ตอนที่ 713: เล่นลิ้น!
“ที่แท้คนที่ลอบโจมตีพวกเราก็เป็นเจ้าจริงๆ พวกเราแค่ต้องการออกไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะโหดร้ายถึงขนาดนี้……”
เจียวหลิงเหอเบ้าตาแดงก่ำ หากไม่ใช่เพราะเจ้าสารเลวสองคนนี้ ป่านนี้เธอคงลงไปอยู่กับอี้เทียนหยุนในโลกมนุษย์อย่างมีความสุขนานแล้ว อี้เทียนหยุนก็จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดมากขนาดนี้
ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าสารเลวสองคนนี้ ที่ทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างปัจจุบันขึ้น! ทำให้พวกเธอแม่ลูกต้องแยกจากกัน อีกทั้งอี้ซิงเฉินยังต้องมาตกอยู่ในสภาพหลับลึกอีก อีกทั้งระดับยังลดลงมาก เสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์ไปหลายปี
เมื่อความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผย ร่างของเจียวหลิงเหอก็สั่นอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าจะคาดเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้รู้จากปากของอีกฝ่ายจริงๆ เธอก็ยังโกรธมากอยู่ดี
“ช่างเป็นการหักแขนทำลายขาที่ดีจริงๆ ไม่คิดว่าเพียงเพราะตำแหน่งนี้ พวกเจ้าจะวางแผนฆาตกรรมคนในเผ่าเดียวกันจริงๆ!” สัวไค่เฟิงมองพวกเขาอย่างเย็นชา พร้อมกับพูดอย่างดุร้ายว่า “เจ้าคิดว่าทำอย่างนี้มีความหมายอย่างงั้นเหรอ? หากไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ต่อให้เจ้าได้เป็นประมุขจริง เจ้าก็ทำได้เพียงนั่งมองดูดินแดนของตนถูกคนอื่นแย่งชิงไปเท่านั้น!”
“แน่นอนว่าข้ารู้ที่พวกเจ้าต้องการตำแหน่งนี้เป็นเพราะอะไร พวกเจ้าแค่ต้องการฝึกฝนเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุด เคล็ดวิชาไร้ที่เปรียบ! แล้วตอนนี้เจ้าคิดว่าเจ้าคู่ควรกับมันไหม?”
สัวไค่เฟิงระเบิดพลังออกมา ตอนนี้ไม่มีใครรู้สึกว่าเขาเหมือนกับคนที่กำลังจะตาย แต่เหมือนกับยังหนุ่มแน่น จนไม่มีศัตรูหน้าไหนต้านติด
กลิ่นอายที่น่ากลัวของเขาทำเอาผู้คนที่อยู่รอบพากันใจสั่น พวกเขาไม่เห็นประมุขออกมานานแล้ว พลังของอีกฝ่ายยังคงน่ากลัวเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด
พวกผู้อาวุโสใหญ่สีหน้าดำคล้ำ ผู้อาวุโสสามรีบลุกขึ้นมา พร้อมกับคุกเข่ายังที่ที่ถูกถีบกระเด็น พร้อมกับก้มหัวต่ำ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา พวกเขาหวาดกลัวประมุขมาก แล้วจะให้เอาแรงที่ไหนไปต่อต้านกัน?
“ยิ่งกว่านั้น ต่อให้พวกเจ้าไม่ต้องเป็นประมุข ก็สามารถฝึกเคล็ดวิชาไร้ที่เปรียบนี้ได้เช่นกัน! มันไม่ได้มีกฎว่าต้องเป็นประมุขเท่านั้นที่สามารถฝึกได้” สัวไค่เฟิงพูดอย่างเย็นชา
“อะไรนะ!?” พวกเขาพากันเงยหน้าด้วยความตกใจ กระทั่งคนอื่นๆ ก็มองไปยังสัวไค่เฟิงด้วยความตกใจเช่นกัน ไม่รู้ว่ามันหมายความยังไง
ที่พวกเขาหวังจะขึ้นเป็นประมุข ก็เพื่อเคล็ดวิชาไร้ที่เปรียบนี่แหละ เพราะว่ามันคือมรดกของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ซึ่งมีเพียงประมุขเท่านั้นที่จะได้รับมา แต่ตอนนี้สัวไค่เฟิงกลับบอกว่าไม่ต้องเป็นประมุขก็สามารถฝึกได้ นี่ไม่ใช่ว่าทำให้ทุกคนพากันหัวเราะหรือไง?
“หากต้องการฝึกเคล็ดวิชาไร้ที่เปรียบนั้น จริงอยู่ที่ต้องผ่านเงื่อนไขบางอย่าง แต่ตราบเท่าที่สร้างคุณูปการมากพอ อีกทั้งไม่ขาดพรสวรรค์ ก็สามารถฝึกได้ ที่ข้าไม่ให้พวกเจ้าฝึกนั้นเพราะว่าจิตเต๋าของพวกเจ้านั้นไม่มั่นคง ด้วยจิตเต๋าของเจ้าในตอนนี้ ข้าจะให้เจ้าฝึกมันได้ยังไง?” สัวไค่เฟิงพูดอย่างเย็นชา “กระทำเรื่องโหดร้ายต่อคนในเผ่าเดียวกัน ตามกฎของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเรา เจ้าคิดว่าตัวเองต้องรับโทษแบบไหน?!”
พวกเขาพากันร่างโงนเงน ในสายตาเผยให้เห็นถึงแววตาที่สยองขวัญ
“ท่านประมุข พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราผิดไปแล้วจริงๆ….. พวกเราถูกความโลภบังตา ได้โปรดให้โอกาสพวกเราอีกครั้งด้วยเถอะ จะให้พวกเรารักษาอี้ซิงเฉิน หรืออะไร พวกเราล้วนแต่เต็มใจทั้งนั้น!”
“ใช่แล้ว พวกเราไม่อยากถูกทำลายพื้นฐานฝึกตน แบบนี้ไม่ต่างจากตายทั้งเป็นเลย…..”
บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ใครหวังจะให้ตัวเองถูกทำลายพื้นฐานฝึกตนบ้าง เพราะการทำอย่างนั้น ก็ไม่ต่างไปจากคนพิการแม้แต่น้อย พวกเขาล้วนแต่เป็นตัวตนระดับผู้อาวุโส หากว่าถูกทำลายพื้นฐานฝึกตนไป พวกเขายังจะมีฐานะอะไรอีก อนาคตที่แสนสดใสของพวกเขาก็ต้องกลายเป็นสูญเปล่าไป
Their sons complexions are ugly, but is actually has no way to prevent all.
“กระทำการโหดร้ายต่อคนในเผ่าเดียวกัน ต้องถูกทำลายพื้นฐานฝึกตน จากนั้นต้องถูกจับขังในห้องปิดตายจนกว่าจะตาย!” สัวไค่เฟิงพูดอย่างเย็นชา “หากไม่ถูกลงโทษเช่นนี้ ก็ไม่สาสมกับการกระทำของพวกเจ้า!”
“ไม่ ไม่! อี้ซิงเฉินนั้นเต็มใจหนีออกไป ก็เท่ากับทรยศแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน แบบนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นคนในเผ่าเดียวกับแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเรา!” ผู้อาวุโสใหญ่แย้งขึ้นมาทันที “ที่พวกเราลงโทษเขา ก็เพื่อทำให้พวกเขารู้ว่าการทรยศแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนนั้นต้องพบกับชะตากรรมแบบไหน!”
นี่มันหาข้ออ้างขึ้นมาชัดๆ แต่ก็ทำให้ผู้คนพากันตกใจ เมื่อคิดดีๆ แล้ว มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ อี้ซิงเฉินพาเจียวหลิงเหอหนีไป ก็หมายความอีกฝ่ายไม่ใช่คนของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนแล้ว การที่พวกเขาจะกำจัดอีกฝ่าย ก็ต้องไม่มีปัญหาสิ
สัวไค่เฟิงก็ตกใจเช่นกัน ทำให้เขาพูดไม่ออก อี้ซิงเฉินเลือกที่จะหันหลังให้แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ดังนั้น ต่อให้สังหารพวกเขาไปจริงๆ ก็ไม่ผิดอะไร
“ช่างเป็นคำพูดที่ดีจริงๆ! ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการให้พวกเขาจากไปตลอดกาลหรือไง? หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าต้องการขับไล่พวกเขา แล้วพวกเขาจะหนีไปได้ยังไง?” อี้หยวนหลงพูดอย่างเย็นชา “หากเจ้าคิดว่าเขาเป็นคนทรยศ งั้นข้าก็จะขอแก้แค้นแทนซิงเฉิน ทำการทำลายพื้นฐานฝึกตนของเจ้าเอง!”
“ฮ่าๆๆ แต่ว่าพวกเราเป็นเผ่าเดียวกัน หากว่าทำลายพื้นฐานฝึกตนข้า ก็เท่ากับละเมิดกฎของเผ่า!” ผู้อาวุโสสามหัวเราะเยาะ “ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร อี้ซิงเฉินก็หันหลังให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ไม่ถือว่าเป็นคนเผ่าเดียวกันอีก!”
ไม่คิดว่าในช่วงวิกฤตเช่นนี้ พวกเขาจะยังหาช่องโหว่ได้อยู่อีก ทำให้ประมุขต้องไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
อี้หยวนหลงก็ตกใจ จากนั้นสีหน้าก็จมลง พร้อมกับกำหมัดแน่น หากว่าเขาลงมือ ก็จะเป็นแบบนั้นจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะทำเรื่องที่ผิด แต่ก็ถือว่าเป็นเผ่าเดียวกัน
นี่เป็นกฎที่ราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนตั้งไว้ ไม่มีใครสามารถลบมันได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้มีการลงโทษที่โหดเหี้ยมขนาดนั้น ตอนนี้มันกลับมีช่องโหว่ขนาดใหญ่ ทำให้อี้หยวนหลงแทบจะกระอักเลือดออกมา
ในตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามก็ได้พากันลุกขึ้น พร้อมกับในสายตาที่เต็มไปด้วยความสุข ก่อนหน้านี้ที่ถูกเปิดโปงออกไป พวกเขาก็คิดว่าอี้ซิงเฉินไม่ใช่คนของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนแล้ว ต่อให้ฆ่าแล้วจะทำไม?
เรื่องที่กลับตาลปัตรอย่างนี้ ทำให้ผู้คนพากันตกใจ ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาหลอกลวงผู้คน แต่ก็ไม่ได้ทำผิดกฎ! เจียวหลิงเหอไม่ใช่คนของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเช่นกัน เธอยังไม่ผ่านการแต่งงานเข้าตระกูลมาเลย ดังนั้นต่อให้ลงมือแล้วจะทำไม?
“งั้นให้ข้าสู้กับเจ้าเพื่อล้างแค้นแทนพ่อของข้าแล้วกัน” ในตอนนี้เอง อี้เทียนหยุนก็ได้เสนอหน้าออกมา พร้อมกับพลิกฝ่ามือ เรียกกระบี่เทพเอ้อเทียนขึ้นมือมา ทำให้กลิ่นอายชั่วร้ายถูกปล่อยออกมา พร้อมกับโคจรขึ้นไปบนแขนเขา จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ใช่คนของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ดังนั้นการจะจัดการกับเจ้า ย่อมไม่ต้องรับโทษอะไร”
“น่าขัน! เจ้าไม่ใช่คนของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน หากลงมือกับพวกเรา ก็เท่ากับหาเรื่องแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้เหรอ!” ผู้อาวุโสสามมองมาที่เขาอย่างเย็นชา ในสายตาเต็มไปด้วยความหยอกล้อ อุตส่าห์ลงแรงไปตั้งมาก แต่สุดท้ายแล้วก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้ นี่ทำให้ในใจของเขารู้สึกสดชื่นจริงๆ
“เป็นศัตรูกับแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องนี้ย่อมไม่มีปัญหา หากว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนหาเรื่องข้า เพื่อเห็นแก่หน้าราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ข้าสามารถไว้ชีวิตได้ครั้งหนึ่ง แต่หากมีครั้งที่สอง ข้าย่อมไม่มีทางออมมืออย่างเด็ดขาด”
คำพูดนี้เปรียบดังฟ้าร้องเข้าไปในหูผู้ฟัง! ไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะกล้าพูดอย่างนี้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ธรรมดาด้วย
เจียวหลิงเหอที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้เธอได้บอกกับลูกชายตนแล้วว่าอย่างได้ใจร้อน มาตอนนี้กลับพูดอย่างนี้ออกมา แต่ไม่ว่ายังไง เธอก็เลือกที่จะยืนอยู่ข้างอี้เทียนหยุน เธอไม่อยากต้องแยกจากกันอีกต่อไปแล้ว
“ที่ข้ายังไม่ถล่มแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะว่าพ่อของข้าเป็นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน อีกทั้งท่านปู่ก็อยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงได้ไว้หน้าพวกเจ้า” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าจะประลองเป็นตายกับพวกเจ้า หากพวกเจ้าจัดการข้าได้ อุปกรณ์เซ็ตนี้ก็จะเป็นของพวกเจ้า และข้าก็จะไม่ถามหาความรับผิดชอบจากพวกเจ้าอีกแม้แต่น้อย ว่ายังไง?”