ตอนที่ 717: กลืนสวรรค์
“เจ้าหนู สมแล้วจริงๆ ที่เป็นวัวหนุ่มไม่กลัวเสือ ข้าชื่นชมในความกล้าของเจ้าที่กล้าพูดคำนี้ออกมาจริงๆ แต่ว่าน่าเสียดายที่การประลองจะต้องจบลงแล้ว อุปกรณ์เซ็ตนี้จะต้องเป็นของข้า! และข้าก็หวังว่าชาติหน้า เจ้าจะหัดรู้จักถ่อมตนบ้าง อย่าได้เอาแต่อวดดีเช่นตอนนี้!”
ผู้อาวุโสใหญ่สับขวานลงมาที่อี้เทียนหยุนอย่างไม่มีการออมแรง พร้อมกับลำแสงดาราที่ยิงลงมาจากกลางอากาศในทันที ก่อนที่ตัวคนจะกลายเป็นดั่งดาวหางพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วที่เร็วมากจริงๆ มากจนทำให้ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ที่ดูอยู่มองไม่เห็น เห็นแต่เพียงลำแสงที่ลากเป็นทางยาวผ่านตาไปเท่านั้น
เสือร้าย ต่อให้ต้องล่าแค่กระต่าย ก็ต้องลงมือสุดกำลัง!
ผู้อาวุโสใหญ่ไม่มีการออมมือแม้แต่น้อย แต่ใช้ออกด้วยพลังเต็มพิกัด ต่อให้อี้เทียนหยุนจะมีระดับที่ต่ำกว่ามาก แต่เขาก็จะทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อจัดการกับเขา
เขาก็เป็นคนเช่นนี้เอง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เขาก็จะไม่มีทางออมมืออย่างเด็ดขาด เขาคิดว่าพลังของอี้เทียนหยุนก็ไม่ได้แย่ หากว่าหลบได้คงเป็นปัญหา ดังนั้นจึงใช้ออกด้วยพลังเต็มที่!
ภายใต้พลังที่น่ากลัวนี้ ทำให้พื้นปฐพีถึงกับสั่นไหว ถึงขนาดว่ามีเปลวเพลิงผุดขึ้นมา แต่ว่าดีที่ค่ายกลคอยยับยั้งไว้ ไม่อย่างนั้นคงถูกพลังนี้บดขยี้จนกลายเป็นผุยผง เมื่อพลังดาราที่แสนจะน่าสะพรึงกลัวที่มาจากบนฟ้ามาถึง หากที่นี่เป็นสถานที่ทั่วไปแล้วล่ะก็ คงจะถูกป่นเป็นผงไปเรียบร้อยแล้ว
“เทพดาราสะบั้น!”
ผู้อาวุโสใหญ่เหวี่ยงขวานยักษ์ในมือเข้าใส่อี้เทียนหยุน นี่มันจะไปเหมือนกับผู้อาวุโสลงมือกับรุ่นเยาว์ที่ไหนกัน นี่มันไม่มีการออมมือแม้แต่น้อย แต่เป็นการใส่สุดแรงเลยต่างหาก
“พลังดาราทำให้ข้าสามารถทะลวงได้แม้แต่สวรรค์ ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะต้านรับพลังดารานี้ยังไง!”
อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา พร้อมกับยิงพลังออกไปจากกระบี่เทพเอ้อหลิง “พรึบ” เมื่อเสียงเปล่งออกไป ก็ตามมาด้วยวิญญาณร้ายที่น่าสะพรึงพุ่งออกไปเผชิญหน้า พร้อมกับโอบล้อมเขาเอาไว้
วิญญาณร้ายพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสใหญ่อย่างกล้าหาญ และในพริบตานี้เอง เอฟเฟ็กหนึ่งของเซ็ตหายนะบรรพกาลก็ได้แสดงผลออกมา
“ติ๊ง ท่านเปิดใช้งานคริติคอลสำเร็จ พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 3 เท่า!”
“เปรี้ยง!”
วิญญาณร้ายพวกนั้นที่พุ่งเข้าไปอย่างกล้าหาญก็ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้น 3 เท่า พร้อมกับพากันเปิดปากขนาดมหึมาของมันกลืนกินพลังโจมตีที่พุ่งเข้ามา โดยเฉพาะกลิ่นอายที่ชั่วร้ายอย่างน่ากลัวนี้ได้เข้าปกคลุมไปทั่งทั้งวิหารหลักในพริบตา เพียงเข้ามาใกล้เล็กน้อย ก็จะได้รับผลกระทบในทันที ส่งผลให้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับวิญญาณในร่างกำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ได้รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าเข้าไปใกล้แม้แต่ครึ่งก้าว หากว่ายังฝืนยืนอยู่ใกล้ๆ อีก วิญญาณของพวกเขาจะต้องถูกฉีกออกจากกันอย่างแน่นอน แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ผลกระทบที่วิญญาณร้ายปล่อยออกมาเท่านั้น หากว่าถูกโจมตีเข้าไปตรงๆ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
ทุกคนต่างก็มองดูวิญญาณร้ายที่อัดแน่นในวิหารหลักอย่างหายใจไม่ออก ตัวคนต่างก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา นี่เป็นฉากที่น่ากลัวที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นมา การโจมตีนี้ พูดได้ว่าเหนือไปกว่าผู้อาวุโสใหญ่ กระทั่งว่าเหนือกลัวทุกสรรพสิ่ง!
“แหลกไปซะ!”
ผู้อาวุโสใหญ่คำรามออกมา พร้อมกับเหวี่ยงขวานออกไปนับไม่ถ้วน ทำให้ขวานเทพดาราเปล่งแสงเจิดจ้าออกมาอย่างน่ากลัว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความมืดที่ไร้สิ้นสุดนี้ ลำแสงดาราของเขาก็เปรียบเสมือนแสงเทียนเล่มเล็กๆ ที่ส่องสว่างท่ามกลางลมหนาว พริบตาก็ดับลง
ลำแสงที่เจิดจ้านี้ ภายใต้การโจมตีที่น่าสะพรึงของวิญญาณร้าย ก็ได้ถูกกลืนกินโดยสมบูรณ์!
“เปรี้ยง!”
พลังที่น่าสะพรึงกลัวทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน จากนั้นขวานเทพดาราก็ได้ตกลง ตอนแรกมันก็เริ่มเปิดออกเล็กน้อย แต่ในที่สุด พริบตาลำแสงเจิดจ้านั้นก็ถูกหมอกสีดำอันไร้สิ้นสุดกลืนกินไป เหลือไว้แต่วิญญาณร้ายขนาดมหึมาที่ยังคงอ้าปากกลืนกินมาข้างหน้า พร้อมกับทำการขบกัดดวงดาราที่ปกคลุมอยู่บนท้องนภา
เพียงพริบตาเดียว ทั่วทั้งโลกก็กลายเป็นมืดมิด เหมือนกับวันตัดสินได้มาถึง แม้จะยื่นมือออกไป ก็ไม่สามารถมองเห็นแม้แต่นิ้วของตนเอง มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง
“กละ กลืนสวรรค์?”
ผู้คนพลันนึกถึงคำนี้ขึ้นมาในทันที พลังดาราที่เจิดจรัสที่พวกเขาภาคภูมิใจ กลับต้องมาถูกกลืนเข้าไปทั้งอย่างนี้! พร้อมกับถูกแทนที่ด้วยความมืดอันไร้สิ้นสุด ปกคลุมโลกใบนี้แทน
แต่เหตุการณ์นี้ก็ไม่คงอยู่นานนัก ไม่นาน วิญญาณร้ายก็ได้ถอนตัวออกมา ทั้งหมดถูกเรียกกลับเข้าไปในกระบี่เทพเอ้อหลิง ทำให้วิหารหลักได้แสงสว่างกลับคืนมา ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ บริเวณรอบๆ ไม่มีสิ่งใดถูกทำลาย และคนรอบๆ ก็ไม่มีผู้ใดที่ถูกทำร้าย
มีเพียงแต่ผู้อาวุโสใหญ่ที่นอนกองอยู่กับพื้นพร้อมกับสีหน้าที่ดำสนิท ขณะที่กำลังเอามือกุมหัวพร้อมกับกรีดร้องเสียงดังเป็นเพื่อนผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิญญาณของเขากำลังถูกกัดกินทีละน้อย ได้รับผลไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่แตกต่างที่สุดก็คือ พลังโจมตีที่น่าสะพรึงกว่า เมื่อเทียบกับของผู้อาวุโสสามแล้ว ของผู้อาวุโสใหญ่รุนแรงกว่ามากนัก
ทั้งสองต่างก็ไม่ใช่ระดับเดียวกัน นี่ทำให้ผู้คนต้องตาโตด้วยความตกใจ ผู้อาวุโสใหญ่ที่มีศักยภาพไร้เทียมทาน กลับต้องมาถูกจัดการในพริบตาอย่างนี้เลย?
พวกเขาเพียงแค่ลงมือกันคนละหนึ่งกระบวนท่า แต่พลังของอี้เทียนหยุนกลับอหังการกว่า ทำการสยบผู้อาวุโสใหญ่เอาไว้ได้อย่างเด็ดขาด ยังไงก็ตาม ผู้คนต่างก็พากันเห็นว่าอี้เทียนหยุนยังออมมือให้อยู่! หากว่าเขาให้วิญญาณร้ายทำการโจมตีต่อ เขาก็จะสามารถจัดการกับผู้อาวุโสใหญ่จนตายได้ในทันที แต่ว่าเขาก็ไม่ทำ
“พลังดาราก็ดีอยู่หรอก แต่ว่าเสียใจด้วยที่ต้องมาถูกข้ากลืนเข้าไป” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “พวกเจ้าทั้งสองค่อยๆ ลิ้มลองรสชาติที่วิญญาณกำลังถูกกัดกินทีละน้อยไปเถอะ และก็หวังว่าชาติหน้าจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้”
เขาทำการเก็บกระบี่เทพเอ้อหลิงกลับคืน ผู้คนต่างก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าโง่งม ไม่ใช่ว่าเขานั้นทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง หรือว่าอวดดีเกินไป และก็ไม่ใช่ว่าเขาจะหลงมัวเมาไปกับชัยชนะ แต่เป็นเพราะว่าเขามีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทำสิ่งเหล่านี้
การที่ผู้อาวุโสใหญ่ถูกจัดการเช่นนี้ ก็หมายความว่าพลังของเขาเมื่อเทียบกับของผู้อาวุโสใหญ่แล้ว แข็งแกร่งกว่า? หากว่าพลังแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสใหญ่ ก็หมายความว่าเขาเป็นระดับราชาเซียน
ลูกชายของอี้ซิงเฉินคือราชาเซียน เป็นราชาเซียนทั้งที่ยังเด็กขนาดเลย?
ผู้คนยังตกตะลึงกันไม่หาย เจียวหลิงเหอก็เอามือปิดปากด้วยความตกใจ แต่อี้หยวนหลงกลับตกใจมากกว่า พวกเขาพากันวิตกเป็นอย่างมาก แต่ว่าอี้เทียนหยุนกลับสามารถมีชัยตั้งแต่เริ่ม นี่เป็นพวกเขาพากันวิตกเกินเหตุ ไม่เชื่อมั่นใจพลังของเขา
“อ๊ากกกก……”
พวกเขาทั้งสองยังคงกรีดร้องออกมาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถทนต่อการกัดกินวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ การกัดกินนี้เป็นไปทีละน้อยด้วยความเร็วที่ไม่เร็วแต่ก็ไม่ช้า นี่เป็นเพราะอี้เทียนหยุนได้ควบคุมไว้ เขาไม่ต้องการคนทั้งคู่นั้นตายเร็วเกินไป
“ช่วยด้วย ท่านประมุขช่วยเราด้วย…..” ผู้อาวุโสใหญ่ลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ใบหน้าของเขาเผือดสีไปอย่างมาก ขณะที่เหงื่อของเขาตอนนี้ชุ่มพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหมือนกับแช่อยู่ในอ่างน้ำก็ไม่ปาน
เขาพยายามคลานเข้าไปหาสัวไค่เฟิงอย่างยากลำบาก ใบหน้าของเขาซีดขาว เขายังไม่อยากตาย ยังอยากมีชีวิตต่อ แต่ตอนนี้เขารู้สึกมีชีวิตไม่ต่างกับตาย รู้สึกอยากจะฆ่าตัวตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
แต่ว่าเขาก็ไม่ทำ เขาไม่มีความกล้าพอที่จะฆ่าตัวตายเช่นนี้
“ฮึ่ม!” สัวไค่เฟิงกระแทกไม้เท้าลงกับพื้น ทำให้พวกเขาทั้งสองถูกตรึงไว้กับที่ในทันที เหมือนกับมีกำแพงขวางพวกเขาไว้ “นี่เป็นการประลองเป็นตาย ในเมื่อพวกเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา”
เขาไม่ได้เลือกที่จะช่วยคนทั้งสอง แต่เลือกที่จะยืนอยู่ฝ่ายอี้เทียนหยุน เลือกที่จะตัดสินอย่างยุติธรรม! ในเมื่อได้ตัดสินประลองเป็นตายกันแล้ว หากเขาเข้าไปช่วย ก็จะถือว่าเป็นการผิดกฎ
ก่อนหน้านี้อี้หยวนหลงก็เกือบที่จะทำผิดกฎเช่นกัน หากว่าทำผิดกฎ ก็จำต้องรับผลที่ตามมา
อี้เทียนหยุนมองไปยังสัวไค่เฟิงพร้อมกับพยักหน้าอย่างพอใจ หากว่าสัวไค่เฟิงคิดจะเข้าไปช่วยจริงๆ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะสังหารคนทั้งสองนี้ทันที ต่อให้สัวไค่เฟิงจะช่วย คนทั้งสองนี้ก็ต้องตายอย่างไม่มีข้อยกเว้น!
หากไม่ใช่เพราะพวกเขา อี้เทียนหยุนจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง ก่อนหน้านี้เขาต้องตกอยู่ในวิกฤต นี่ไม่ใช่ว่าเขาใจดำ แต่กับขยะพวกนี้ เขาไม่จำเป็นต้องให้อภัย