ตอนที่ 732: ส่งมอบ
“ปกป้องโลกสวรรค์?”
อี้เทียนหยุนรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ควรจะปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนสิถึงจะถูก ทำไมถึงต้องปกป้องโลกสวรรค์ด้วย? นี่หมายความว่าต้องการให้ปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นด้วยอย่างงั้นเหรอ?
“ที่เจ้าพูด หรือว่าจะให้ป้องกันการรุกรานของปีศาจร้ายอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาทันที พร้อมกับถามออกไปอย่างไม่ตั้งใจ
“ดูเหมือนว่านายท่านจะรู้เรื่องของปีศาจร้ายมาบ้างแล้ว แบบนี้จะได้ประหยัดเวลาอธิบาย” วิญญาณศาสตราพูดด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ที่นายท่านคนก่อนสร้างที่นี่ขึ้น เป็นเพราะต้องการปกป้องโลกสวรรค์ ไม่ใช่การรุกรานของปีศาจร้าย แต่หากเป็นช่วงวิกฤตจริงๆ ข้าก็สามารถต้านทานและโจมตีปีศาจร้ายได้ ต่อให้ในตอนนั้นข้าจะไม่มีนายก็ตาม ข้าก็จะทำการต่อต้านการรุกรานของปีศาจร้ายโดยอัตโนมัติ!”
“มาตอนนี้ได้มีนายท่านคนใหม่แล้ว ดังนั้นท่านจึงต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอุปกรณ์ระดับเทวะที่นี่ จะให้ดีก็ให้ปกป้องโลกสวรรค์จากการรุกรานด้วย”
อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัยว่า “แล้วข้าสามารถใช้มันจัดการกับเรื่องอื่นได้ด้วยหรือเปล่า?”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่การป้องกันการรุกรานของปีศาจร้ายถือเป็นภารกิจหลัก หากปีศาจร้ายไม่จู่โจมเข้ามา ท่านก็สามารถใช้ได้ตามใจ” วิญญาณศาสตราตอบ
“เยี่ยม” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย หากว่าสามารถใช้เพื่อต้านทานปีศาจร้ายเพียงอย่างเดียว งั้นในตอนนี้มันก็จะไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายนัก “หากเป็นอย่างที่เจ้าว่า แล้วที่โลกมนุษย์และโลกใต้พิภพนั้น ไม่ทราบว่าจะมีสมบัติคอยปกป้องเหมือนกันหรือเปล่า?”
เขาอยากจะรู้ว่าที่โลกมนุษย์และโลกใต้พิภพมีแบบนี้ด้วยไหม หากมี เขาจะได้เข้าไปจัดการเอามันมา และนำมาใช้เพื่อตัวเอง
“มี ที่โลกมนุษย์มีแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนซึ่งถือเป็นหนึ่งในสมบัติที่ดีที่สุดที่จะใช้ต้านทานปีศาจร้าย และไม่เพียงแต่ที่โลกมนุษย์เท่านั้น แต่ที่โลกใต้พิภพและโลกสวรรค์ก็มีแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนนี้ด้วยเช่นกัน” วิญญาณศาสตราไม่โกหก อี้เทียนหยุนเป็นนายของมัน ดังนั้นมันจึงตอบตามที่เข้าใจ
“แท่นบูชาเทพเติ้งเทียน?”
อี้เทียนหยุนตกใจ พร้อมกับถามขึ้นด้วยความสงสัย “ในโลกมนุษย์ก็มีแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนด้วยอย่างงั้นเหรอ ทำไมข้าถึงไม่รู้ล่ะ?”
วิหารใหญ่ขนาดนั้น หากเขารู้ ผู้ฝึกตนจำนวนมาก็จะต้องรู้ด้วยอย่างแน่นอน และจะต้องพากันกรูไปที่นั่นอีกด้วย
“น่าจะอยู่ใต้น้ำทางเกาะเทียนโหมว ที่นั่นได้มีสงครามเกิดขึ้นมาก่อน จึงทำให้เกิดเป็นสถานการณ์แบบนั้นขึ้น” วิญญาณศาสตราพูด “ก่อนหน้านี้นายท่านคนก่อนได้ต่อสู้เพื่อขับไล่ปีศาจร้ายออกไปจากโลก พลังของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนทั้งสามนั้นถือว่าน่าตกใจมาก สมแล้วที่ราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนคือราชาศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด และก็เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย!”
วิญญาณศาสตราเผยสีหน้าเลื่อมใสออกมา ซึ่งนี่ถือว่าแตกต่างจากวิญญาณมายาอย่างใหญ่หลวงมาก วิญญาณมายาสามารถพูดได้แต่สิ่งที่เจ้านายตั้งค่าไว้เท่านั้น แต่วิญญาณศาสตรากลับมีความคิดเป็นของตัวเอง ดังนั้นหากเทียบกันแล้วจึงถือว่ามีความแข็งแกร่งกว่า
“ที่แท้ก็อยู่ที่บริเวณใกล้ๆ เกาะเทียนโหมว ไม่แปลกที่ข้าจะไม่รู้สึกแม้แต่น้อย…..” อี้เทียนหยุนพยักหน้า ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนสมแล้วที่เป็นผู้ก่อตั้ง มีวิหารทั้งสามนี้ ก็เหมือนกับว่าสามารถต่อสู้ได้รอบทิศ
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาทำการเคลื่อนย้ายมา เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนในโลกมนุษย์ได้เลย เห็นได้ชัดว่ามันต้องมีปัญหาบางอย่าง ไม่อย่างนั้นมันคงสามารถเคลื่อนย้ายไปกลับไปตามใจ ไม่จำเป็นต้องมีเส้นทางอะไรอย่างตอนนี้
ในตอนแรกเขาก็คิดอยู่แล้วว่าโลกใต้พิภพและโลกสวรรค์มีแท่นบูชาเทพเติ้งเทียน แล้วทำไมโลกมนุษย์ถึงไม่มี ที่แท้ก็เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามเมื่อครั้งก่อนนั่นเอง ถึงยังไงโลกมนุษย์ก็เป็นสนามรบหลักของสงครามในครั้งนั้น การที่จะได้รับผลกระทบบ้างจึงเป็นเรื่องธรรมดา
เห็นได้ชัดว่าปีศาจร้ายนั้นมีมากกว่าหนึ่ง แต่ตัวที่ถูกผนึกไว้คือตัวที่ร้ายกาจที่สุด เมื่อไม่สามารถสังหารได้ ก็มีแต่ต้องทำการผนึกไว้เท่านั้น
“แล้วยังมีอุปกรณ์ระดับเทวะชิ้นอื่นอีกไหม?” อี้เทียนหยุนถามต่อ
“มี ในโลกมนุษย์มีป้ายศิลาสะกดเทพบรรพกาลอยู่ ซึ่งกำลังทำหน้าที่สะกดปีศาจร้ายที่แข็งแกร่งที่สุดไว้ พลังของมันมีระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 8 และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะเป็นยังไงบ้างแล้ว” วิญญาณศาสตราพูด
“ราชาศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 8…..”
ในใจอี้เทียนหยุนจมลง นี่เป็นความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงอย่างแท้จริง ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้ที่มันปลดปล่อยกลิ่นอายเพียงเล็กน้อยก็มีอำนาจสะกดได้อย่างยิ่งใหญ่แล้ว นี่เป็นเพราะว่าระดับของมันน่ากลัวเกินไปจริงๆ หากว่าทำลายผนึกออกมาได้ พลังของมันจะต้องอยู่ในระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดอย่างแน่นอน
ด้วยระดับของเขาในปัจจุบันนี้ มันง่ายที่จะถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายตบจนแหลกเหลวในฝ่ามือเดียว โดยที่ไม่กำลังแม้แต่จะต้านการโจมตีของระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ได้เลย โชคดีที่ยังมีเวลาอีก 100 ปี หากว่าสามารถออกมาได้ในทันทีแล้วล่ะก็ พวกเขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ยังมีอะไรอีก บอกข้ามาให้หมดทีเดียวเลย” อี้เทียนหยุนพูด
„Mortal World these many, Heaven World had me and Heaven Ascending Divine Altar roughly exists, as for the Ghost World words, roughly in Heavenly Netherworld God area territory underground, does not know Ancient Netherworld Divine King descendant still protected there.” Tool Spirit said truthfully.
“ในโลกมนุษย์นั้นยังมีอะไรอีกมาก ส่วนที่โลกสวรรค์นั้นมีเพียงข้าและก็แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนเท่านั้น สำหรับโลกใต้พิภพนั้น เห็นว่าอยู่ที่บริเวณใต้ดินของเทพเทียนหมิง ไม่รู้ว่าทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์กู่หมิง(นรกโบราณ)จะยังปกป้องที่นั่นไว้หรือเปล่า” วิญญาณศาสตราตอบตามความจริง
“พื้นที่บริเวณเทพเทียนหมิง เข้าใจแล้ว” อี้เทียนหยุนพยักหน้า พร้อมกับเข้าใจอย่างคร่าวๆ ก้าวต่อไปที่ต้องทำคือ การตามหาทายาทของราชาศักดิ์สิทธิ์กู่หมิง
เขาต้องไปบอกเรื่องปีศาจร้ายที่กำลังจะทำลายผนึกออกมา เรื่องนี้จำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อจัดการกับมัน แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนถือว่าทำงานสำเร็จแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่ทางฝั่งโลกใต้พิภพ
เขาไม่คิดว่าจะสามารถทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดให้ความร่วมมือในการปราบปรามปีศาจร้าย แต่อันดับแรกจำต้องทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นแกนหลักพวกนี้ร่วมมือด้วยซะก่อน และเมื่อถึงเวลาค่อยประกาศให้กับโลกภายนอกทำการรับรู้ จากนั้นเชื่อว่าพวกเขาคงไม่สามารถทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาได้อย่างแน่นอน
การต่อสู้ย่อมต้องมีคนตาย นี่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“แล้วที่พาข้ามายังที่นี่ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนถาม
“ไม่มี ที่พามาก็เพราะเรื่องนี้” วิญญาณศาสตราผายมือ จากนั้นก็มีแผ่นหยกลอยลงไปตกบนมือของอี้เทียนหยุน “สุดท้ายก็คือรับเอาแผ่นหยกนี้ไป นี่เป็นแผ่นเสริมสำหรับศิลามรดก มันสามารถเพิ่มสิทธิ์ในการเข้ารับมรดกเข้าสู่จุดสูงสุด นอกจากนี้ นายท่านคนก่อนยังทิ้งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่ศิลามรดก เพื่อรอคอยที่จะพบกับนายท่านคนใหม่”
อี้เทียนหยุนรับเอาแผ่นหยกนี้มา จากนั้นก็พยักหน้า สามารถทำให้เขาฟื้นฟูศิลามรดกได้ นั่นก็หมายความว่าช่วยให้เขาได้รับชื่อเสียงมากกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ที่ผู้อาวุโสหกรีบเข้ามาขวางไม่ให้อี้เทียนหยุนเข้ารับมรดก ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะอีกไม่นานศิลามรดกก็จะสลายไป
ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้เขาไป หากว่ามันไม่มีปัญหาแล้วล่ะก็ ผู้อาวุโสหกย่อมไม่เข้ามาขวางอย่างเด็ดขาด
“หากคิดจะมาที่นี่ จำต้องผ่านทางศิลานั่นเท่านั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนถาม
“ไม่ ตอนนี้ท่านกลายเป็นนายท่านของที่นี่แล้ว จึงสามารถบินขึ้นมาได้ตามใจ จะไม่ได้รับการสะกดอะไรอีก ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายเพื่อมาที่นี่” วิญญาณศาสตราตอบ
“หมายความว่าจะไม่ได้รับการสะกดใดๆ เลยใช่ไหม?” อี้เทียนหยุนตาเป็นประกาย พื้นที่ส่วนใหญ่ของที่นี่ล้วนแต่ถูกสะกด แต่ว่าตอนนี้ไม่มีผลใดใดต่อเขาแล้ว
“ใช่” วิญญาณศาสตราตอบ
อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวบินจากไป และก็เป็นอย่างที่วิญญาณศาสตราบอก เขาไม่ได้รับแรงกดดันแม้แต่น้อย สามารถบินในที่นี่ได้ตามใจ จากนี้ไป ที่นี่ก็จะเป็นอาณาเขตของเขา เขาสามารถควบคุมอุปกรณ์ระดับเทวะทำการสะกดทุกคนได้ตามใจ ทั่วทั้งโลกสวรรค์นี้ ใครจะกล้ามาเป็นศัตรูของเขา?
คนอื่นๆ ตอนนี้กำลังพากันยืนอยู่ที่หน้าศิลาสายโลหิตด้วยท่าทางโง่งม พร้อมกับพากันคาดเดาว่าอี้เทียนหยุนถูกส่งไปที่ไหน ยังไงก็ตาม ไม่นาน พวกเขาก็สังเกตเห็นว่ามีร่างๆ หนึ่งบินลงมาจากกลางอากาศ
“ดูเร็ว มีคนกำลังบินลงมา!”
และในตอนนี้ ก็ได้มีบางคนสังเกตเห็นเหตุการณ์บนอากาศ ทำให้ทุกคนพากันมองขึ้นไปบนฟ้า และก็พบว่ามีร่างหนึ่งกำลังบินลงมาอยู่จริงๆ และจากนั้นสักพัก อี้เทียนหยุนก็ลงมาถึงพื้นอย่างมั่นคง พร้อมกับกลุ่มคนที่มองมาที่เขาอย่างตกใจ ไม่รู้ว่าพูดอะไรดี
โดยเฉพาะพวกที่ต่อต้านอี้เทียนหยุน ตอนนี้ในใจของพวกเขารู้สึกพันกันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทั้งยังมากไปด้วยแรงกระตุ้นอย่างมหาศาล! ก่อนหน้านี้พวกเขาพากันต่อต้าน แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับเป็นคนจุดประกาย สร้างปาฏิหาริย์สิบดาราขึ้น!
อี้เทียนหยุนกวาดตามอง และก็พบว่าค่าความชอบของหลายคนพุ่งขึ้นเกิน 100 แต้มไปแล้ว ไม่คิดว่าแค่เรื่องนี้ จะทำให้พวกเขามองตนเองใหม่
