ตอนที่ 710: พูดความจริง
เมื่ออี้เทียนหยุนเห็นผู้อาวุโสสามครั้งแรก เขาก็รู้สึกทันทีเลยว่าเป็นไปได้ ไม่คิดว่าระดับของเจ้าหมอนี่จะต่ำขนาดนี้ อยู่ในระดับราชาวิญญาณขั้นที่ 5 ซึ่งถือว่าไม่ต่ำไม่สูง แต่ก็พอดีกับระดับสูงสุดที่เนตรเสน่ห์จะควบคุมได้เช่นกัน
หากว่าสูงกว่านี้ เขาก็คงไม่มีวิธีอื่นจริงๆ อย่างแย่ที่สุดก็คือควบคุมลูกชายของพวกเขาหรืออื่นๆ ดูว่าจะสามารถได้อะไรจากปากของพวกเขา ดังนั้นเขาก็เลยบอกกับเจียวหลิงเหอว่าไม่ต้องกังวล เพราะมีเนตรเสน่ห์นี้อยู่ ก็เลยไม่จำเป็นต้องกังวล
เมื่อคิดว่านี่เป็นถิ่นของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน อีกทั้งในตอนแรกที่ปีศาจร้ายบุกเข้ามา ราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนก็ออกโรงช่วยต่อต้าน ดังนั้นเพียงแค่บุญคุณนี้ เขาก็ไว้หน้าอีกฝ่ายอยู่หลายส่วน ไม่คิดจะลงมือโดยทันที
ยิ่งกว่านั้น ปู่ของเขายังอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นจึงต้องไว้หน้าอีกฝ่ายเพิ่มเข้าไปด้วย จะดีจะร้ายเขาก็เป็นทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเช่นกัน หากเปลี่ยนเป็นที่อื่นแล้วมีคนพูดอย่างนี้ ป่านนี้เขาคงลงมือทุบอีกฝ่ายให้น่วมไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสใหญ่หรือผู้อาวุโสสามอะไรนั่น ตีก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
ยิ่งคำพูดไร้สาระที่เขาคร้านจะฟังนี่อีก ทำเอาอยากจะเข้าไปชกอีกฝ่ายให้สะใจซะจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางยืนอยู่เฉยๆ อย่างนี้
ตอนนี้เขาทำการควบคุมอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย ทันใดนั้นก็ทำให้บรรยากาศเริ่มหนักอึ้ง ไม่รู้ว่าทำไมผู้อาวุโสสามถึงไม่พูด ทำไมถึงยังยืนนิ่งอยู่
“เจ้าใช่ไหมที่ส่งคนไปลอบโจมตีพ่อแม่ของข้า!” อี้เทียนหยุนถามออกไปตรงๆ
“ใช่ เป็นฝีมือของผู้อาวุโสใหญ่และข้าเอง ที่ส่งผู้เชี่ยวชาญออกไปหลายคนเช่นนั้น แต่ก็ไม่คิดว่าภายหลังจะหนีออกไปได้…..” ผู้อาวุโสสามพูดด้วยสายตาที่พร่ามัว
เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ก็ทำให้ทุกคนแตกตื่นในทันที ตอนแรกบอกปฏิเสธ แต่อยู่ๆ กลับเปลี่ยนท่าที อีกทั้งยังพูดความจริงออกมาด้วย
“ทำไมถึงต้องสังหารพ่อแม่ของข้า?” อี้เทียนหยุนถามต่อ
“เพราะอี้ซิงเฉินคุกคามตำแหน่งของพวกเรา หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ตำแหน่งประมุขจะต้องไม่ถึงคราวของผู้อาวุโสใหญ่แน่ อำนาจก็จะไม่อยู่ในมือพวกเรา ดังนั้นก็เลยต้องกำจัดอี้ซิงเฉินและลูกของเขา ต้องจัดการถอนรากถอนโคนให้หมด ถึงจะสามารถวางใจได้…..” ผู้อาวุโสสามพูดต่อไปโดยที่ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหากับตัวเอง
“ผู้อาวุโสสาม นี่เจ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไรอยู่!?” ผู้อาวุโสใหญ่ทั้งแตกตื่นและโมโห ทันใดนั้นก็พุ่งเข้าไป หวังที่จะต่อยอีกฝ่ายอย่างแรง
แต่ยังไงก็ตาม อี้หยวนหลงก็ได้เข้ามาขวางไว้ พร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่ว่าจะเป็นคำพูดเหลวไหลอะไร ตอนนี้ก็ต้องฟังเขาพูดให้จบซะก่อน!”
ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่ก็ไม่ได้มีความประหลาดใจแม้แต่น้อย ถึงยังไงเขาก็คาดการณ์ทั้งหมดนี้ไว้แล้ว! ก่อนหน้านี้ที่เจียวหลิงเหอพูดออกมา ในตาของอี้หยวนหลงก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เจียวหลิงเหอ แต่เป็นผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสาม
ที่เขานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้มาหลายปี ก็แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อเจียวหลิงเหอพูดออกมา เขาก็มีคำตัดสินของตัวเองไว้แล้ว
เจียวหลิงเหอและอี้ซิงเฉินจะไปมีศัตรูที่ไหนได้? ไม่ใช่ว่าอี้หยวนหลงจะไม่รู้ว่าเจียวหลงเหอเป็นคนจากโลกมนุษย์ เพิ่งจะมายังโลกสวรรค์ได้ไม่นาน เธอจะไปสร้างศัตรูได้ที่ไหน นี่มันเป็นไปไม่ได้!
ส่วนอี้ซิงเฉินนั้น ในฐานะอัจฉริยะอันดับ 1 ศัตรูของเขาแน่นอนว่าต้องมาก แต่เบื้องหลังของเขามีแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าลงมือกับเขาถึงตาย เมื่อเป็นอย่างนี้ แน่นอนว่าต้องมีผู้บงการที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง
ในใจผู้อาวุโสใหญ่โกรธมาก แต่ในสายตาก็เต็มไปด้วยความกังวล หวังที่จะเข้าไปหยุดผู้อาวุโสสาม แต่ก็ถูกอี้หยวนหลงขวางทางไว้ ทำให้เข้าไปไม่ได้ นอกเสียจากว่าจะลงมือกับอี้หยวนหลง แต่หากลงมือไป ก็เท่ากับร้อนตัว อีกทั้งการโจมตีพวกเดียวกัน ก็ไม่ใช่กำลังบอกว่าตัวเองเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังคนนั้นหรอกเหรอ?
หากคำที่พูดมานั้นเป็นเรื่องโกหกก็คงไม่มีปัญหา แต่หากลงมือไป นั่นจะต้องเป็นปัญหาอย่างแน่นอน
“เจ้าเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ มา” อี้เทียนหยุนบอกให้ผู้อาวุโสสามพูดต่อ
จากนั้นผู้อาวุโสสามก็บอกเล่ารายละเอียดของแผนการต่อ บอกว่าทำไมพวกเขาถึงต้องลงมือ รายละเอียดที่เขาพูดออกมานั้นละเอียดมาก ทำให้รู้ว่าเขาคือผู้ลงมือจริงๆ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้รู้รายละเอียดมากขนาดนั้น
เจียวหลิงเหอที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อได้ฟังก็ยินหัวร้อน เธอฟังไปกัดฟันไป หวังว่าตัวเองจะสามารถแทงดาบทะลุร่างผู้อาวุโสสามผู้นี้ได้ แต่หลังจากโกรธแล้ว เธอก็พลันสงสัยขึ้นมาทันทีว่าทำไมผู้อาวุโสสามอยู่ๆ ถึงได้พูดความจริงกัน?
และในตอนนี้เธอก็ได้สังเกตที่อี้เทียนหยุน ไม่ว่าอี้เทียนหยุนจะถามอะไร ฝั่งตรงข้ามก็จะตอบออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอน
ทำให้เธอนึกไปถึงก่อนหน้านี้ที่อี้เทียนหยุนพูดกับเธอ บอกว่าปล่อยทุกอย่างให้เขาจัดการเอง ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรทั้งนั้น มาตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ ทันใดนั้นก็ทำให้ผู้อาวุโสสามเปิดปากพูดความจริง เล่ารายละเอียดของแผนการที่น่าตกใจออกมาให้ทุกคนฟัง
เหล่าผู้คนที่อยู่รอบๆ ที่พากันเกลียดชังพวกเจียวหลิงเหอถึงขีดสุด มาตอนนี้ต่างก็พากันตกใจไปตามๆ กัน ไม่คิดว่าเรื่องจริงจะเป็นอย่างนี้! โดยเฉพาะคำพูดตรงกันข้ามที่พวกเขาพูดออกมาก่อนหน้านี้ บอกว่าไม่มีทางที่จะทำเรื่องอย่างนี้ได้ มาตอนนี้กลับเป็นพวกเขาที่เป็นคนทำจริงๆ อีกทั้งยังทำมากด้วย!
คนนอกไม่โหดร้ายเท่าคนในด้วยกันเอง นี่มันช่างโหดเหี้ยมจริงๆ
“!”
จากนั้นอี้เทียนหยุนก็ทำการดีดนิ้ว ทำให้ผู้อาวุโสสามได้สติกลับมาดังเดิม และในตอนนี้สีหน้าของเขาก็เผือดสีลงไปในทันที พร้อมกับมองมาที่อี้เทียนหยุนแล้วกรีดร้องออกมาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อว่า “เจ้า เจ้าทำอะไรกับข้า เมื่อกี้นี้ข้า ที่ข้าพูดเป็นเรื่องโกหก ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง! เรื่องผีสางทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของมัน ไม่รู้ว่ามันเป็นมารร้ายมาจุติหรืออะไร ถึงได้ทำให้ข้าเป็นอย่างนี้!”
เขากรีดร้องออกมาไม่หยุด พยายามหาข้อโต้แย้งให้กับตน บอกว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องจริง
และในตอนนี้ สายตาของทุกคนก็มารวมอยู่ที่อี้เทียนหยุน พร้อมกับสีหน้าแปลกๆ ทั้งหมดนี้เป็นอี้เทียนหยุนทำจริงๆ? เรื่องที่เกิดกับผู้อาวุโสสามนี้ เด็กหนุ่มที่ทำให้ระดับผู้อาวุโสถูกควบคุมเหมือนกับถูกมารร้ายเข้าสิง เรื่องนี้เป็นไปได้ด้วยเหรอ? นอกจากว่าระดับของอี้เทียนหยุนจะเหนือกว่าผู้อาวุโสสาม
“โกหก?” อี้เทียนหยุนหัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนทำงั้นสินะ? ถ้าอย่างนั้น ข้าก็อยากจะขอให้ผู้อาวุโสรองทำการค้นวิญญาณเจ้า หากว่าที่เจ้าพูดมาไม่ใช่เรื่องจริง ข้าก็เต็มใจที่จะทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เป็นการขอโทษเป็นยังไง!”
“ข้าคิดว่าหากเจ้ายอมให้ค้นวิญญาณ เรื่องทุกอย่างก็จะกระจ่าง จริงไหม?”
เขายิ้มอย่างเย็นชา ในตอนนี้เขามั่นใจว่าพวกเขาคือผู้บงการอย่างแน่นอน เมื่อถูกค้นวิญญาณ พวกเขาก็ไม่สามารถปกปิดรายละเอียดในความทรงจำเอาไว้ได้เด็ดขาด และหากว่าเต็มใจให้ค้น ก็จะไม่เกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน
“ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน! หากค้นวิญญาณแล้วไม่มีเรื่องแบบนี้จริง ข้ายอมให้จัดการกับข้าได้ตามใจ หรือจะให้ทำงานให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนจนตายก็ยังได้!” เจียวหลิงเหอก้าวออกมา เธอไม่เชื่อว่าอี้เทียนหยุนทำให้ผู้อาวุโสสาม แต่ต่อให้อี้เทียนหยุนเป็นคนทำให้ผู้อาวุโสสามพูดจริง ก็ไม่มีทางที่จะรู้รายละเอียดที่ละเอียดจนแม้แต่น้ำไม่สามารถหลุดรอดออกมาได้ได้
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามสีหน้าดำคล้ำ หากว่าค้นวิญญาณจริง พวกเขาก็จะถึงจุดจบอย่างแน่นอน!
“นี่เป็นเรื่องที่เจ้าใส่ร้ายข้า! ทำไมข้าต้องยอมให้ค้นวิญญาณด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องผีสางที่เจ้าสร้างขึ้น! เจ้าคิดว่าชีวิตของเจ้ามีค่ามากหรือไง? หากว่าวิญญาณข้าได้รับความเสียหาย เจ้าคิดว่าชีวิตของเจ้าจะชดใช้ได้?” ผู้อาวุโสสามทำการดิ้นรนเฮือกสุดท้าย หากต้องถูกค้นวิญญาณ เขาต้องถึงจุดจบอย่างแน่นอน
“งั้นถ้ารวมสมบัติชิ้นนี้เข้าไปด้วยล่ะ?”
อี้เทียนหยุนโยนกระบี่ระดับเทวะออกมา ทำให้กระบี่เทพเอ้อหลิง(วิญญาณร้าย)ปักลงบนพื้นอย่างมั่นคง พร้อมกับปลดปล่อยพลังงานสีดำออกมา ตราบเท่าที่ไม่ใช่คนตาบอด ก็สามารถรู้ได้ว่านี่คืออุปกรณ์ระดับเทวะ!
“อะ อุปกรณ์ระดับเทวะ!?” ผู้คนพากันตาโต กระบี่ระดับเทวะ ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับการต้องถูกค้นวิญญาณจริงๆ ต้องจากว่าจะร้ายแรงเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นต้องถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก
