ตอนที่ 744: จากลา
“ติ๊ง ท่านสังหารสือเหอเทียนสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 1.12 หมื่นล้าน, ค่าความคลั่ง 500,000, ค่าความชั่ว 50,000, ได้รับวิชายุทธ์ เคล็ดวิชาลับศิลาสวรรค์, วิชากายาผลึกเทพ, ได้รับไอเทม ขวานศิลาสวรรค์(ระดับเทวะขั้นต่ำ), หยกสวรรค์, บัตรเพิ่มค่าประสบการณ์ 20 เท่า”
“ติ๊ง ผู้เล่นอี้เทียนหยุนได้เข้าสู่ระดับราชาเซียนขั้นที่ 4!”
ในที่สุด หลังจากสังหารสือเหอเทียน เขาก็ได้เข้าสู่ระดับราชาเซียนขั้นที่ 4 ระหว่างศึกนี้ ทำให้เขาเลื่อนขั้นได้ 3 ระดับ นี่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมาก
จะน่าเสียดายก็แต่ค่าความคลั่งที่น้อยเกินไป ไม่อย่างนั้น เขาคงแลกเอาบัตรเพิ่มค่าประสบการณ์จำนวนมากมาใช้แล้ว และระดับของเขาก็จะไม่เพิ่มขึ้นเพียงแต่นี้แน่ แต่ว่าราคาของมันก็แพงเกินไปอยู่ดี ด้วยระดับของเขาในตอนนี้ จำเป็นต้องใช้บัตรเพิ่มค่าประสบการณ์ 100 เท่า แต่ราคาของมันก็สูงมากเกินไป มากจนเกินที่จะเอื้อม
ส่วนบัตรเพิ่มค่าประสบการณ์อื่นๆ ก็เช่นกัน อันนั้นเขาก็ซื้อไม่ได้เช่นกัน แต่ตอนนี้หลังจากที่สังหารผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหญ่พวกนี้แล้ว ก็ทำให้เขาสามารถพอที่ซื้อพวกมันได้หนึ่งใบ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะใช้มัน ไว้รอดูสถานการณ์หลังจากนี้แล้วค่อยว่ากัน
แดนศักดิ์สิทธิ์มีอยู่มากมาย หากว่าใครหาเรื่องเขา เขาก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยเก็บกวาด เมื่อถึงตอนนั้น ค่าประสบการณ์ที่ได้ก็จะเพิ่มพรวดอย่างแน่นอน
“จะ จบแล้ว?”
ผู้คนเห็นแต่อี้เทียนหยุนที่ยืนอยู่ ส่วนสือเหอเทียนถูกจัดการจนไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นเรียบร้อยแล้ว หลังจากได้สติ พวกเขาก็ร้องออกมา จบแล้ว? ศัตรูที่ทรงพลังจำนวนมากพวกนั้น ผู้เชี่ยวชาญจากแดนศักดิ์สิทธิ์แปดแห่ง กลับมาถูกอี้เทียนหยุนจัดการไปทั้งอย่างนี้ นี่มันช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ
หลังจากผู้คนได้สติ ก็มีเสียงโห่ร้องอย่างมีความสุขดังออกมาเป็นพักๆ ด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าส่วนใหญ่เพิ่งจะเคยเห็นอี้เทียนหยุน แต่การที่สามารถจุดสิบดาราได้ ก็หมายความว่าอีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียน ในเมื่อคนของฝั่งตนสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้ แล้วพวกเขาจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง?
“แข็งแกร่งมาก ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พวกเรามีผู้เชี่ยวชาญที่น่าสะพรึงขนาดนี้? หรือว่าจะเป็นตัวตนระดับบรรพบุรุษ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่กลับมาจุติใหม่?”
“จะยังไงก็ช่าง ยังไงเขาก็เป็นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเรา ตอนนี้ ตำแหน่งของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนเราก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นแล้ว ดูสิว่าจากนี้ไป ใครยังจะกล้ามาว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนของพวกเราตกต่ำลงอีก?”
“ท่านประมุขก็ช่างเก็บความลับได้ดีจริงๆ ไม่ถึงวิกฤตก็ไม่ยอมปล่อยคนออกมา ท่าทางคงจะเป็นอาวุธลับของพวกเขา หากคนรู้คงจะไม่มีใครกล้าบุก ดังนั้นจึงต้องรอให้แดนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นที่จับจ้องมาที่มรดกของพวกเราทนไม่ไหวจนต้องเผยตัวออกมาแล้วค่อยให้เขาออกมาเปิดตัว?”
เหล่าศิษย์พากันหัวเราะ คิดว่าอี้เทียนหยุนคืออาวุธลับที่ประมุขของพวกเขาซ่อนเอาไว้ หากไม่ถึงเวลาวิกฤตก็จะไม่ยอมเผยออกมา ถือเป็นไพ่เด็ดในมือ ขณะที่คนอื่นๆ คิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนไม่มีพลังอะไรแล้ว เขาก็จะทำการตอบโต้กลับอย่างแรง เมื่อถึงตอนนั้น จะได้เป็นการตบหน้าพวกเขาอย่างหนัก
ส่วนพวกที่รู้ความจริงต่างก็พากันกระอักกระอ่วนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็พากันเหน็บแนมอี้เทียนหยุน มาตอนนี้นอกจากกระอักกระอ่วนแล้ว ในใจของพวกเขายังมากไปด้วยความรู้สึกผิด หากอี้เทียนหยุนไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้แล้วล่ะก็ พวกเขาคงไม่มีพลังพอที่จะต้านศัตรูที่รุกรานเข้ามาอย่างแน่นอน
“ผู้กล้า! ผู้กล้า! ผู้กล้า!”
เมื่อความสุขพรั่งพรูออกมา แม้พวกเขาจะไม่รู้ชื่อของอี้เทียนหยุน แต่ก็รู้ว่าควรจะเรียกเขายังไง นั่นก็คือผู้กล้า! เป็นผู้กล้าของพวกเขา หากไม่ใช่เพราะเขา แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนคงถูกยึดไปเรียบร้อยแล้ว
“ผู้กล้าอย่างงั้นเหรอ?”
อี้เทียนหยุนกวาดตามองไปรอบๆ มองไปยังศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนที่กำลังมีความสุข พร้อมกับค่าชื่อเสียงของเขาที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าความชอบในตัวเขาของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
“ติ๊ง ฉายา “ช่วยคนเป็นกุศลยิ่งกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น” ได้เลื่อนขั้นสำเร็จ, ค่าความดีเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 แต้ม!”
หลังจากได้ยินรายงานนี้ อี้เทียนหยุนก็พลันตกใจ นี่ก็ถือเป็นการช่วยชีวิตด้วยอย่างงั้นเหรอ?
แต่เมื่อคิดดีๆ แล้ว นี่ก็เป็นการช่วยชีวิตคนอื่นเช่นกัน หากไม่มีเขา คนกลุ่มนี้คงถูกผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นฆ่าตายอย่างแน่นอน เมื่อผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นบุกเข้าไปได้ จะต้องมีคนจำนวนมากถูกสังหาร และแน่นอนว่าที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็เพราะว่าเขาได้จุดสิบดาราขึ้น จึงทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดทนไม่ไหวต้องส่งกองทัพออกมาโจมตีในที่สุด
เขาเป็นตัวจุดชนวนที่ทำให้ระเบิดปะทุขึ้นก่อนเวลา ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นการระเบิดที่สมบูรณ์ด้วย หากไม่มีเขา สุดท้ายแล้วมันก็ยังต้องระเบิดออกมาอยู่ดี เพียงแต่ว่าอาจจะเป็นเวลาหลายปีต่อจากนี้
ซึ่งนี่เป็นเพียงเรื่องของเวลา ตัวเขาก็แค่เป็นคนทำให้มันระเบิดขึ้นก่อนเวลาก็เท่านั้น ใครบ้างที่ไม่จับตามองที่นี่ ดังนั้น หากให้ว่ากันจริงๆ แล้ว อี้เทียนหยุนคือคนที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้อย่างแน่นอน หากว่าเขาไม่กลับมา พวกเขาก็ยังคงต้องเผชิญกับการล้อมโจมตี และถูกจัดการอย่างแน่นอน
และคาดว่าเมื่อถึงตอนนั้น ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามก็ยังคงจมอยู่ในห้วงของอำนาจ และต่อให้จะได้มงกุฎมาครอบครอง แต่อีกไม่นานก็ต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูอย่างแน่นอน
“ค่าความดีเพิ่มขึ้น 3,000 แต้ม ไม่ใช่ว่าตอนนี้ค่าความดีจะระเบิดขึ้นมหาศาลหรอกเหรอ?” อี้เทียนหยุนรู้สึกถึงสิ่งสำคัญบางอย่าง บางครั้ง เมื่อค่าความดีสูงพอ มันก็ส่งผลกระทบต่อตัวเขาอย่างมหาศาล
จากนั้น เมื่อเขาบินกลับเข้าไปในกำแพงเมือง สายตาของผู้คนก็พากันจับจ้องมาที่ตัวเขา ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเลื่อมใส ราวกับกำลังมองมายังผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่อย่างไงอย่างงั้น!
มีเพียงพวกสัวไค่เฟิงเท่านั้นที่พากันถอนหายใจ ต่อให้จะดียังไง อี้เทียนหยุนก็ยังคงเลือกที่จะจากไปอยู่ดี เรื่องนี้ได้ตัดสินใจไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว
“อยู่ต่อไหม ที่นี่ยินดีต้อนรับเจ้า” สัวไค่เฟิงพยายามรั้งไว้อีกครั้ง
“ขอบคุณประมุขสำหรับความหวังดี แต่สถานการณ์ในตอนนี้ได้ถูกแก้ไขแล้ว ทุกอย่างควรไปด้วยดี ยังไงที่นี่ก็ไม่จำเป็นต้องมีข้าอยู่ชั่วคราว หลังจากนี้ ความหวาดกลัวจะต้องแพร่กระจายออกไปอย่างแน่นอน แดนศักดิ์สิทธิ์อื่นที่คิดจะเข้ามารุกรานอาณาเขตของเราก็คงต้องหยุดความคิดของพวกเขาไว้” อี้เทียนหยุนยิ้ม การกระทำของเขานี้ สามารถรับประกันได้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน
เขาไม่กล้ารับประกันว่ามันจะคงอยู่ตลอดกาล แต่อย่างน้อยก็รับประกันได้จนถึงช่วงที่ปีศาจร้ายเริ่มโจมตี เจ้าดินแดนและราชครูของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดถูกกำจัดไปหมดแล้ว ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นจะไม่สามารถกล้ำกลืนความโกรธได้ ก็จำต้องฝืนกลืนเอาไว้ เพราะหากโผล่ออกมาอีก ก็จะต้องถูกฆ่าตายอีกอย่างแน่นอน
ต้องรู้ว่าพวกที่ออกมานี้ต่างก็ได้เตรียมตัวกันไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ถึงจะผ่านการเตรียมตัวมา ก็ยังได้อยู่ดี ดังนั้น ต่อให้จะเตรียมตัวยังไง ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก
“คำพูดนี้จะว่าไปก็ถูก…..”
สัวไค่เฟิงส่ายหัว สุดท้ายก็ยอมแพ้ที่จะตื้อต่อไป เขายังหวังว่าจะสามารถตื้ออีกฝ่ายได้ แต่ในเมื่อไม่เต็มใจ เขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีก
“ท่านประมุข พวกเราไม่จำเป็นต้องขอให้เทียนหยุนทำงานมากนั้น ถึงยังไงทั้งหมดแล้ว เขาก็ได้ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดให้เราแล้ว” อี้หยวนหลงมองไปยังอี้เทียนหยุนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่นี่จะเป็นบ้านของหลานตลอดไป ยินดีต้อนรับหลานกลับมาทุกเมื่อ!”
“แน่นอน หลานจะต้องกลับมาแน่” หลังจากนั้นอี้เทียนหยุนก็มองพวกเขาอยู่สักพัก จากนั้นก็หลังจากที่คำนับให้กับอี้ซิงเฉินและเจียวหลิงเหอแล้ว เขาก็ได้พูดขึ้นมาว่า “พวกเราคงต้องไปแล้ว หากที่นี่มีเรื่องอะไรที่ต้องการพวกเรา พวกเราก็จะกลับมาช่วยที่นี่อย่างแน่นอน!”
เจียวหลิงเหอเบ้าตาแดงก่ำ เธออยากจะรั้งอี้เทียนหยุนไว้ไม่อยากให้จากไป แต่เมื่อคิดดีๆ แล้ว ไม่ว่ายังไง สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องจากไปอยู่ดี
จากนั้น อี้เทียนหยุนก็พาชิเสวี่ยอวิ๋นจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่รั้งอยู่ที่นี่ต่อ เหล่าศิษย์ที่กำลังมีความสุข เมื่อเห็นว่าอี้เทียนหยุนพาคนจากไป ก็ได้รู้สึกสงสัย หากเป็นปกติแล้ว ควรต้องอยู่รองานฉลองก่อนสิถึงจะถูก แต่นี่ทำไมอยู่ๆ คนถึงได้จากไปล่ะ?
“ลูกโตแล้ว ไม่จำเป็นที่พวกเราจะต้องเป็นกังวล” อี้ซิงเฉินตบไล่เจียวหลิงเหอเบาๆ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ที่พวกเราต้องทำในตอนนี้ก็คือ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงเทียนแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จากนี้ไป พวกเราจะได้ต้านทานการโจมตีจากปีศาจร้ายตามที่เทียนหยุนบอก!”
“ใช่!” เจียวหลิงเหอพยักหน้า แม้ว่าเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันจะสั้นมาก แต่หากว่าไม่จัดการเรื่องนี้ เกรงว่าคงยากที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยกัน