ตอนที่ 733: ฟื้นฟูศิลามรดก
มองดูเหล่าศิษย์นับไม่ถ้วนเหล่านี้ ในใจอี้เทียนหยุนรู้สึกปลาบปลื้มขึ้นหลายส่วน ที่เขาต้องการก็คือความรู้สึกนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ใส่ใจว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนจะเป็นมิตรกับตนหรือไม่ แต่หากสามารถเป็นมิตรกันได้ นั่นย่อมเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ไม่มีใครหรอกที่จะชอบให้ขุมอำนาจที่เกี่ยวข้องกับตนรู้สึกไม่ดีกับตน ปู่และพ่อของเขาอยู่ที่นี่ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทิ้งมันไป ไม่ว่าจะเรื่องไหน เขาก็ไม่มีทางที่จะไม่เกี่ยวข้องกับมัน
“เจ้ากลับมาแล้ว แท้จริงแล้วบนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?”
สัวไค่เฟิงกับพวกรู้สึกตื่นเต้น พวกเขาไม่สามารถขึ้นไปได้ เมื่อเห็นว่าอี้เทียนหยุนลงมาจากบนนั้น ก็ให้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากันทีหลับ ตอนนี้พาข้าไปยังศิลามรดกก่อน” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
“อือ!”
สัวไค่เฟิงกับพวกพากันพยักหน้า พวกเขารู้ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญ และที่นี่ก็ไม่เหมาะที่จะคุย หลังจากศิษย์คนอื่นๆ เห็นอย่างนี้ ก็พากันแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา พวกเขาก็คิดว่าจะได้ฟังข่าวอะไรบ้าง แต่ใครจะรู้ว่าจะไม่พูดอะไรเลยแบบนี้ ทำได้เพียงแค่ดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
ภายใต้การนำของสัวไค่เฟิง พวกเขาก็ได้มาถึงตรงหน้าศิลามรดกอย่างรวดเร็ว ตรงหน้าของเขาคือศิลามรดกขนาดมหึมา ศิลานี้มีความสูงมากกว่าร้อยจ้าง ราวกับเป็นกำแพงที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนี้มาเป็นเวลานาน
เพิ่งจะเข้ามาใกล้ ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันทรงเกียรติที่พวยพุ่งออกมา ทำให้พวกเขารู้สึกอยากจะหมอบกราบด้วยความเคารพ และบนศิลานี้ต่างก็อัดแน่นไปด้วยอักขระนับไม่ถ้วน แม้จะมองดูอย่างละเอียดแค่ไหน ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าอักขระพวกนั้นหมายถึงอะไร
และในตอนนี้บนศิลาขนาดมหึมานี้ ก็ได้ปรากฏรอยร้าวจำนวนมาก เหมือนกับศิลาที่ใกล้จะแตกหัก ไม่รู้ว่ามันตั้งอยู่ตรงนี้มากี่ปี ถึงได้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้น
“ความเสียหายที่ศิลามรดกนี้สาหัสจริงๆ” อี้เทียนหยุนตรวจสอบศิลามรดก นี่ไม่ได้เกิดจากการถูกโจมตีจนมีสภาพนี้ แต่เป็นเพราะพลังวิญญาณภายในที่เหือดแห้งจึงได้เกิดการแตกสลายอย่างช้าๆ
หากว่ายังให้คนเข้ามารับมรดกต่อไปเรื่อยๆ มันก็จะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงตอนนั้น หากพวกเขาต้องการได้รับมรดก พวกเขาทำได้เพียงให้ประมุขหรือผู้อาวุโสส่งต่อข้อความให้ แม้ว่าวิธีนี้จะทำให้ได้รับมรดกเหมือนกัน แต่ก็ยังด้อยกว่าการได้รับมรดกจากศิลามรดกโดยตรง
การได้รับมรดกผ่านทางศิลามรดก จะทำให้สามารถเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้ได้โดยสมบูรณ์ ทั้งยังลึกล้ำมากด้วย ก็เหมือนกับวิชายุทธ์ หากได้รับผ่านมรดก อย่างน้อยก็จะทำให้ความเร็วในการฝึกโดยรวมนั้นเร็วขึ้นหลายเท่า หรืออาจจะหลายสิบเท่า
“หากว่าตามสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว อย่างมากก็ทนได้อีกแค่ไม่เกินสิบครั้ง….” สัวไค่เฟิงถอนหายใจ นี่เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเขาพากันใช้มันตามใจมากเกินไป
ตราบเท่าที่มีพรสวรรค์ดีพอแล้วล่ะก็ พวกเขาก็จะพาอีกฝ่ายรีบมาเข้ารับมรดกในทันที จนทำให้มันกลายเป็นอย่างโดยไม่รู้ตัว และเมื่อตอนที่พวกเขาสังเกตเห็น ทุกอย่างก็ได้สายเกินไปแล้ว ทำให้โอกาสที่เหลืออยู่ มีไม่ถึงสิบครั้ง
และในตอนนี้ พวกที่ต่อให้ตายก็ไม่ยอมให้อี้เทียนหยุนเข้ารับมรดก ตอนนี้ต่างก็พากันหุบปากอย่างเชื่อฟัง ต่อให้จะเหลือโอกาสในการเข้ารับมรดกเพียงครั้งเดียว พวกเขาก็จะไม่เอ่ยห้ามอีก
อี้เทียนหยุนที่สามารถจุดสิบดาราขึ้นมาได้ ก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนคนถัดไป! พวกเขารอบางคนที่จะมาเป็นผู้นำแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเพื่อไปสู่ความรุ่งโรจน์นานแล้ว แต่ว่าน่าเสียดายที่อี้เทียนหยุนไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่
เขาไม่ได้พูดออกมาตอนนี้ แต่เรื่องนี้เขาได้คุยกับพวกสัวไค่เฟิงเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ประกาศออกไปก็เท่านั้น
“สิบครั้ง” อี้เทียนหยุนยิ้มจากนั้นก็หยิบแผ่นหยกออกมาพร้อมกับโยนขึ้นไปเบาๆ แผ่นหยกที่ถูกโยนขึ้นไปบนฟ้า ก็พลันกลายเป็นลำแสงสีเขียวซึมเข้าไปในศิลามรดกอย่างรวดเร็ว ไม่นาน ศิลามรดกก็เริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์นี้ทำเอาผู้คนพากันตกตะลึง ศิลามรดกที่ยากที่จะฟื้นฟู มาตอนนี้กลับได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว?
“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ศิลามรดกได้ถูกฟื้นฟูแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
พวกเขาพากันเบิกตาโพลง สัวไค่เฟิงกับพวกอี้หยวนหลงต่างก็รู้สึกตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เพียงแค่เวลาไม่ถึงอึดใจ ศิลามรดกก็ได้ถูกซ่อมแซมจนกลับมาสมบูรณ์ ดูแล้วไม่ต่างกับของใหม่อย่างไงอย่างงั้น
“ศิลามรดกได้รับการซ่อมแซมแล้ว หลังจากนี้พวกท่านควรจะใช้ให้ดี อย่าได้ใช้อย่างสุดโต่ง ไม่อย่างนั้น มันจะกลับไปมีสภาพเหมือนก่อนหน้านี้” อี้เทียนหยุนเอ่ยเตือนพวกเขา
ดูเหมือนว่าราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าศิลามรดกจะต้องพังทลายลงสักวัน ดังนั้นจึงได้เหลือแผ่นหยกนี้ไว้ให้เป็นการเฉพาะ มาตอนนี้มันได้รับการฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปพวกเขาก็จะสามารถฝึกศิษย์ได้อีกจำนวนมหาศาลต่อไป
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ หากไม่ได้ความช่วยเหลือของเจ้า ศิลามรดกนี้คงทนได้อีกไม่นานจริงๆ” สัวไค่เฟิงแทบจะคุกเข่าลงด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นความเสียใจในใจเขา ตอนนี้เมื่อมันได้รับการฟื้นฟูแล้ว ในใจของเขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นได้ยังไง
“ขอบคุณผู้อาวุโสรอง ก่อนหน้านี้ที่พวกเราพากันเสียมารยาท ต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย!”
เหล่าศิษย์ต่างก็พากันคุกเข่า ตอนนี้ไม่เพียงแต่จะจุดสิบดาราได้เท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูศิลามรดกให้พวกเขาด้วย นี่ทำให้ในใจของพวกเขารู้สึกเลื่อมใสอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พริบตา ค่าความชอบของแต่ละคนก็พุ่งขึ้นไปเกิน 150 พูดได้ว่า เมื่อมีคนพวกนี้อยู่ อี้เทียนหยุนก็จะไม่ขาดชื่อเสียงในแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนอย่างแน่นอน
“ลุกขึ้นเถอะ เรื่องเล็กน้อยพวกนั้นข้าไม่ใส่ใจหรอก” อี้เทียนหยุนโบกมือ หากจะให้เอาเรื่องจริงๆ ป่านนี้พวกเขาคงพากันตายไปเรียบร้อยแล้ว ยังจะมีหน้ามาคุกเข่าอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
“ขอบคุณผู้อาวุโสรอง!”
พวกเขาพากันลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น สามารถได้รับการยกโทษจากผู้อาวุโสรอง พวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายแล้ว เมื่ออี้หยวนหลงกับพวกเห็นเช่นนี้ ก็พากันพยักหน้าในทันที คิดว่าสถานการณ์นี้นั้น ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง
พวกเขาคิดว่ากว่าอี้เทียนหยุนจะถูกยอมรับในฐานะผู้อาวุโสรองจริงๆ จำต้องทำงานอย่างหนัก ถึงจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับเหล่าศิษย์ได้ มาตอนนี้ดูแล้วคงไม่จำเป็น เพราะอี้เทียนหยุนได้ก่อตั้งชื่อเสียงของตนขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
“เอาล่ะ ข้าขอเข้าไปรับมรดกก่อนแล้วกัน บนนั้นไม่มีมรดกอะไรเลยสักอย่าง” อี้เทียนหยุนยื่นมือออกไปแตะที่ศิลามรดก อึดใจต่อมา ก็ได้มีลำแสงสีทองปกคลุมลงมา พร้อมกับม้วนเข้าใส่เขา ก่อนที่จะพาเขาหายเข้าไปยังศิลามรดกนี้
“ศิลามรดกนี้ก็สามารถเข้าไปได้ด้วย?”
พวกเขาพากันตกใจ ในสภาวะปกตินั้นไม่สามารถเข้าไปได้ เพียงแค่แปะมือเข้าที่ศิลามรดก ก็จะมีมรดกส่งผ่านมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พวกเขาฝึกฝน ส่วนที่จะเข้าไปเหมือนอี้เทียนหยุนนั้น กลับไม่มีเลยสักคน
พวกเขาพากันมองหน้ากันด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ตั้งแต่ที่อี้เทียนหยุนมา ก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อสำหรับพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ขณะที่คนข้างนอกกำลังถกเถียงกัน อี้เทียนหยุนที่เข้ามาก็พลันได้ยินเสียงดังขึ้นที่ข้างหู
“ในที่สุดก็มีคนเข้ามาได้สักที……”
ในตอนนี้เอง ได้มีชายที่มีรูปลักษณ์วัยกลางคนเดินเข้ามา เพิ่งจะเดินมาถึง พื้นที่ที่ว่างเปล่ารอบๆ อี้เทียนหยุนทันใดนั้นก็ปรากฏกระท่อมแห่งหนึ่งขึ้น พร้อมกับโต๊ะน้ำชาโต๊ะหนึ่งอยู่ตรงหน้า
ชายวัยกลางคนยิ้มพร้อมกับเดินมา ก่อนที่จะนั่งลงช้าๆ พร้อมกับผายมือให้อี้เทียนหยุนนั่งลง
“คารวะท่านบรรพบุรุษ!”
อี้เทียนหยุนมองไปยังชายวัยกลางคนตรงหน้าพร้อมกับค้อมเอวด้วยความเคารพ ชายวัยกลางคนตรงหน้านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายต้องเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนอย่างแน่นอน! ในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษของเขา อีกทั้งยังเป็นที่ต่อต้านการรุกรานของปีศาจร้าย แค่นี้ก็ทำให้ในใจของเขารู้สึกให้ความเคารพแล้ว