ตอนที่ 718: ขอความเมตตา
ความใจแข็งของสัวไค่เฟิงทำให้ในใจของหลายคนพากันสั่นสะท้าน ดูเหมือนว่าประมุขของพวกเขาจะไม่ยอมอภัยให้จริงๆ ไม่คิดที่จะเข้าไปช่วย แต่ต่อให้ไม่คิดจะช่วย ก็น่าจะช่วยพูดให้หน่อยไม่ได้เหรอ
ซึ่งนี่ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจ ต้องรู้นะว่าทั้งสองคนนี้คือผู้อาวุโส จะให้มองผู้อาวุโสสองคนนี้ตายไปจริงๆ? แบบนี้จะไม่ยิ่งทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนมีกำลังรบด้อยลงไปอีกอย่างงั้นเหรอ?
สถานการณ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนค่อนข้างสาหัส อยู่ในสภาพขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ แม้จะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ความจริงนั้น สถานการณ์กลับค่อนข้างน่าอึดอัด
และที่สำคัญคือในอนาคต ผู้อาวุโสใหญ่ย่อมสามารถเข้าสู่ระดับราชาเซียนได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้กลับจะปล่อยให้อนาคตผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนตายไปทั้งอย่างนี้เลยเหรอ? จริงอยู่ที่นี่เป็นการประลองเป็นตาย แต่การที่ต้องมาเสียทั้งสองคนไปด้วยเหตุนี้ มันก็ออกจะเป็นการสูญเสียที่หนักเกินไป
ตราบเท่าที่ยอมจ่ายราคา ก็น่าจะสามารถไถ่ชีวิตของคนทั้งคู่ได้ แต่ยังไงก็ตาม สัวไค่เฟิงก็ไม่ได้ทำอย่างนี้ เลือกที่จะเป็นเพียงผู้ชมเท่านั้น!
“ท่านประมุข ท่านรีบช่วยท่านพ่อของข้าเร็วเข้า!”
ในตอนนี้เอง ลูกชายของผู้อาวุโสหรือคนที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันก็ได้พากันเข้ามาคุกเข่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนส่งคนไปลอบโจมตีพวกอี้ซิงเฉิน แต่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขา ตราบเท่าที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน มันก็จะไม่มีเรื่องอะไร
“ท่านประมุข พวกเรายินยอมชดใช้ทุกอย่าง!”
คนจำนวนมากพากันคุกเข่า พร้อมกับร้องขอให้สัวไค่เฟิงเข้าไปช่วยผู้อาวุโสทั้งสอง ชีวิตของอี้ซิงเฉินไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา ในตอนนี้พวกเขาเพียงต้องการช่วยผู้อาวุโสทั้งสองเท่านั้น
“เจ้าบอกข้าไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก หากคิดจะขอร้อง ไปพูดกับลูกชายอี้ซิงเฉินนู่น” สัวไค่เฟิงไม่ใช่คนโง่ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของอี้เทียนหยุน ด้วยอายุเท่านี้ แต่กลับสามารถมีพลังที่น่ากลัวถึงขนาดนี้ หากไม่ไว้หน้าอี้เทียนหยุน เขาจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!
นี่เป็นความคิดที่ถูกต้องที่สุดในใจเขา หากไม่ยอมตามใจอี้เทียนหยุน พวกเขาก็จะสูญเสียสุดยอดอัจฉริยะผู้นี้ไป และที่สำคัญคือ อี้เทียนหยุนไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย
นี่เป็นการประลองเป็นตาย และพวกเขาก็เป็นคนตบปากรับคำเอง หากเป็นคนอื่น พวกเขาจะยอมอภัยให้อย่างงั้นเหรอ ป่านนี้อีกฝ่ายคงถูกสับเป็นชิ้นๆ แล้ว นี่เป็นการต่อสู้แห่งความเป็นและความตายที่แท้จริง อย่าได้ดูเพียงแต่ว่าอี้เทียนหยุนไม่ได้เป็นอะไรไม่ได้
สีหน้าของพวกเขาจมลง แต่ก็ยังวิ่งไป พร้อมกับคุกเข่าลงต่อหน้าอี้เทียนหยุน ก่อนจะขอร้องให้อี้เทียนหยุนปล่อยผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามไป
“ขอร้องล่ะ ได้โปรดปล่อยผู้อาวุโสใหญ่ของพวกเราด้วย พวกเรายินดีจะแลกด้วยสมบัติทั้งหมด…..”
“สมบัติทั้งหมดของพวกผู้อาวุโสใหญ่จะยกให้เจ้า ขอเจ้าโปรดปล่อยพวกเขาไปจะได้ไหม…..”
พวกเขาพากันเอ่ยขอร้องออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทายาทของพวกเขาที่เอาแต่โขกศีรษะไม่หยุด แม้ว่าในใจจะไม่ยินยอม แต่ว่านี่ก็เป็นความจริง พลังระหว่างพวกเขาต่างกันมาก ดังนั้นจึงทำได้เพียงคุกเข่าและร้องขอความเมตตาเท่านั้น
อี้เทียนหยุนมองไปยังกลุ่มคนพวกนี้ด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนที่พ่อแม่ของข้าถูกลอบโจมตี ในใจของพวกมันพากันคิดอะไรอยู่? หากว่าความแข็งแกร่งของพ่อของข้าน้อยกว่านั้นแล้วล่ะก็ ป่านนี้พวกท่านคงตายกันไปแล้ว! ส่วนตัวข้าก็ต้องมาถูกพิษตั้งแต่ยังเด็ก หากถอนพิษไม่ได้ ข้าก็คงตายไปด้วยเช่นกัน! หากตอนแรกพวกมันไม่ทำอย่างนี้ แล้วคิดว่าจะมีวันนี้ได้อย่างงั้นเหรอ!”
“ให้ข้าถามเจ้า หากว่าพวกเราทำอย่างนั้นบ้าง ส่งคนไปลอบโจมตีผู้อาวุโสทั้งสอง อีกทั้งยังวางยาใส่ลูกของเจ้า พวกเจ้ายังจะปล่อยข้าไปไหม?”
คำถามของเขาไม่ได้รับคำตอบกลับมา แต่ละคำต่างก็กระแทกเข้าไปในใจของพวกเขา สร้างความตกใจจนหาที่เปรียบไม่ได้ ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้รับคำตอบกลับมา นั่นก็คือ ไม่มีทางที่จะปล่อยผู้อาวุโสทั้งสองไป
เพราะหากเปลี่ยนเป็นพวกเขา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ ก็จะไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน!
“ขอให้ท่านโปรดเมตตา เรื่องทั้งหมดได้ผ่านมาแล้ว ขอแค่ไว้ชีวิตผู้อาวุโสทั้งสอง….. ใช้คุณธรรมเอาชนะความชั่ว ขอเพียงท่านปล่อยผู้อาวุโสไป พวกเราจะรู้สึกเป็นพระคุณอย่างมาก!”
“ใช่ ใช่ ใช่! ใช้คุณธรรมเอาชนะความชั่ว พวกเราจะรู้สึกเป็นพระคุณอย่างมาก…..”
พวกเขาพากันขอร้องไม่หยุด หวังว่าอี้เทียนหยุนจะปล่อยผู้อาวุโสไป พากันพูดว่าให้ใช้คุณธรรมเอาชนะความชั่วออกมาไม่หยุด แต่สำหรับอี้เทียนหยุนแล้ว เรื่องนี้กลับไม่มีความหมายอะไร
“แต่ว่าต้องเสียใจอย่างสุดซึ้ง เพราะว่าข้าไม่ชอบใช้คุณธรรมเอาชนะความชั่ว ข้าไม่เคยพูดว่าตัวเองเป็นคนดี” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา “ก่อนหน้านี้พวกเขาเอาแต่ปฏิเสธไม่หยุด หาทางปฏิเสธอย่างดื้อด้าน ถึงขนาดทำให้ท่านปู่ของข้าอดใจไม่ไหวต้องพุ่งเข้าไป ทำกับคนในเผ่าเดียวกันถึงขนาดนี้ หากปล่อยให้มีชีวิตอยู่ ก็มีแต่จะสิ้นเปลืองทรัพยากรที่นี่”
อี้เทียนหยุนมองไปยังคนทั้งสองที่ดิ้นไปมาอยู่กับพื้น ไม่สนใจคำร้องขอของคนพวกนี้
ไม่ว่าพวกเขาจะขอร้องยังไง ก็เหมือนกับหยดน้ำที่ไม่สามารถเข้ามาได้ อี้เทียนหยุนมองดูผู้อาวุโสทั้งสองคนกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ดูเหมือนว่าต่อให้เขาจะยอมช่วย ก็เกรงว่าวิญญาณคงถูกกัดกินไปมากอยู่ดี
เจียวหลิงเหอสีหน้าเย็นชา ไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแม้แต่น้อย แม้กระทั่งอี้หยวนหลงเองก็ไม่ขอให้อี้เทียนหยุนปล่อยพวกเขาไป พวกเขาล้วนแต่เป็นคนที่โหดเหี้ยม รู้จักแต่ทำร้ายคน
หากคนอื่นมอบผลประโยชน์ให้กับพวกเขา อีกฝ่ายก็ย่อมตอบแทนด้วยการคดโกง และหากอีกฝ่ายให้ความเกลียดชังกับพวกเขา พวกเขาก็ต้องล้างแค้นอย่างแน่นอน!
“พวกเจ้าทั้งคู่ หากว่าทนไม่ไหวข้าอนุญาตให้ฆ่าตัวตายได้” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าจะให้ศักดิ์ศรีครั้งสุดท้ายกับเจ้า ถือว่าไว้หน้าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน”
ก็คิดว่าอี้เทียนหยุนจะพูดอะไร ที่แท้ก็จะให้พวกเขาฆ่าตัวตาย เพราะหากไม่ฆ่าตัวตาย ก็จำต้องทนกับความเจ็บปวดเช่นนี้ไปจนกว่าจะตาย
พวกเขามีทางเลือกสองทาง หากไม่ฆ่าก็ตาย ก็ต้องรอให้วิญญาณถูกกัดกินเหมือนตอนนี้
“เจ้า เจ้าจะต้องตายเยี่ยงสุนับ! ข้าขอสาปแช่งเจ้า ขอให้เจ้าไม่ได้ผุดได้เกิด!”
ผู้อาวุโสใหญ่ที่ดิ้นอยู่กับพื้นฝืนพยุงตัวลุกขึ้น พร้อมกับเตรียมฟาดฝ่ามือใส่หัวตัวเอง แต่เพิ่งจะยกมือขึ้น อี้เทียนหยุนก็ทำการตบใส่อากาศ จนทำให้เขาปลิวกระเด็นไป
“คนที่สาปแช่งไม่ให้ข้าได้ผุดได้เกิดมีอยู่มากมาย ไม่ใช่เพียงแต่เจ้า ข้าอุตส่าห์ให้ศักดิ์ศรีครั้งสุดท้ายกับเจ้าก่อนที่จะตาย แต่ว่าน่าเสียดายที่เจ้ากลับไม่รับมัน ข้าเกลียดคนที่สาปแช่งข้าที่สุด” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา “ในเมื่อเจ้าสาปแช่งข้า งั้นข้าก็จะให้เจ้าสาปแช่งตลอดไป”
จากนั้น เขาก็ไปปรากฏขึ้นตรงหน้าผู้อาวุโสใหญ่ พร้อมกับกุมหัวเข้าไว้ ก่อนที่จะดึงวิญญาณของเขาออกมา โยนไว้กลางอากาศ ก่อนที่จะดีดเปลวเพลิงเข้าใส่ แผดเผาวิญญาณของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ผู้อาวุโสใหญ่กรีดร้องออกมา ความเจ็บปวดที่ได้รับมากกว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่เท่า!
“จะ เจ้าสารเลว ขะ ข้าจะให้เจ้าตาย ข้า ข้า……” ผู้อาวุโสใหญ่แม้แต่จะพูดยังพูดติดๆ ขัดๆ เปลวเพลิงที่กำลังแผดเผาวิญญาณของเขาอยู่นี้ ทำให้เขาพูดไม่ประติดประต่อ เจ็บปวดจนต้องกรีดร้องออกมา
เหตุการณ์นี้ทำเอาคนที่ดูอยู่พากันขนหัวลุก ไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะสามารถดึงวิญญาณออกจากร่างได้ นี่มันปีศาจชัดๆ!
ผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลก็คิดอยากจะด่าเหมือนกัน แต่ในใจก็ได้สั่นสะท้านไปในทันที จากนั้นก็ได้สูดเอาลมเฮือกสุดท้าย หยิบกระบี่ตั้งขึ้นมา ก่อนที่จะโน้มตัวลงไป “ฉึก” ทำให้กระบี่เสียบทะลุหัวของเขาไป ตายจนไม่สามารถได้ตายอีก
เขาไม่มีแรงแม้แต่จะถือกระบี่ขึ้น ทำให้เพียงใช้น้ำหนักในร่างของตนกดลงไป เพื่อสังหารตัวเอง หากว่าเขายังมีแรงอยู่ เขาย่อมต้องเลือกที่จะหนีออกไปจากอี้เทียนหยุน ไม่เลือกที่จะฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน
“ตุบ” ร่างที่ไร้ลมหายใจของเขาล้มลงกับพื้นอีกครั้ง ก่อนที่จะมีเลือดไหลนอง การฆ่าตัวตายนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องทนให้วิญญาณร้ายพวกนี้กัดกินวิญญาณของตนต่อไป เพราะว่ามันก็ไม่ต่างไปจากการฆ่าตัวตายเท่าไหร่
อี้เทียนหยุนไม่แม้แต่จะชายตามอง กล้าแตะต้องคนของเขา ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใคร ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว!