Crazy Leveling System ตอนที่ 727: ดุดัน

ตอนที่ 727: ดุดัน

คำพูดนี้ของอี้เทียนหยุนทำให้หลายคนพากันพยักหน้า โดยเฉพาะพวกสัวไค่เฟิงที่เข้าใจพื้นฐานพวกนี้ดี หมัดใครใหญ่กว่า คนนั้นคือคนที่พูดคนสุดท้าย ส่วนเหตุผลร้อยแปดอะไรนั่น เปรียบได้ดั่งผายลม

หากว่าฝีปากสามารถทำให้เดินทางได้ทั่วโลก งั้นจะฝึกตนไปเพื่ออะไร?

มีเพียงหมัดที่แข็งแกร่งที่สุดที่สยบได้ทุกสิ่งเท่านั้น จากนั้นก็พยายามอย่างหนักเพื่อรักษามันไว้ นี่จึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แล้วหากคนไม่ฟังล่ะ จะให้ทำยังไง? เขาก็จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น หากคิดว่าการถกเหตุผลเป็นสิ่งที่ร้ายกาจที่สุดจริงล่ะก็ นั่นก็คงเป็นฝันที่โง่อย่างแท้จริง

ศิษย์ทั้งหลายต่างก็พากันตกตะลึง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี คำพูดของอี้เทียนหยุนสร้างแรงกระแทกให้พวกเขาหนักมาก ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรก็ไร้ประโยชน์ หากสู้กันก็มีแต่จะถูกหมัดซัดจนปลิวเท่านั้น ต่อให้มีเป็นพันปากก็ตาม

“ตอนนี้กลับมาพูดถึงจุดเริ่มต้นกัน ทำไมข้าถึงมีคุณสมบัติที่จะเข้ารับมรดกอย่างงั้นเหรอ อย่าว่าแต่สายเลือดของข้าเบาบางเลย ต่อให้ไม่มีสายเลือดอะไรเลย ข้าก็มีคุณสมบัติที่จะรับมันอยู่ดี เหตุผลนั้นก็ง่ายมาก นั่นเพราะว่าพลังของข้าแข็งแกร่งพอยังไงล่ะ แค่สิ่งนี้สิ่งเดียวก็เกินพอแล้ว”

“หากสมมติว่าแดนศักดิสิทธิ์เฟิงเทียนอ่อนแอมาก จากนั้นก็มีแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นเข่นฆ่าเข้ามา เจ้าไปพูดเหตุผลกับพวกเขา บอกว่าสายเลือดของพวกเจ้าไม่ได้ ไม่สามารถเข้ารับมรดกได้ เจ้าพูดกับพวกเขาอย่างนี้ พวกเขาจะฟังเจ้า และยอมไสหัวกลับออกไปดีๆ อย่างงั้นเหรอ?”

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย เจ้าพวกปัญญาอ่อน! สำหรับพวกเขา จะใช้ได้หรือไม่ไม่สำคัญ แต่ต้องยึดมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที!”

คำที่อี้เทียนหยุนพูดสมเหตุสมผลอย่างมาก เหตุผลไม่สามารถใช้ถกกับหมัดของพวกเขาได้ หากว่านี่ไม่เกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนแล้วล่ะก็ เขาก็คร้านที่จะสนใจในจุดนี้

อี้เฟยหลงเอามือกุมปากแล้วเงียบไป ไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะคำที่อี้เทียนหยุนพูดถูกต้องเป็นที่สุด หากว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนอ่อนแอ ป่านนี้คงถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น จะให้ใช้เหตุผลอะไรก็เปล่าประโยชน์ เพราะไม่ต่างอะไรไปจากการผายลม!

“พูดได้ดี!” สัวไค่เฟิงมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้นว่า “แล้วนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงต้องให้เขาเป็นผู้อาวุโส ต่อให้สายเลือดของเขาจะบางเบา ก็ต้องเข้ารับมรดก แม้จะเพิ่มพลังได้เล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแข็งแกร่งขึ้น และเหนืออื่นใดทั้งหมด เขาก็มีสายเลือดของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเหมือนพวกเราเช่นกัน เป็นพวกเดียวกัน ไม่ใช่คนนอก! สถานการณ์ของข้าไม่ค่อยดี เชื่อว่าพวกเจ้าคงเห็นกันแล้ว ดังนั้นข้าจึงจำเป็นต้องวางรากฐานให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน….”

“ตอนนี้มีแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายที่จับจ้องมาที่พวกเรา จ้องมาที่มรดกของบรรพบุรุษของพวกเรามาหลายปีแล้ว อย่าคิดว่าที่นี่จะเป็นป้อมปราการที่ไร้เทียมทาน หากเมื่อใดที่ศัตรูสังเกตเห็นว่าที่นี่อ่อนแอ หรือไร้พลังเกื้อหนุนแล้วล่ะก็ พวกเขาจะต้องกรีฑาทัพบุกเข้ามาในทันทีอย่างแน่นอน พร้อมกับบดขยี้แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนของพวกเราจนราบเป็นหน้ากลอง!

“ท่านประมุข…..”

พวกเขาพากันร้องออกมาด้วยความเสียใจ เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็เหมือนว่าจะถูกหยุดเอาไว้ที่ลำคอ ทำให้ไม่สามารถพูดออกมาได้

“ยิ่งกว่านั้น เจ้าคิดว่าเมื่อเขาได้รับอำนาจแล้วจะอยู่ที่นี่ตลอดไปอย่างงั้นเหรอ?” สัวไค่เฟิงพูดพลางส่ายหัว “หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นแก่ความเป็นญาติ เกรงว่าป่านนี้คงสะบัดก้นออกไปจากที่นี่เรียบร้อยแล้ว!”

“ข้ามีอาณาจักรที่สร้างขึ้นด้วยตัวเองอยู่แล้ว และข้าเชื่อว่าอีกไม่นาน อาณาจักรที่ข้าสร้างก็จะมีอิทธิพลจนสามารถขึ้นมาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ได้!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเย็นชา “สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนนี้ ข้าไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นอำนาจ หรือทรัพยากร เอาจริงๆ แล้วข้าไม่สนใจแต่อย่างใด ข้าจะบอกความจริงเจ้าสักอย่าง ข้าคือผู้สืบทอดของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน เพียงแค่มรดกที่เหลือไว้ของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียน สำหรับข้าก็ถือว่าเกินพอแล้ว!”

คำพูดนี้ทำเอาพวกเขาตกใจขึ้นไปอีก ทุกคนต่างก็รู้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนคือใคร เขาคือคนที่เหนือกว่ากระทั่งราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน! หากมีมรดกของราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจมรดกของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนจริงๆ นั่นล่ะ

อีกทั้งอี้เทียนหยุนยังบอกว่าตนเองสร้างอาณาจักรขึ้นมาอีกด้วย! แม้ว่าอาณาจักรจะไม่ใช่ใหญ่จนแม้แต่จะเทียบได้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังเด็กขนาดนี้ กลับสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาได้ แค่นี่ก็ยากเกินจะทำใจเชื่อได้ยากแล้ว!

นอกจากจะตกใจแล้ว เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์กลุ่มนี้ต่างก็พากันมองหน้ากัน จากสายตาที่เห็นจากอีกฝ่าย ต่างก็มองเห็นความตกใจอยู่ในนั้น อายุก็เหมือนว่าจะไม่ต่างกัน แต่ทำไมถึงได้มีความแตกต่างกันมากขนาดนี้นะ?

ได้รับมรดก ก่อตั้งอาณาจักร สำหรับพวกเขาแล้ว เปรียบได้กับปาฏิหาริย์ดีๆ นี่เอง

ที่อี้เทียนหยุนต้องมาอธิบายอย่างปากเปียกปากแฉะอย่างนี้ ก็ไม่ใช่เพราะว่านี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนของปู่เขาอย่างงั้นเหรอ? ถึงยังไง นี่ก็เป็นบ้านของปู่ของเขา

เพียงแค่นึกถึงเรื่องที่ทำไว้เมื่อก่อน เขาคงไม่จำเป็นต้องมาพูดมาถึงขนาดนี้ คงจะซัดฝ่ามือจัดการที่นี่จะราบไปเรียบร้อยแล้ว เพราะความเป็นความตายของพวกเขา เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยอย่างงั้นเหรอ?

นี่ก็เหมือนกับลูกของตน ต่อให้จะสร้างปัญหาสักกี่ครั้ง ก็มีแต่ต้องคอยบอกคอยสอนอย่างช้า ไม่สามารถเอาไม้ฟาดจนตายได้ ถึงยังไงหลังจากนี้ก็ยังมีการต่อสู้กับปีศาจร้ายและอื่นๆ อีก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรักษารุ่นเยาว์อย่างพวกเขาไว้

“ที่ข้าเข้ารับมรดกในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นสิ่งที่ข้าควรได้แล้ว ยังถือเป็นค่าชดเชยอีกอย่างด้วย!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างจริงจัง “ส่วนจะเป็นค่าชดเชยสำหรับอะไรนั้น ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงรู้กันดี!”

คำว่าค่าชดเชยนี้ ก็คือค่าชดเชยจากปัญหาที่สองผู้อาวุโสก่อไว้! นอกจากสังหารพวกเขาแล้ว ชดเชยด้วยหญ้าเทพเทียนเซียงยังไม่พออีกอย่างงั้นเหรอ? แน่นอนว่าไม่พอ หากไม่ไล่พวกเขาไป สิ่งนี้ก็ควรเป็นสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับอยู่ก่อนแล้ว

ภายใต้ระเบิดลูกแล้วลูกเล่า พวกเขาต่างก็เซ่อไปอย่างสมบูรณ์ แม้แต่คำที่แย้งยังไม่กล้าจะเอ่ยแม้แต่ครึ่งคำ กระทั่งผู้อาวุโสห้าเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ต่างก็เซ่อไปเพราะคำพูดของอี้เทียนหยุน

ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่า การให้อี้เทียนหยุนเข้ารับมรดก ก็เหมือนกับมอบค่าตอบแทนให้กับเขา หากไม่ให้ อี้เทียนหยุนก็จะไม่อยู่ที่นี่!

หากอี้เทียนหยุนไม่อยู่ที่นี่ ก็เท่ากับว่าพวกเขาขาดผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยดูแลที่นี่ แบบนี้ก็จะน่าอึดอัดเช่นกัน

จากนั้น สัวไค่เฟิงก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา พร้อมกับนำพวกเขาเดินเข้าไปต่อ คราวนี้ไม่มีใครกล้าคัดค้านอีก แม้ในใจจะยังไม่พอใจ สายเลือดจะบางเบา แต่ยังไงก็ต้องเข้ารับมรดก

แต่เหตุผลสำคัญคือ เมื่อสายเลือดบางเบา หากเข้ารับมรดก ผลที่ได้ก็จะเป็นที่น่าผิดหวัง เท่ากับเสียเปล่าไปครั้งหนึ่ง

อย่างรวดเร็ว พวกเขาก็มาถึงยังยอดเขา ที่นี่มีศิลาวางอยู่ และบนศิลาก็มีอักขระสลักไว้จนแน่นขนัด ไม่รู้ว่าเอาไว้ใช้ทำอะไร

“ศิลาเทพสายโลหิต……”

เมื่ออี้เทียนหยุนมองไปยังศิลานี้ ก็รู้ทันทีว่าคืออะไร นี่เป็นสิ่งที่เอาไว้ทดสอบพลังของสายเลือด เขาคิดว่านี่มีเอาไว้ทดสอบตัวเอง มีเอาไว้ทดสอบสายเลือดของทุกคน

“ช้าก่อน!”

และในขณะที่พวกเขาเตรียมจะทำต่อนั้น ก็ได้มีเสียงดังมาจากข้างหลัง พร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งตามเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเป็นอีกกลุ่ม และก็เป็นหัวกะทิของที่นี่เช่นกัน

“ท่านประมุข นี่มันเรื่องอะไรกัน?” คนที่มาคราวนี้คือผู้อาวุโสหก ที่นี่มีผู้อาวุโสอยู่มาก แต่ไม่มีสักคนที่จะไม่คัดค้านให้อี้เทียนหยุนได้รับมรดก

“พาผู้อาวุโสรองมารับมรดก ทำไมเหรอ?” สัวไค่เฟิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“นี่ทำไม่ได้ สายเลือดของเขาต่ำมาก ต่อให้ได้รับมรดก ผลลัพธ์ที่ได้ต้องออกมาแย่มากอยู่ดี! หากคุณสมบัติไม่ได้มาตรฐาน เข้ารับมรดกไปก็มีแต่จะทำให้เสียสิทธิ์ไปครั้งหนึ่งอย่างเปล่าประโยชน์!” ผู้อาวุโสหกก็เหมือนกับพวกก่อนหน้า มาเพื่อขัดขวางไม่ให้อี้เทียนหยุนเข้ารับมรดก

เมื่อกำจัดคนโง่ไปกลุ่มหนึ่ง ก็จะมีคนโง่กลุ่มอื่นขึ้นมา และเขาก็ไม่ได้คิดจะพูดอีกอย่างแน่นอน

“แล้วจะทำไม ต่อให้ผลจะออกมาแย่ แต่ก็ยังได้ผล ต่อให้จะเสียสิทธิ์ไปครั้งหนึ่ง แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าคุ้มค่า!” สัวไค่เฟิงพูดอย่างจริงจัง “ตอนนี้ข้าเป็นประมุข ดังนั้น ข้าคือผู้ตัดสินใจทุกอย่าง!”

ดุดัน! ประมุขก็คือประมุข คำพูดที่เขาพูดนี้ ช่างดุดันจริงๆ

Crazy Leveling System

Crazy Leveling System

Status: Ongoing
อ่านนิยายCrazy Leveling System ปมเพาะไม่ได้เพราะเส้นลมปราณพิการอย่างงั้นเหรอ? ไม่ใช่ปัญหา! เพราะมีระบบเพิ่มเลเวล แสนบำคลั่งอยู่ เจ้าแค่หภารกิจ สังหารสัตว์อสูร ดูดกลืนพลังวิญญาณของคนอื่น หลอมยา หรือสลักอาคม แค่นี้เจ้าก็ได้ค่าประสบการณ์แล้ว! อะไรนะ! ค่าประสบการณ์ที่ได้มันต่ำไปอย่างงั้นเหรอ? อย่าได้กลัว เพราะข้มีปัตร ประสบการณ์ x2 หรือแม้กระทั่งปัตรประสบการณ์ x10 แค่นี้ค่าประสบการณ์ของเจ้าก็จะฟุง ทะยานราวกับพลุระเบิดแล้ว! น่าชัน อัจฉริยะ นายน้อยตระกูลใหญ่ จักรพรรดิผู้ครองอาณาจักร หรือกระทั่งอัจฉริยะที่ฟันปี จะมีสักครั้งอย่างงั้นเหรอ? เมื่ออยู่ต่อหนีระบบเพิ่มเลเวลแสนบำาคลั่งนี้ พวกมันลัวนถูกทิ้ง ห่างไปไกล! "เฮ้ย นี่ข้เลเวลอัพอีกแล้วเหรอ?" อี้เทียนหยุนที่ตื่นขึ้นมาและพบว่าเลเวลของเขาได้เพิ่มขึ้น อีกครั้ง.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset