ตอนที่ 714: ประลอง!
ประลองเป็นตาย?
ผู้คนทั้งหลายพากันตกใจ เจ้าเด็กนี่สมองมีปัญหาหรือเปล่า? นี่เขาเลือกที่จะประลองเป็นตายจริงๆ สองคนนี้อยากจะสังหารเขาอยู่แล้ว และตอนนี้เขาก็เลือกที่จะประลองเป็นตาย นี่ไม่เรียกว่าโง่แล้วจะเรียกว่าอะไร
“นี่ทำไม่ได้!” อี้หยวนหลงรีบแนะนำ นี่เป็นหลานชายของเขา แล้วเขาจะปล่อยให้หลานชายของตนเข้าไปในปากเสือได้ยังไง?
“ดี!” ผู้อาวุโสสามหัวเราะ “นี่เป็นเจ้าพูดเองอย่าได้เสียใจซะล่ะ เจ้าบอกว่าจะสู้กับพวกเราสองคนสินะ? เจ้าหนูอย่างเจ้านี่ช่างอวดดีจริงๆ แต่จัดการกับเจ้า แค่ข้าคนเดียวก็พอแล้ว!”
“ใช่ ข้าไม่เหมือนพวกน่าอายอย่างพวกเจ้าสองคน ข้าไม่มีทางคืนคำอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนชี้ไปที่พวกเขาแล้วพูดว่า “แต่ที่ข้าบอกว่าพวกเจ้าสองคนนั้น ไม่ใช่สู้กับพวกเจ้าทีละคน เจ้าเข้าใจหรือเปล่า?”
อวดดี! อวดดียิ่งนัก คนเดียวจะสู้กับผู้อาวุโสพร้อมกันสองคน นี่หัวของเขาจะต้องถูกลาถีบมาอย่างแน่นอน
แม้น้ำเสียงจะดูอวดดี แต่ผู้คนกลับรู้สึกว่าอี้เทียนหยุนกำลังทำเรื่องโง่ๆ มากกว่า แค่คนเดียวก็ไม่น่าจะสู้ไหวแล้ว แต่นี่กลับต้องการสู้พร้อมกันสองคน?
พวกเจียวหลิงเหอพากันหน้าเปลี่ยนสี นี่มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตรายอย่างมาก พวกเขาเป็นผู้อาวุโส แล้วจะเป็นพวกไร้ความสามารถได้ยังไง โดยเฉพาะยามเมื่อร่วมมือกัน พวกเขาย่อมสามารถกวาดล้างทุกแผนการได้อย่างแน่นอน
“ลูก นี่ทำไม่ได้ ระดับของพวกเราไม่ใช่ธรรมดา…..” เจียวหลิงเหอรีบห้าม
“ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ลูกตัดสินใจแล้ว” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“พี่ ท่านไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว เชื่อใจเทียนหยุนเถอะ” ชิเสวี่ยอวิ๋นกอดแขนเจียวหลิงเหอ บอกให้เธอใจเย็น อย่าได้กังวล
เธอไม่ได้เป็นกังวลเลยตั้งแต่เริ่ม เธอเชื่อในการตัดสินใจของอี้เทียนหยุน หากว่าวันใดอี้เทียนหยุนตาย เธอก็จะตายตามไปด้วย โดยไม่รู้สึกเสียดายอะไร
“แต่นี่คือผู้อาวุโสถึงสองคนเลยนะ…..” เจียวหลิงเหอกังวล เธอเคยเห็นพลังของอี้เทียนหยุนมาก่อน แต่ผู้อาวุโสสองคนนี้ก็ไม่ใช่ธรรมดา เพราะพวกเขาคือผู้อาวุโสที่ฝึกวิชาของราชาศักดิ์สิทธิ์ หากเทียบกับโจรภูเขาด้านนอกแล้ว ถือว่าแข็งแกร่งกว่ามากนัก
ตัวอย่างเช่น พวกโจรภูเขานั้นพากันฝึกวิชายุทธ์ระดับสวรรค์ขั้นต่ำ แต่พวกเขานั้นฝึกวิชายุทธ์ระดับสวรรค์ขั้นสูง เพียงแค่ระดับของวิชายุทธ์ก็แตกต่างกันแล้ว ไม่ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ
ของอย่างวิชายุทธ์นี้ สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมากมายมหาศาล แม้จะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่วิชายุทธ์ระดับสวรรค์ขั้นสูงก็สามารถบดขยี้ผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกันได้ หรือกระทั่งสามารถเอาชัยในสงครามได้มากถึง 2 ขั้น
แต่หากให้ผู้อาวุโสใหญ่ที่มีระดับราชาวิญญาณขั้นสูงสุดปะทะกับผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียน เกรงว่าต่อให้เขาลงมือไปร้อยกระบวนท่า ก็คงไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ และนี่คือความน่าสะพรึงกลัวของระดับชั้น
ตอนนี้ยิ่งต้องต่อสู้กับผู้อาวุโสสองคนพร้อมกัน ความยากของมันนั้นมากถึงขั้นน่าตระหนก หรือจะให้พูดว่าวิ่งเข้าหาความตายก็ไม่ได้น่ารังเกียจเลย
“เด็กเอ๊ย เจ้าจะใจร้อนอย่างนี้ไม่ได้ ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธมาก แต่พวกเจ้าจัดการได้ไม่ง่ายจริงๆ หากคิดจะประลองเป็นตายจริงๆ ก็ควรให้ปู่เป็นคนเข้าไป!” อี้หยวนหลงกัดฟันแน่น พร้อมกับออกหน้าในที่สุด “การประลองเป็นตายนี้ ข้าจะเป็นผู้ประลองเอง ต่อให้ต้องรับโทษ จนถึงกับต้องทำลายพื้นฐานฝึกตน ข้าก็ไม่สามารถให้หลานชายต้องมาแบกรับหน้าที่นี้ได้เด็ดขาด!
ต่อให้เขาต้องถูกลงโทษในท้ายที่สุด ก็ต้องสู้กับพวกเขา ดูได้จากวิธีการที่พวกเขาทำที่ภายนอก หากเขาไม่ทำอะไรวันนี้ จะต้องถูกจิตมารเข้าสิงอย่างแน่นอน ไม่ว่ายังไงวันนี้ก็จะต้องปลดปล่อยมันออกมา
“ท่านปู่ ข้าสามารถจัดการพวกเขาได้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เชื่อข้า!”
อี้เทียนหยุนมองไปที่อี้หยวนหลงด้วยสายตาเป็นประกาย ส่วนอี้หยวนหลงก็เหมือนกับมองเห็นลูกชายของตน ในตอนแรกหลายคนพากันห้ามปรามเขา แต่ไม่ว่ายังไงลูกชายของเขาจะแต่งกับเจียวหลิงเหอให้ได้ พร้อมกับตัดสินใจหนีตามกันไป!
เขารู้ว่านี่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จึงทำได้เพียงตามใจลูกชายของตน
“ประมุข ไม่ทราบว่าท่านจะยินดีเป็นพยานให้กับการประลองเป็นตายนี้ได้หรือไม่?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “นี่ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวอะไรกับสำนัก เป็นการประลองเป็นตายอย่างแท้จริง”
แม้ว่าคนอื่นจะคิดว่าหัวของเขาถูกถีบมา แต่อี้เทียนหยุนรู้พลังของตนเองดี รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนแล้วยังไง ไม่ว่ายังไงเขาก็จะขยี้มันอยู่ดี!
สัวไค่เฟิงเงียบไปสักพัก จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการประลองเป็นตายนี้ โดยเฉพาะนี่เป็นเรื่องส่วนตัว หากว่าเจ้ายินดี ข้าก็จะเป็นพยานให้”
อี้เทียนหยุนไม่สนใจแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนอยู่แล้ว ถึงยังไงเขาก็ไม่คิดจะเข้าร่วมกับอีกฝ่าย
“ขอบคุณประมุขมาก “อี้เทียนหยุนพูดขอบคุณ
เขาไม่ได้ต้องการจะเกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน เขาแค่ต้องการการสนับสนุนจากแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่พ่อของเขาตื่นขึ้นมา ก็คงไม่อยากจะเห็นแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนต้องถูกทำลายไป
“เจ้าหนู เรื่องนี้ต้องพูดกันให้ชัดเจน หากพวกเราชนะ อุปกรณ์ระดับเทวะเซ็ตนั้นของเจ้าจะตกเป็นของพวกเราใช่ไหม? และนี่ก็จะเป็นการประลองเป็นตายด้วย? ในการประลองนี้ เจ้าจะใส่อุปกรณ์ระดับเทวะเซ็ตนั้นเข้าประลองด้วยอย่างงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสสามพูดเสียงดัง พร้อมกับจับจ้องไปที่อาวุธในมือเขาอย่างดื้อด้าน ราวกับว่ามันเป็นของในถุงย่ามของเขา
ที่เขาต้องถามเยอะขนาดนี้ ก็เพราะว่าอุปกรณ์ระดับเทวะแบบเซ็ตนี้หาได้ยากมาก อีกทั้งนี่ยังเป็นการประลองเป็นตายอีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องรุนแรงมากอย่างแน่นอน
“ใช่ เป็นการประลองเป็นตาย ตราบเท่าที่เจ้าชนะข้า หรือสังหารข้าได้ อุปกรณ์เซ็ตนี้จะเป็นของเจ้า ข้าจะใช้แค่กระบี่ระดับเทวะนี้เท่านั้น ส่วนอย่างอื่นข้าจะไม่ใช้มัน” อี้เทียนหยุนตอบกลับเบาๆ
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามตาเป็นประกาย พร้อมกับตอบรับในทันที “ดี ไม่มีปัญหา ประลองเป็นตาย พวกเรารับคำท้า!”
ในสายตาของพวกเขาเผยประกายชั่วร้ายออกมาหลายส่วน ในเมื่อเป็นการประลองเป็นตาย พวกเขาก็จะไม่มีทางปล่อยอี้เทียนหยุนไปอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้อี้เทียนหยุนได้ทำการเปิดโปงผู้อาวุโสสาม ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปเด็ดขาด
เมื่อถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่ชีวิตของเขาจะไม่เหลือเท่านั้น แม้แต่อุปกรณ์ระดับเทวะเซ็ตนั้นก็จะตกเป็นของพวกเขา นี่ถือว่าเป็นการเสียทั้งชีวิตและอุปกรณ์
คนอื่นๆ พากันส่ายหัว แม้ว่าพวกเขาจะรู้ถึงความชั่วร้ายของผู้อาวุโสแล้ว แต่ก็ได้แต่บอกว่าอี้เทียนหยุนนั้นเป็นคนโง่ โง่คนไม่มีใครเทียม
“แล้วจะประลองกันที่ไหน?” อี้เทียนหยุนถามขึ้นอย่างสบาย
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นล่ะ ประลองกันที่นี่แหละ ที่นี่คือวิหารหลัก หากว่าเจ้าสามารถทำลายได้ ถือว่าเจ้าร้ายกาจ” สัวไค่เฟิงพูด
“ตกลง สถานที่เอาเป็นที่นี่ ไม่มีปัญหาใช่ไหม?” อี้เทียนหยุนมองไปที่พวกเขา
“แน่นอน ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว พวกเราที่ไหนก็ได้” ผู้อาวุโสสามพูดอย่างไม่ใส่ใจ “แม้ว่าเจ้าจะบอกว่าจะสู้กับพวกเราสองคนพร้อมกัน แต่พวกเราในฐานะผู้อาวุโส ก็จะไม่เอาเปรียบเจ้า แค่ข้าคนเดียวก็จัดการเจ้าได้อย่างเหลือเฟือแล้ว”
“ตามใจเจ้า ในเมื่อเจ้าแส่หาความตายเอง ข้าก็ยินดี” อี้เทียนหยุนเอ่ย “เชิญเจ้าลงมือก่อนได้เลย”
ในตอนนี้ ผู้คนต่างก็พากันถอยออกไปเล็กน้อย เว้นพื้นที่ให้พวกเขาได้ต่อสู้กัน วิหารหลักค่อนข้างกว้าง นอกจากจะเล่นไล่จับ ไม่อย่างนั้นย่อมมีพื้นที่ว่างอย่างเหลือเฟือ
“เจ้าหนู เหมือนว่าเจ้าจะอวดดีมากสินะ?” ผู้อาวุโสสามหัวเราะเยาะ “เมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าก็ไม่ขอเกรงใจแล้วกัน ต้องขอบอกก่อนแล้วกัน ว่ากระบี่ไร้นัยน์ตา ผู้อาวุโสรอง คนผมหงอกอย่างเจ้า คงต้องยืนส่งคนผมดำแล้ว อย่าได้มาโทษข้าล่ะ!”
ผู้อาวุโสสามพลิกฝ่ามือ จากนั้นก็มีไม้เท้ายาวโผล่ขึ้นมาบนมือเขา นี่คือไม้เท้าระดับเทวะ หมายความว่าอุปกรณ์ระดับเทวะของอี้เทียนหยุน จะไม่สามารถสร้างความได้เปรียบได้มากเท่าไหร่นัก
การประลองกำลังจะเริ่มขึ้น แต่ผู้คนพากันคิดว่าการประลองนี้ไม่มีความหมายอะไร เพราะถึงยังไงผู้อาวุโสสามก็จะต้องชนะอย่างแน่นอน