ตอนที่ 738: เริ่มการฆ่าล้าง!
เหล่าเจ้าดินแดนที่พากันยิ้มต่างก็หุบยิ้มลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีรอยยิ้มแสยะขึ้นแทนที่
“เอาล่ะ ข้าจะไม่พูดเล่นกับเจ้าอีกต่อไป ข้าจะให้ทางเลือกเจ้าสองทาง หากไม่ต้องการให้ประเทศถูกทำลาย ก็จะส่งมรดกทั้งหมดออกมาซะ รวมทั้งสังหารอัจฉริยะที่จุดสิบดารานั้นด้วย!”
เจ้าดินแดนเทียนฉานที่มีรูปลักษณ์อ่อนโยนพลันแสดงสีหน้าดุร้ายออกมา ใบหน้าที่ดุร้ายนี้ จะไม่เหมือนกับรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนเมื่อก่อนหน้านี้ที่ไหนกัน นี่มันเหมือนกับเทพมรณะมากกว่า!
เจ้าดินแดนอื่นๆ ก็แสดงสีหน้าดุร้ายออกมาเช่นกัน เจตนาที่แท้จริงของพวกเขาก็เป็นเช่นนี้ หากไม่อยากให้ประเทศถูกทำลาย ก็ต้องส่งมรดกมา อีกทั้งยังต้องสังหารอัจฉริยะที่จุดสิบดาราขึ้นมาด้วย
พวกเขาไม่อยากให้มีราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนคนที่สองปรากฏขึ้น พวกเขาไม่อยากจะตกอยู่ใต้ฝ่าเท้าใคร เพราะเมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่โอกาสจะเอาคืนของพวกเขาก็ยังไม่มี ฉะนั้นตอนนี้พวกเขาจึงต้องรีบฉวยโอกาสโจมตีและเข้ายึดครองในทันที ต่อให้จะต้องพบกับความสูญเสีย แต่ก็ต้องสะกดแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนลงไปให้ได้!
“พวกเจ้า!” สายตาของสัวไค่เฟิงเต็มไปด้วยความโกรธ นี่สินะคือเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา ต่อให้จะเดาไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อเห็นพวกเขาพูดออกมาตรงๆ ในใจก็อดที่จะโกรธขึ้นมาไม่ได้
แม้จะเป็นกฎแห่งป่า แต่ที่สำคัญคือแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนได้ปกป้องที่นี่เป็นเวลานาน แต่สุดท้ายกลับต้องมาถูกขุดรากถอนโคนออกไปแทน พูดไปแล้วก็น่าเวทนานัก
“เจ้าจะเลือกอย่างไหน จงตอบมาซะตอนนี้เลย แม้พวกเราจะต้องสูญเสียไปบ้าง แต่ก็สามารถทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนของเจ้าให้สิ้นซากได้! หรือเจ้าจะเลือกที่จะส่งอัจฉริยะคนหนึ่ง และมรดกทั้งหมดมา รีบๆ เลือกมาซะ พวกเราไม่ได้มีความอดทนมากนักหรอกนะ” สือเหอเทียนพูดอย่างดูถูก “อย่าได้คิดว่ากำแพงเมืองนี้จะต้านทานพวกเราได้ ด้วยผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่พวกเราพามา ต่อให้ยากจะทำลาย แต่ก็ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถทำลายได้! หากว่าเจ้ามั่นใจ ก็สามารถทดลองได้ตามต้องการ เมื่อถึงตอนนั้น คงไม่ใช่แค่รับเอามรดกทั้งหมดไปอย่างง่ายๆ แน่นอน”
ที่พวกเขาเป็นตัวแทนออกมาพูดนั้น เป็นเพราะว่าขุมอำนาจของพวกเขาแข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งระดับของพวกเขาก็สูงที่สุดในระดับผู้นำของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดที่มาด้วยในครั้งนี้
หลังจากผู้อาวุโสทั้งหลายมาถึง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในใจก็หนักอึ้งในทันที พร้อมกับรู้สึกเดือดดาลถึงขีดสุด
“ดูท่าเจ้าจะจับจ้องมรดกของพวกเรามาเป็นเวลานานแล้วสินะ คราวนี้ถึงได้ยอมเผยหางจิ้งจอกออกมาในที่สุด!” สัวไค่เฟิงพูดอย่างเย็นชา
“จับจ้องมรดกของพวกเจ้าเป็นเวลานานอะไรกัน มรดกของเจ้ามีตั้งมาก หากตายไปย่อมเอาไปไม่ได้อยู่ดี พวกเรามาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ ขอคำแนะนำจากเจ้าด้วยดี ที่พวกเราให้เจ้าส่งมรดกมานั้น ก็ใช่ว่าพวกเราจะเอามาเปล่าๆ ซะที่ไหน เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราย่อมต้องมอบโอสถวิญญาณ หรือไม่วิชายุทธ์เป็นการแลกเปลี่ยน รับรองว่าย่อมทำให้เจ้าพอใจได้อย่างแน่นอน!” เจ้าดินแดนเทียนฉานยิ้มอย่างชั่วร้าย แต่กลับพูดอย่างน่าฟัง
เมื่อถึงตอนนั้น จะเป็นวิชาอะไรก็ไม่มีใครรู้ บางทีอาจจะเป็นวิชาที่ขยะที่สุด หรือไม่ก็อาจจะเป็นโอสถขั้น 2 ขั้น 3 ธรรมดาก็เป็นได้ พวกเขาพากันกรูตรงมาที่ประตู หากคิดจะแลกเปลี่ยนวิชายุทธ์กับของจริงๆ แล้วล่ะก็ พวกเขาคงส่งคนมาแค่คนเดียว ไม่พาคนมาเป็นกองทัพแบบนี้หรอก
“ก็แค่มดปลวกกลุ่มหนึ่ง เรื่องอะไรไม่ไปทำ แต่กลับมาส่งเสียงเห่าหอนอยู่หน้าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน”
ในตอนนี้เอง อี้เทียนหยุนได้ก้าวออกมา พร้อมกับมองลงไปยังพวกเขา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าทั้งหลายจะรู้กันหรือเปล่า หากไม่ใช่เพราะแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนคอยจัดการกับปีศาจร้ายในตอนแรก กลุ่มสวะอย่างพวกเจ้าจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้กันอยู่เหรอ?”
คำพูดของเขาทำให้สายตาของคนทั้งหลายเบนกันมาที่ตัวเขา สายตานับหมื่นคู่ต่างก็จับจ้องมาที่ตัวเขา ถึงกับมีบางคนกล้าด่าพวกเขาเป็นขยะอย่างไม่คาดคิด!
“เจ้าหนู พวกเรากำลังคุยกับประมุขของเจ้าอยู่ เด็กรุ่นหลังอย่างเจ้าอย่าได้มาสอด!” สือเหอเทียนพูดอย่างไม่พอใจ “ประมุขสัว ศิษย์ของเจ้านี่ช่างแย่ยิ่งนัก ไม่รู้หรือไงว่าผู้อาวุโสกำลังคุยกันอยู่ ห้ามสอดขึ้นมาตามใจน่ะ?”
สัวไค่เฟิงไม่ตอบกลับไปแม้สักคำ เขาไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนต้องการทำอะไร แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธ
“ตอนนี้ข้ากำลังถามพวกเจ้าอยู่ หากไม่มีแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ป่านนี้พวกเจ้าคงตายไปแล้ว! หากรู้แล้วข้าก็จะให้โอกาสพวกเจ้า รีบไสหัวกันออกไปจากที่นี่ซะ! แต่หากไม่รู้ ก็ให้ไสหัวกลับไปบรรพบุรุษของพวกเจ้า ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนต้องเสียสละมากขนาดไหน ถึงได้แลกเอาความสงบสุขนี้กลับมาได้!”
“แต่ตอนนี้พวกเจ้าไม่เพียงแต่ไม่ตอบแทนบุญคุณเท่านั้น กลับสนใจในมรดกขึ้นมาแทน ช่างเป็นพวกไม่สำนึกบุญคุณนัก ขนาดช่วยหมาไว้ตัวหนึ่ง หมามันยังรู้จักตอบแทนบุญคุณ แต่พวกเจ้าล่ะ? พวกเจ้ามันก็แค่หมาป่าที่เลี้ยงไม่เชื่อง หลังจากที่ช่วยชีวิตไว้ กลับโจมตีผู้ที่ช่วยชีวิตไว้เสียแทน ช่างเสียทีที่ช่วยไว้จริงๆ!”
คำพูดของอี้เทียนหยุนเปรียบกบหนาม ที่แทงเข้ากลางใจของพวกเขา
แต่ละคนต่างก็พากันมองหน้ากัน จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาแทน ไม่ได้เห็นเป็นจริงเป็นจัง
“เจ้าหนู เจ้ามันยังเด็กนัก นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน แต่ว่าเรื่องในตอนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย พวกเราขอให้ราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนมาช่วยพวกเราอย่างงั้นเหรอ? ย่อมไม่อยู่แล้ว นั่นเป็นเพราะว่าเขาต้องการจัดการกับปีศาจร้ายต่างหาก ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา” สือเหอเทียนพูดออกมาด้วยความโกรธ
และที่สำคัญคือ หลังจากที่เขาพูดคำนั้นออกมา เหล่าเจ้าดินแดนทั้งหลายต่างก็พากันหัวเราะออกมา เป็นการบ่งบอกว่าเห็นด้วยกับคำพูดของเขา และไม่คิดที่จะกลับใจอย่างเด็ดขาด
“ใช่ นั่นเป็นเรื่องเมื่อก่อน หากว่าราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนอยู่ที่นี่ พวกเราอาจจะให้ความเคารพอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนไม่อยู่แล้ว เจ้าคิดว่าพวกเรายังจะฟังคำของเจ้าอยู่อย่างงั้นเหรอ? อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า! นี่คือกฎแห่งป่า ตอนนี้พลังของพวกเจ้าเป็นที่น่าผิดหวังอย่างมาก ตอนแรกพวกเราคิดจะรอให้พวกเจ้าตกต่ำลงอย่างช้าๆ แต่ใครจะรู้ว่าจะมีอัจฉริยะปรากฏขึ้นซะได้….”
“เจ้าหนู คำพูดของเจ้านั้นโอหังมาก ข้าจึงต้องเพิ่มเงื่อนไขขึ้นไปอีก นอกจากอัจฉริยะคนนั้นแล้ว จะต้องเพิ่มชีวิตของเจ้าเข้าไปด้วย!”
เจ้าดินแดนเทียนฉานก็ไม่พอใจในตัวเขาเช่นกัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าคนที่พวกเขาต้องการฆ่านั้น ก็คืออี้เทียนหยุนตรงหน้านี่เอง
สัวไค่เฟิงกับพวกต่างก็พากันเดือดดาล ไม่คิดว่าพวกเขาจะพูดคำนี้ออกมาจริงๆ สิ่งที่จ่ายออกไปมากมาย กลับกลายเป็นให้อาหารหมาไปเสียฉิบ!
“ไม่แปลกที่ราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนจะบอกว่า อย่าได้หวังให้คนอื่นสำนึกบุญคุณ แค่พวกเขาไม่โจมตีเข้ามาในอาณาเขตของพวกเราก็ดีเท่าไหร่แล้ว” อี้เทียนหยุนส่ายหัว ขณะที่สายตาพวยพุ่งไปด้วยจิตสังหารที่เย็นเยียบ “ดีมาก! ในฐานะรุ่นหลังของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ข้าจะขอทำการสังหารศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ ให้พวกเจ้าได้รู้ว่า เกียรติบางอย่างก็ไม่สามารถล่วงละเมิดได้ โดยไม่สนว่าจะผ่านมากี่ปี ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ที่ขยะอย่างพวกเจ้าจะก้าวล่วง!”
อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา พร้อมกับถีบเท้าออกไป เขาไม่ได้ตกลงไปจากกำแพง แต่เดินไปข้างหน้าทีละก้าว เหยียบลงบนความว่างเปล่า หลังจากเจ้าดินแดนทั้งหลายได้เห็น ก็พากันตกใจออกมา
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีหยกบินด้วย หากไม่มีหยกบินแล้วล่ะก็ ป่านนี้เจ้าคงตกลงมาแล้ว…. กล้ามากที่มาด่าพวกเราเป็นขยะ งั้นเจ้าก็ตายเป็นศพแรกเลยแล้วกัน!”
เจ้าดินแดนเทียนฉานสะบัดลำแสงเย็นเยียบออกไป ยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาบินไม่ได้ แต่แค่โจมตีนั้น ย่อมไม่มีปัญหา
“ตาย!”
อี้เทียนหยุนสีหน้าเย็นชา พร้อมกับมีกระบี่เทพเอ้อหลิงปรากฏขึ้นในมือ ก่อนที่จะสะบัดไปทางเจ้าดินแดนเทียนฉาน
“ฟิ้ว!”
ลำแสงสีดำทมิฬพุ่งเข้าใส่เจ้าดินแดนเทียนฉาน เพิ่งจะสะบัด ก็มีความเร็วเพิ่มขึ้น 3 เท่า ราวกับเคียวยมทูตสีดำพุ่งลงมา
สีหน้าของเจ้าดินแดนเทียนฉานเปลี่ยนไป เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึง ก็คิดจะหลบ แต่ด้วยความเร็วของเขานั้น จะไปเทียบกับ 1 ใน 10 ของอี้เทียนหยุนได้ยังไง?
“ฉวะ!”
ภายใต้ลำแสงสีดำทมิฬที่รวดเร็วนี้ ก็ได้ตัดผ่านเอวของเขาเป็นสองส่วน ขณะเดียวกันก็ได้มีเปลวเพลิงสีดำอันน่าสะพรึงกลืนกินเขาอย่างบ้าคลั่ง เผาร่างของเขา จนทำให้เขาต้องกรีดร้องออกมา
ภายใต้กระบี่นี้ เจ้าดินแดนเทียนฉานที่มีพลังระดับราชาเซียนขั้นที่ 6 ก็ได้ถูกตัดเอวขาดเป็นสองส่วน สร้างความตกใจให้กับเจ้าดินแดนทุกคน
“นี่ เจ้าเด็กนี่มีที่มายังไงกันแน่!?”
ทุกคนต่างก็ผุดความคิดขึ้นในใจ ยังเด็กแต่กลับสามารถตัดร่างอีกฝ่ายเป็นสองส่วนได้ ดูแล้วก็ไม่น่าใช่ปีศาจเฒ่า แต่เป็นเด็กหนุ่มจริงๆ แต่ทำไมเด็กหนุ่มอย่างนี้ ถึงสามารถจัดการเจ้าดินแดนได้กัน?
“แล้วก็ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป อัจฉริยะที่พวกเจ้าต้องการฆ่าน่ะ ก็คือข้าเอง” นัยน์ตาอี้เทียนหยุนเผยจิตสังหารที่ข้นคลั่กออกมา “มาเริ่มการฆ่าล้างกันเถอะ!”