ตอนที่ 742: เดือดพล่าน
หลังจากสัวไค่เฟิงได้ยินคำพูดนี้ของอี้เทียนหยุน ก็ได้กังวลสุดๆ คิดว่าการทำเช่นนี้ง่ายที่จะเกิดปัญหา ตอนนี้อีกฝ่ายไม่มีโล่ป้องกันแล้ว จึงได้แนะนำอี้เทียนหยุนอีกครั้งว่าอย่าลงไป
หากว่าอี้เทียนหยุนตายลง แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนจะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน! หรือจะพูดให้ถูกคือ ความหวังในอนาคตได้จบสิ้นลง พวกเขาสามารถต้านทานการโจมตีของศัตรูได้ แต่จะหาคนที่สามารถจุดสิบดาราขึ้นมาได้อีกนั้น ไม่มี
ฉากเมื่อสักครู่นั้นทำเอาพวกเขาตกตะลึง ด้วยพลังที่น่าสะพรึงนั้น เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องร้องอุทานออกมา ตราบเท่าที่อยู่ในโลกสวรรค์ ใครจะกล้าเป็นปรปักษ์กับพวกเขา? ต่อให้ตอนนี้จะยังไม่ใช่ราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนคนที่สอง แต่เพียงแค่พลังดารานี้ ก็เพียงพอที่จะบดขยี้แดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่แล้ว!
เหตุผลที่ไม่กล้าบอกว่าสามารถบดขยี้แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนั้น เป็นเพราะว่าโลกสวรรค์นั้นกว้างใหญ่เกินกว่าที่ใครจะคาดคิด อีกทั้งยังมีขุมอำนาจบางแห่งที่ซ่อนตัวอยู่ แม้จะไม่กล้าพูดว่าพลังของพวกเขาจะแข็งแกร่งที่สุด แต่ถึงยังไงนี่ก็ได้ผ่านมาหลายปีแล้ว พูดไม่ได้ว่าจะไม่มีอัจฉริยะที่ท้าทายสวรรค์ปรากฏขึ้นมา
แต่ไม่ว่าขุมอำนาจอื่นจะเป็นแบบไหน แต่ตราบเท่าที่แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนมีอี้เทียนหยุนอยู่ อย่างน้อย แดนศักดิ์สิทธิ์อื่นก็จะไม่กล้าบุกเข้ามาในอาณาเขตของพวกเรา เพราะถ้าหากว่าใครกล้าบุกมา ก็จะถูกจัดการอย่างไร้ซึ่งความปรานี แม้จะไม่ถูกฆ่าตายทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่ไม่มีชีวิตรอดกลับไป
ส่วนอื่นๆ นั้นพวกเขาสามารถจัดการได้ ดังนั้น อี้เทียนหยุนจึงเปรียบได้กับไพ่ตายในมือพวกเขา ไม่ว่ายังไงก็จะปล่อยให้เขาตายไม่ได้เด็ดขาด
“ฟังคำของข้า อย่าได้ลงไป การโจมตีผสานของพวกเขาเจ้าก็ได้เห็นแล้ว พลังมันของมันน่าสะพรึงมาก หากต้านทานไม่ได้ เจ้าจะตาย!” สัวไค่เฟิงพยายามตื้อไม่ยอมถอย
“เจ้าหนู ดูเหมือนว่าเจ้ายังคงวางแผนที่จะหดหัวอยู่ในกระดองนั่นเหมือนเดิมสินะ? ยังคิดที่จะใช้พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนจัดการกับพวกเราอยู่ล่ะสิ? หากเจ้าคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ นั่นคงจะทำให้ข้าผิดหวังมาก ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดว่าตัวเองร้ายกาจมากหรอกเหรอ หากว่าเก่งจริง ก็ลองแสดงมันออกมาให้พวกเราดูสิ! ลูกผู้ชายที่แท้จริง ย่อมต้องพึ่งความสามารถของตน ไม่ใช่พลังจากภายนอก!”
“หากคิดแต่จะพึ่งพลังจากภายนอก แล้วอย่างนั้นยังจะเรียกตัวเองว่าเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริงได้อยู่เหรอ? ตัวเองไร้ความสามารถ หากไม่มีพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนนี้ เจ้าก็เป็นได้แค่ไอ้ขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้น!”
สือเหอเทียนพยายามพ่นคำดูถูกออกไปไม่หยุด ต้องการให้อี้เทียนหยุนถูกคำดูถูกนี้ทำให้โกรธจนขาดสติ โดยทั่วไปแล้ว เด็กหนุ่มมักจะเลือดร้อน ซึ่งง่ายที่จะยั่วยุอีกฝ่ายได้สำเร็จ
พวกเขาก็เล็งเห็นในจุดนี้ ยิ่งเป็นเด็กหนุ่มที่ประสบความสำเร็จสูงตั้งแต่เยาว์วัยด้วยแล้ว ก็ยิ่งง่ายที่จะทะนงตัว เมื่อถึงตอนนั้น มันก็จะกลายเป็นอาการหัวร้อน ซึ่งใครห้ามแค่ไหนก็ไม่มีทางฟัง และยังจะเอาตัวเข้ามาเสี่ยงอันตรายเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีก
พวกเขากังวลจริงๆ ว่าอี้เทียนหยุนจะเชื่อฟังคำเตือนของสัวไค่เฟิง เมื่อถึงตอนนั้น หากอีกฝ่ายเลือกที่จะถอยกลับ พวกเขาก็คงจะไม่มีความหวังอีกต่อไป
“ท่านประมุข ข้ามีแผนของข้าเอง” อี้เทียนหยุนมองเขาด้วยสายตามุ่งมั่น
สัวไค่เฟิงเห็นในตาของอี้เทียนหยุนไม่มีความสับสนแม้แต่น้อย แต่กลับมากไปด้วยความมุ่งมั่นและมั่นใจ
“ได้!” สัวไค่เฟิงเหมือนกับถูกสิง พร้อมกับเลือกที่จะหลีกทางจริงๆ และเมื่อเขากลับไปถึงกำแพงเมือง เขาก็พลันรู้สึกตกใจในตัวเอง ทำไมอยู่ๆ เขาได้ถึงรับปากออกไปแบบนั้นล่ะ?
เขาเชื่อฟังคำพูดของอี้เทียนหยุนจริงๆ ยอมที่จะกลับมาอย่างเชื่อฟัง รู้สึกราวกับได้รับคำสั่งอย่างไงอย่างงั้น
นี่เป็นผลจากค่าบัญชาการที่สูงของเขา มันสามารถทำให้คนคล้อยตามคำพูดของเขา โดยที่ไม่รู้สึกต่อต้าน
การกระทำนี้ทำให้ศิษย์ทั้งหลายที่อยู่บนกำแพงเมืองพากันส่งเสียงเซ็งแซ่ออกมา ทำไมท่านประมุขถึงปล่อยให้อี้เทียนหยุนไปคนเดียว แบบนี้มันไม่ใช่การพาตัวเขาเข้าไปหาที่ตายหรอกเหรอ?
“ท่านประมุข นี่มันเรื่องอะไรกัน ปล่อยให้เขาไปคนเดียวอย่างนี้ นี่ไม่เท่ากับเข้าไปรนหาที่ตายหรือไง?”
“ใช่ นี่คืออัจฉริยะที่สามารถควบคุมสิบดาราได้ หากตายไป ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกเราถึงจะพบอัจฉริยะเช่นนี้อีก?”
“บ้าเอ๊ย รีบไปขวางเขาเร็วเข้า หากว่าข้าบินได้นะ ป่านนี้ข้าคงพุ่งไปขวางเขาแล้ว!”
แม้ศิษย์หลายคนจะคิดว่าระดับอี้เทียนหยุนนั้นดี แต่ก็ไม่มีทางที่จะท้าทายสวรรค์ได้อย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ที่สามารถจัดการกับคนทั้งหลายพวกนั้นได้ เป็นเพราะพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ถึงได้จัดการกับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้ในกระบี่เดียว
“เจ้าหนุ่ม เจ้านี่ช่างสมกับเป็นลูกผู้ชายตัวจริงจริงๆ!”
สือเหอเทียนเอ่ยปากชม แต่ในใจกลับคิดว่าเป็น “เจ้าโง่คนหนึ่ง” การกระทำนี้สมกับเป็นลูกผู้ชายก็จริง แต่กลับคล้ายกับคนโง่มากกว่า
ในใจพวกเขาพากันมีความสุขเอ่อล้นขึ้นมา ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ฝั่งตรงข้ามกลับเป็นไอ้โง่คนหนึ่ง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พวกเขามีความสุขได้ยังไง?
อี้เทียนหยุนลงมาถึงพื้น พร้อมกับเดินออกไปนอกโล่ป้องกันทีละก้าว ขณะที่สะบัดกระบี่เทพเอ้อหลิงในมือเบาๆ พร้อมกับใบหน้าที่ยังคงรู้สึกสงบอยู่
ในทุกๆ ก้าวที่เขาเดินออกไป ในใจของพวกเขาต่างก็พากันกรีดร้องออกมาไม่หยุด ต้องการให้อี้เทียนหยุนเดินต่อมาเรื่อยๆ หลังจากที่หลุดมาจากโล่ป้องกันแล้ว พวกเขาก็จะร่วมมือกันโจมตีเข้าไป ทำให้อี้เทียนหยุนกลายเป็นแค่เนื้อบดกองหนึ่ง!
อี้เทียนหยุนรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไร แต่ก็เลือกที่จะเพิ่มความเร็วขึ้น พร้อมกับพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะมั่นใจในพลังของตัวเองมากสินะ ข้าเห็นผู้เชี่ยวชาญที่มั่นใจในตัวเองแบบพวกเจ้ามามาก คิดว่ายังไงตัวเองก็ต้องเป็นผู้ชนะ”
“แต่ในความคิดของข้า เหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้งนั้นมีอยู่ด้วยกันสามข้อ หนึ่งคือข้าเป็นอัจฉริยะ สองคือข้ามีระดับเหนือกว่า และสุดท้ายคือ ข้าสามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามได้ ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเจ้าเป็นพวกโง่ในข้อที่สาม!”
“เจ้าจะพูดมากทำอะไร ไว้เผชิญหน้ากันก็รู้แล้วว่าใครผิดใครถูก เอาความสามารถมาสู้กันว่าใครคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!” สือเหอเทียนตะโกนออกมา
“ต้องขอบคุณที่พวกเจ้ายังไม่ตาย ก็เลยทำให้ข้าได้สำเร็จภารกิจเล็กๆ ให้ข้าได้ยืมพลังของพวกเจ้า สำเร็จเรื่องๆ หนึ่ง” ในตอนนี้ อี้เทียนหยุนได้เดินมาถึงขอบของโล่ป้องกัน ซึ่งตอนนี้ทำให้หัวใจของพวกสือเหอเทียนเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมา รวมถึงผู้คนในกำแพงด้วย
“เรื่องอะไร?” สือเหอเทียนขมวดคิ้วไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนกำลังพูดถึงอะไรอยู่ รู้เพียงแต่ว่าปากของเขากำลังพูด แต่ไม่รู้ว่าพูดถึงเรื่องอะไร
“ฟรึบ!”
ทันใดนั้น ร่างของอี้เทียนหยุนก็หายไป จากนั้นก็ไปปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขาในพริบตา ความเร็วของเขานี้เร็วมากจริงๆ เร็วจนแม้แต่พวกเขาก็มองไม่เห็น ว่าปรากฏขึ้นที่ข้างหลังพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฉวะ!”
อี้เทียนหยุนทำการตวัดกระบี่เบาๆ ทันใดนั้นก็จัดการตัดร่างราชครูผู้หนึ่งจนร่างขาดเป็นสองส่วนในพริบตา พร้อมกับเปลวเพลิงสีดำที่ลุกท่วมร่างอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คนจะถูกเผาตาย
“ติ๊ง ท่านสังหารราชครูหลิวหยุนสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 8.3 พันล้าน, ค่าความคลั่ง 200,000, ค่าความชั่ว 13,000….”
เพิ่งจะตัดร่างราชครูคนนั้นไป เขาก็จัดการฟันร่างของเจ้าดินแดนอีกคนต่ออย่างรวดเร็ว โดยที่พวกเขามองตามไม่ทัน อีกฝ่ายก็ถูกตัดร่างผ่าเป็นสอง ตายจนไม่สามารถตายได้อีก
ทันใดนั้น ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนก็พลันถูกตัดเหมือนแตงที่อยู่บนจาน ถูกฆ่าตายไปอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นค่าประสบการณ์ไหลเข้ามาในร่างของเขา จากนั้นเขาก็ทำการลงมืออีกครั้ง เหมือนกับกลายเป็นพายุ แต่ว่าพายุนี้เป็นเหมือนกับดาบ ที่ไม่ว่าไปถึงที่ไหนก็ต้องพบกับฝนโลหิตที่นั่น!
จากคนที่เหลือรอดอยู่ 7-8 คน ตอนนี้เหลือคนที่ยังยืนอยู่ได้แค่สามคนเท่านั้น คนอื่นๆ ล้วนตายหมด
ซึ่งนี่ทำให้ทุกคนพากันตกใจ การสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนได้อย่างง่ายๆ เช่นนี้ ทำเอาทุกคนรู้สึกเลื่อมใส การสังหารนี้เป็นไปอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่มีการต่อต้านแม้แต่น้อย หรือพูดให้ถูกคือ ต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะความเร็วของอี้เทียนหยุนนั้นเร็วกว่า และพลังก็แข็งแกร่งกว่า ต่อให้จะมีสมบัติอะไรที่คอยปกป้องร่างกายไว้ ก็ต้องถูกกระบี่ในมือเขาตัดขาดเป็นสองส่วนในฉับเดียว รวมถึงตัวคนด้วย
“พะ พลังนี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว! นี่คือพลังที่แท้จริงของเขาอย่างงั้นเหรอ?”
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ต่อให้จะไม่พึ่งพลังของบรรพบุรุษ เขาก็ยังทรงพลังอยู่ดี!”
“ขะ ข้าว่าข้าตกหลุมรักเขาแล้วล่ะ….”
ศิษย์ที่อยู่รอบๆ พากันมีความสุข ศิษย์เกือบทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนต่างก็เดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น พลังที่อี้เทียนหยุนแสดงออกมานี้ ทำให้ค่าความชอบที่ทุกคนมีต่อเขาเพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรง
“ก็เรื่องความตายของพวกเจ้า ให้ได้รับค่าความชอบยังไงล่ะ” มุมปากของอี้เทียนหยุนหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย สถานการณ์ในตอนนี้ คือสิ่งที่เขาต้องการ
พึ่งพลังของราชาศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเพื่อกำจัดศัตรู แม้ว่าจะสร้างความหวาดกลัวให้กับศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนและผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ด้านนอกได้ แต่ก็ไม่ดีเท่ากับใช้พลังของตนเอง!