……”
“เจ้าหุบปากซะ!”
อี้เทียนหยุนพูดเสียงดังออกมา ทำให้ตกเป็นที่สนใจของทุกคน ตามมารยาทแล้ว เรื่องนี้ผู้เยาว์ไม่ควรสอดปาก แต่ว่าอี้เทียนหยุนกลับสั่งให้ผู้อาวุโสหุบปากลงจริงๆ
“เจ้าว่าอะไรนะ!?” ผู้อาวุโสสามเดือดดาล พูดจาไม่ไว้หน้าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เขาถลึงตาไปที่อี้เทียนหยุนด้วยความโกรธ แต่ในขณะที่กำลังจะเปิดปากอยู่นั้น อี้เทียนหยุนก็ได้มองมาที่เขาเช่นกัน
และเมื่อเขามองเข้าไปในนัยน์ตาของอี้เทียนหยุน เขาก็พลันเห็นลำแสงที่พิเศษพวยพุ่งออกมา จากนั้นสายตาของเขาก็เริ่มเหม่อ รู้สึกว่าร่างกายไม่ใช่ของตน
พร้อมกับหุบปากลงจริงๆ ไม่พูดอะไรออกมาอีกสักคำ และในขณะที่คนอื่นๆ กำลังจะดูว่าผู้อาวุโสสามจะระเบิดความโกรธออกมายังไง ก็พบว่าตัวเขาได้หุบปากลงไปจริงๆ
“ควรจบเรื่องตลกนี้ไดสักที ข้าเสียเวลากับขยะอย่างพวกเจ้ามานานแล้ว ข้อมูลอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง เอาแต่พ่นเรื่องเหลวไหลออกมา ตอนนี้มาให้ข้าดูหน่อยสิว่า ในใจเจ้าจริงๆ แล้วคิดอะไรอยู่!”
อี้เทียนหยุนทำการควบคุมอีกฝ่ายโดยที่ไม่มีการกังวล เหตุผลหลักที่ทำอย่างนี้คือต้องการดูว่าเจ้าหมอนี่จะเปิดเผยอะไรออกมา หลังจากนั้นเขาก็จะปลดการควบคุม แล้วมาดูกันว่าตอนนั้น เจ้าหมอนี่จะยังแย้งอะไรได้อีก!