ตอนที่ 721: ตกใจ
อี้เทียนหยุนเป็นปรมาจารย์กลั่นโอสถอย่างงั้นเหรอ? แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นปรมาจารย์กลั่นโอสถ เพราะระดับของกลั้นโอสถของเขาเพิ่งจะมาถึงขั้นสูงเท่านั้น ยังไม่ใช่ปรมาจารย์กลั่นโอสถ
“ใช้ค่าความชำนาญทั้งหมด!”
อี้เทียนหยุนทำการใช้ค่าความชำนาญทั้งหมดในหนึ่งอึดใจ ทุ่มค่าความชำนาญระดับล้านแต้มลงไปที่ความชำนาญในการกลั่นโอสถ เติมเต็มส่วนที่ขาดในพริบตา
“ติ๊ง ท่านเข้าสู่ระดับอาจารย์กลั่นโอสถสำเร็จ!”
“ติ๊ง ท่านเข้าสู่ระดับปรมาจารย์กลั่นโอสถขั้นปรับแต่งฉีสำเร็จ! ระดับถัดไปต้องการค่าความชำนาญ 10 ล้านแต้ม!”
เขาทำการเลื่อนระดับโดยที่ไม่มีความยากแม้แต่น้อย จากระดับอาจารย์กลั่นโอสถเข้าสู่ระดับปรมาจารย์กลั่นโอสถนั้น ต้องการค่าความชำนาญเพียง 1 ล้านแต้ม ก่อนหน้านี้ที่เขาสำเร็จภารกิจหลักมา ทำให้เขาได้รับค่าความชำนาญมาเป็นจำนวนมาก และไม่ได้ใช้มันอย่างเปล่าประโยชน์
เขาต้องรอดูสถานการณ์ก่อนว่าจะใช้กับอะไร ดูว่าตรงไหนที่ต้องการก็ใช้ตรงนั้น ไม่ได้เลือกที่จะเลื่อนระดับแบบสุ่มๆ และตอนนี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด ปกติแล้วเขาก็ไม่ค่อยมีเวลากลั่นโอสถอยู่แล้ว ตอนนี้จึงทำได้เพียงทุ่มค่าความชำนาญลงไป
จากนักกลั่นโอสถขั้นสูงช่วงท้าย ตอนนี้ก็ได้เข้าสู่ระดับปรมาจารย์กลั่นโอสถโดยตรง ความเร็วนี้พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ
“ปรมาจารย์กลั่นโอสถขั้นปรับแต่งฉี…..”
อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา ปรมาจารย์กลั่นโอสถที่แท้จริงนั้น ยังแยกย่อยได้อีกสามขั้น นั่นก็คือขั้นปรับแต่งฉี, ปรับแต่งวิญญาณ และปรับแต่งจิตวิญญาณ!
ซึ่งการมีอยู่ของสามขั้นย่อยนี้ ยิ่งขั้นสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งชำนาญมากเท่านั้น อีกทั้งความยากในการที่ไต่ขึ้นไปให้ถึงแต่ละขั้นนั้น ก็ยากอย่างมาก ยังไงก็ตาม สำหรับเขาแล้ว ขอแค่มีความชำนาญก็พอ
แม้ว่าเขาเป็นปรมาจารย์กลั่นโอสถขั้นพื้นฐาน แต่แค่การกลั่นโอสถถอนพิษนี้ก็ถือว่ามากเกินพอ ไม่มีความยากแม้แต่น้อย
“เจ้าเป็นปรมาจารย์กลั่นโอสถ!?”
ขณะที่ผู้คนต้องการสบถด่าอย่างกราดเกรี้ยวนั้น อี้เทียนหยุนก็พลันลงมืออย่างฉับพลัน อีกทั้งคำพูดที่เขาพูดออกมานั้นก็ได้สร้างความตกใจให้กับพวกเขา ยังเด็ก แต่ก็เป็นถึงสุดยอดผู้เชี่ยวชาญ แล้วนี่ยังมาบอกว่าเป็นปรมาจารย์กลั่นโอสถอีก จะโม้ก็ให้มันมีความเป็นไปได้บ้าง แต่นี่เหมือนกับว่าอยากจะพูดอะไรก็พูดโดยที่ไม่ไตร่ตรองแม้แต่น้อย
“ใช่ มีปัญหาอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนปรายตาไปด้านข้าง พร้อมกับมองไปยังคนที่ถูกตบหน้าจนบวม แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ชอบให้ใครมาสอดตอนกำลังพูด ตอนนี้ข้ากำลังพูดกับประมุขอยู่ ไม่ใช่เจ้า”
เขาก็ไม่ได้พูดกับคนอื่นจริงๆ แต่พูดกับสัวไค่เฟิงเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าอยู่ๆ ก็มีบางคนกระโดดออกมา เขาก็เลยจัดให้หนึ่งฝ่ามือโดยไม่ลังเล การอวดดีนี้ ทำให้ในใจหลายคนพากันเดือดดาล การประลองเป็นตายก่อนหน้านี้ก็ทีแล้ว มาตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าประมุขก็ยังกล้าลงมืออีก!
สัวไค่เฟิงคร้านที่จะสนใจพวกเขา คนพวกนี้ล้วนแต่คุ้นชินกับความอวดดี คิดว่าสามารถสอดขึ้นมาได้ตามต้องการ โดยไร้ซึ่งความเกรงใจ
“หากใครยังสอดปากขึ้นมาอีก ก็ให้ไสหัวออกไปซะ!” สัวไค่เฟิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา จากนั้นก็มองไปยังอี้เทียนหยุนอีกครั้ง แล้วพูดอย่างสงสัยว่า “เจ้าเป็นปรมาจารย์กลั่นโอสถจริงๆ?”
อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่พวกเจียวหลิงเหอเองก็ยังสงสัยมาก อี้เทียนหยุนยังเด็กเช่นนี้ แล้วจะเป็นปรมาจารย์กลั่นโอสถได้ยังไง?
“ท่านคิดว่าข้าจะกล้าล้อเล่นกับชีวิตพ่อของข้าอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนตอบกลับเบาๆ ทั้งยังเป็นคำตอบที่จี้ใจคนอีกด้วย
ผู้คนพากันสะดุ้งโหยงในทันที คำพูดนี้สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง อี้ซิงเฉินคือพ่อของเขา แล้วเขาจะมาก่อกวนได้ยังไง? นี่ย่อมเป็นไม่ได้อย่างแน่นอน ต่อให้อี้เทียนหยุนฝึกตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเป็นปรมาจารย์กลั่นโอสถ!
มีเพียงชิเสวี่ยอวิ๋นที่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้นที่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ เธอเคยเห็นอี้เทียนหยุนกลั่นโอสถมาก่อน และไม่เพียงแต่กลั่นโอสถเท่านั้น แต่เขายังสามารถหลอมศาสตราได้ด้วย! และแต่ละอย่างเขาก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งบางครั้งนั้น เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอี้เทียนหยุนทำได้ยังไง
แม้ว่าจะตกใจมาก แต่ว่าเธอก็ไม่ถามออกไป เพราะว่าอี้เทียนหยุนเป็นคนที่น่าเชื่อถือที่สุด ซึ่งนี่ก็เพียงพอที่เธอจะไม่ถามอะไรออกไปแล้ว
“ความคิดที่จะให้ท่านกลั่นโอสถออกมา ข้าไม่คิดจะยุ่ง ถือซะว่าเป็นโอกาสให้ท่านได้ชดใช้ความผิด” อี้เทียนหยุนส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “แต่ใครจะคิดเล่าว่าแม้แต่นักกลั่นโอสถก็ยังไม่มี แล้วยังจะไปเชิญคนจากหุบเขาเทพโอสถอีก เรื่องนี้จำต้องเสียเวลามากแน่ๆ อีกทั้งยังต้องมอบของขวัญเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่รู้ว่าใครที่จะเป็นคนลงมืออีก แล้วอย่างนี้จะให้ข้าวางใจไม่เข้าไปยุ่งได้ยังไง”
คำพูดที่เขาพูดออกมานี้กึ่งจริงกึ่งเท็จ หากพวกเขามีคน เขาก็จะไม่เคลื่อนไหวจริงๆ ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้กลั่นโอสถบ่อยนัก หากว่ามีคนทำได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องลงมือ
มาตอนนี้คนกลับไม่มี เขาจึงทำได้เพียงต้องเสนอตัวออกไปเท่านั้น
“แม่เชื่อลูก!” เจียวหลิงเหอพยักหน้า แม้ในน้ำเสียงจะเจือความไม่อย่างจะเชื่ออย่างมาก แต่เธอก็เลือกที่จะเชื่อ
อี้หยวนหลงก็พยักหน้า เลือกที่จะเชื่อเหมือนกัน นี่คือหลานชายของเขา แล้วเขาจะไม่เชื่อได้ยังไง?
สัวไค่เฟิงหรี่ตามองนิ่ง จากนั้นก็พูดอย่างจริงจังว่า “ผู้อาวุโสสี่ ไปเอาหญ้าเทพเทียนเซียงมาให้เขา”
“ครับ ท่านประมุข!”
ผู้อาวุโสสี่ที่อยู่ใกล้ๆ รีบไปเอาสมุนไพรวิญญาณมาอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ สัวไค่เฟิงได้ยอมรับให้อี้เทียนหยุนเป็นคนลงมือแล้ว
อย่างรวดเร็ว หญ้าเทพเทียนเซียงก็ได้มาถึงมืออี้เทียนหยุน หญ้าดื่มโลหิตเองก็เช่นกัน ตอนนี้ของทั้งสามสิ่งก็ได้มาจนครบแล้ว พร้อมกันนั้น อี้เทียนหยุนก็โบกมือ ทำให้เตากลั่นโอสถเพลิงพิโรธปรากฏขึ้นมาในทันที
“เตากลั่นโอสถระดับศักดิ์สิทธิ์?”
สัวไค่เฟิงกับพวกตาเป็นประกาย สามารถมีเตากลั่นโอสถระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็หมายความว่าเขาสามารถกลั่นโอสถได้จริงๆ ส่วนมาตรฐานจะอยู่ขั้นไหนนั้น อันนี้ก็ไม่สามารถจะบอกได้
คนอื่นเมื่อมองดูเตากลั่นโอสถนั้น ก็พากันคิดว่า เจ้าเด็กนี่ยังมีสมบัติอีกมากขนาดไหนกัน? พูดไปแล้วก็น่าตกใจยิ่งนัก เตากลั่นโอสถระดับศักดิ์สิทธิ์นี้ ถือว่าค่อนข้างล้ำค่าอย่างมาก ความล้ำค่าของมันยังมากกว่าพวกอาวุธซะอีก
“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าเด็กนี่จะทำสำเร็จ นี่เป็นโอสถขั้น 6 เชียวนะ ต่อให้เขาทำได้ อย่างมากก็ทำได้เพียงโอสถขั้น 5 เท่านั้น หรือก็แค่ระดับอาจารย์กลั่นโอสถ นี่มันช่างน่าขันนัก”
“ใช่ หากว่าล้มเหลว ทุกอย่างก็ต้องกลายเป็นสูญเปล่า เมื่อถึงตอนนั้น มาดูกันสิว่าเจ้าเด็กนี่จะมีจุดจบยังไง!”
“เงียบเสียงหน่อย หากว่ามีคนได้ยิน พวกเจ้าจะต้องถูกไล่ออกไป”
บางคนที่อยู่ในมุมพากันคุยกันด้วยเสียงที่เบาราวกับกระซิบ แม้ว่าจะเห็นเตากลั่นโอสถ แต่ในใจพวกเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดีว่าอี้เทียนหยุนจะทำสำเร็จ ยังเด็กแต่บอกว่าเป็นปรมาจารย์กลั่นโอสถ หากบอกว่าเป็นนักกลั่นโอสถขั้น 5 ยังจะน่าเชื่อซะกว่า แต่นี่มาบอกว่าเป็นปรมาจารย์กลั่นโอสถ เรื่องนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! และแม้แต่อาจารย์กลั่นโอสถก็ยังไม่เหมือน แบบนี้ก็เหมือนกับการแสดงเพื่อทำร้ายตัวเองชัดๆ
อี้เทียนหยุนไม่สนใจพวกแมลงหวี่แมลงวันพวกนี้ เมื่อได้สมุนไพรวิญญาณทั้งสามนี้ เขาก็จุดไฟอย่างไม่ลังเล ก่อนที่จะปล่อยเปลวเพลิงนิรันดร์เข้าสู่เตากลั่นโอสถโดยตรง จน “พรึบ” เกิดการลุกไหม้ขึ้น
“เปลวเพลิงนิรันดร์!” หลังจากสัวไค่เฟิงเห็นเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงนี้ ทันใดนั้นก็เอามือตบหัว แล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า “ข้าเกือบจะพลาดไปซะแล้ว เปลวเพลิงที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ก็เป็นเปลวเพลิงนิรันดร์ด้วย? ตอนนั้นข้าไม่ได้สนใจเลยจริงๆ”
ก่อนหน้านี้ที่เผาวิญญาณผู้อาวุโสใหญ่ก็คือเปลวเพลิงนิรันดร์นี้ ในตอนนี้เขาสนใจแต่ความเจ็บปวดของผู้อาวุโสใหญ่ ไม่ได้สนใจว่าเป็นเปลวเพลิงอะไร
มาตอนนี้หลังจากมีการใช้ออกมาอีกครั้ง ก็ทำให้พวกเขาพากันตกใจ นี่คือเปลวเพลิงระดับศักดิ์สิทธิ์ ที่มีอำนาจน่าทึ่งกว่าเปลวเพลิงฟีนิกซ์ด้วยซ้ำ เพราะในการกลั่นโอสถ เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นเปลวเพลิงชั้นยอดที่เหมาะกับการกลั่นโอสถอย่างแท้จริง
นี่พูดได้ว่า ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นนักกลั่นโอสถเท่านั้น แต่ยังเป็นนักกลั่นโอสถที่ทรงพลังมาก นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ นักกลั่นโอสถที่มีเปลวเพลิงนิรันดร์นี้ เปรียบได้กับผู้ที่ได้ประทานพรจากพระเจ้า!