ตอนที่ 748: หาย
อี้เทียนหยุนที่มาถึงเกาะเทียนโหมวก็ได้มองดูรอบๆ คราหนึ่ง และก็ไม่ได้สนใจอะไร พร้อมกับกระโดดลงไปในทะเลที่อีกด้านหนึ่ง ด้านบนมีเมืองเล็กๆ ทำให้เขาประหลาดใจก็จริง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก ถึงยังไงนี่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา เป้าหมายของเขาคือมาหาวิหารเทพเติ้งเทียน
หลังจากดำลงไปในน้ำ เขาก็เปิดใช้งานดวงตาประเมินกวาดมองไปรอบๆ ตรวจสอบรายละเอียดของทุกอย่างรอบๆ อย่างระวัง และสิ่งที่ดวงตาประเมินพบเข้าก็ทำเขาตกใจจริงๆ
เพราะที่ใต้น้ำนี้ เต็มไปด้วยหลุมบ่อเป็นจำนวนมาก ดูแล้วเหมือนไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่เป็นร่องรอยที่เกิดมาจากการต่อสู้เมื่อก่อนหน้า
ยิ่งกว่านั้น เขายังมองเห็นซากปรักหักพังจำนวนมากที่ถูกกลบฝังอยู่ในส่วนลึกที่ใต้ก้นทะเล จากรายละเอียดที่ได้จากดวงตาประเมิน ทำให้รู้ว่าพวกมันมีอายุมาได้หลายปีแล้ว ไม่ใช่กระดูกที่ปีศาจร้ายคายออกมา
ยังไงก็ตาม หากถูกปีศาจร้ายกลืนเข้าไป ย่อมไม่มีกระดูกคายออกมาเป็นของธรรมดา เพราะคงจะถูกย่อยไปโดยตรง
“ดูเหมือนว่าวิหารเทพเติ้งเทียนน่าจะอยู่ใกล้ๆ นี้ ดูจากร่องรอยการต่อสู้ที่หนักหน่วง นี่จะต้องเป็นหนึ่งในสนามรบที่ต่อกรกับปีศาจร้ายอย่างแน่นอน” อี้เทียนหยุนทำการสำรวจรอบๆ ต่อ จากนั้นก็ว่ายออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนเป็นคนที่สร้างแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนขึ้น แน่นอนว่าสถานที่ตั้งของมันย่อมไม่ใช่จะเป็นที่ไหนก็ได้ แต่ต้องมองหาที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่น จากนั้นจึงค่อยสร้างให้กลมกลืนกับสถานการณ์ของโลก
แน่นอนว่าจุดที่ต้องให้ความสำคัญที่สุดก็คือ ที่นั่นจะต้องเป็นตำแหน่งที่วางใจได้ว่าเมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนทั้งสามจะต้องเชื่อมผสานเข้าด้วยกันได้! ซึ่งนี่สามารถเข้าใจได้ หากเป็นอย่างนี้จริง บนหัวของอี้เทียนหยุนก็จะต้องเป็นแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนของโลกสวรรค์ และที่ด้านล่าง ก็จะเป็นแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนของโลกใต้พิภพ!
และการที่สร้างวิหารทั้งสามเช่นนี้ หากว่าบางแห่งเกิดปัญหา ก็จะไม่มีส่งผลกระทบต่อวิหารอีกสองแห่งที่เหลือ เพียงแต่จะไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปหากันได้เท่านั้น
ดังนั้น จึงไม่สามารถเคลื่อนย้ายพวกมันได้ตามใจ เพราะหลังจากที่เคลื่อนย้ายไปครั้งหนึ่ง ก็เท่ากับเป็นการตัดขาดการเคลื่อนย้ายไปหากัน แต่ถึงแม้ว่าหลังจากที่เคลื่อนย้ายไปจะไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปหากันได้ แต่ก็ยังสามารถต่อสู้ได้
ที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนจัดการตั้งแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนขึ้นที่นี่ แน่นอนว่าย่อมมีเหตุผลของเขา ดูได้จากร่องรอยของการต่อสู้ที่อยู่ที่นี่ บางที ใกล้ๆ นี้อาจจะเป็นบริเวณที่ปีศาจร้ายโผล่มาก็ได้ ดังนั้นจึงได้ก่อตั้งวิหารทั้งสามขึ้นที่นี่
และมีเพียงแต่ต้องทำอย่างนี้เท่านั้นถึงจะสามารถสนับสนุนได้เร็วพอ ไม่อย่างนั้น การจะก่อตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายขึ้นก็ไม่มีความหมายอะไรนัก การก่อตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้น ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันก็คือเพื่อที่จะสามารถให้การสนับสนุนได้เร็วที่สุด สามารถช่วยสนับสนุนการโจมตีได้ ถึงยังไงแล้ว วิหารทั้งหมดนี้ก็เคลื่อนที่ไม่ได้ ต่อให้การโจมตีของมันจะน่าสะพรึงสักแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน
“ไม่รู้ว่าแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนของที่นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่สามารถเชื่อมต่อการเคลื่อนย้ายเข้ากับมันได้?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว พร้อมกับทำการสำรวจรอบๆ ต่อ “หรือเป็นเพราะว่าน้ำทะเล จึงทำให้แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนสูญเสียประสิทธิภาพของมันไป?”
อยู่ๆ เขาก็ผุดความคิดนี้ขึ้นมา แต่จากนั้นก็ตัดความคิดนี้ทิ้งไป มหาค่ายกลของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนออกจะร้ายกาจขนาดนั้น จะมาถูกทำลายเพราะฤทธิ์ของน้ำทะเลได้ยังไง ยังไงก็ตาม ในตอนที่สร้างแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนขึ้น แน่นอนว่าย่อมไม่มีน้ำทะเลมากขนาดนี้ เกรงว่าเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้า จึงได้ทำให้เกิดเป็นทะเลแห่งนี้ขึ้น
อี้เทียนหยุนคาดเดา พรางดำลึกลงไป อย่างรวดเร็ว เขาก็พบเข้ากับบริเวณที่เป็นหลุมขนาดยักษ์ที่ก้นทะเล!
หลุมนี้มีขนาดใหญ่มาก คะเนจากสายตา นี่เป็นระยะพอๆ กับที่ตั้งของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนเลย อาณาเขตของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนทั้งสามล้วนแต่เหมือนกัน ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก และสิ่งก่อสร้างภายใน สามารถพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่ามันเหมือนกัน ไม่มีอะไรต่างแม้แต่น้อย
ดังนั้น เมื่อเขาเห็นขนาดของหลุมนี่แล้ว ทันใดนั้นก็รู้เลยว่า หลุมนี่จะต้องเป็นที่ตั้งของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนมาก่อน เพียงแต่ว่าตอนนี้มันได้หายไปแล้ว!
“นี่มันอะไรกัน ทำไมแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนถึงได้หายไปล่ะ?”
อี้เทียนหยุนตกใจ เขาไม่คิดว่าแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนจะมาหายไปอย่างนี้ แม้แต่เศษซากก็ไม่เหลือทิ้งเอาไว้ ที่เหลืออยู่ที่นี่ มีเพียงหลุมขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อเท่านั้น!
จากนั้น เขาก็ทำการออกค้นหาด้วยความไม่เชื่อ ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง พริบตา เขาก็ว่ายมาข้างหน้าเป็นระยะทางกว่าร้อยลี้ ด้วยดวงตาประเมินของเขาในตอนนี้ ทำให้เขาสามารถสำรวจบริเวณรอบๆ ในระยะหลายร้อยลี้ได้สบาย
นอกจากสัตว์อสูรจำนวนมากแล้ว เขาก็ไม่พบร่องรอยของแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนแต่อย่างใด อย่าว่าแต่ร่องรอยเลย แม้แต่อิฐสักก้อนยังไม่เจอ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน แท่นบูชาเทพเติ้งเทียนจะหายไปอย่างนี้จริงๆ เหรอ!” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้วมุ่น ในที่สุดปริศนาก็ได้รับการไขกระจ่างแล้ว ไม่แปลกที่จะไม่สามารถเคลื่อนย้ายมายังโลกมนุษย์ได้ ที่แท้ก็เพราะว่าแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนหายไปนี่เอง เห็นได้ชัดเลยว่ามันถูกเคลื่อนย้ายออกไป
เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมโลกมนุษย์ถึงได้มีสุดยอดผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเคลื่อนย้ายแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนออกไปได้ หากร้ายกาจขนาดนั้น ทำไมป่านนี้ถึงไม่ปกครองโลกมนุษย์ซะเลยล่ะ แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นแม้แต่น้อย และเขาก็ไม่เคยได้ยินว่ามีอาณาจักรที่น่ากลัวขนาดนั้นด้วย
“มีปัญหาแล้ว ไม่แปลกที่ค่าประสบการณ์ที่ภารกิจให้จะมากขนาดนั้น ตอนแรกก็คิดว่าจะง่าย แต่ไม่คิดเลยว่าแท่นบูชาเทพเติ้งเทียนจะยากที่จะหาขนาดนี้!”
รางวัลภารกิจย่อมสมน้ำสมเนื้อกับความยาก ยิ่งภารกิจยากเท่าไหร่ รางวัลที่ให้ก็จะยิ่งมากเท่านั้น ตอนนี้รางวัลที่ให้ เป็นค่าประสบการณ์ถึง 3 หมื่นล้าน ซึ่งนี่เทียบได้กับการสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียน 2-3 คน โดยที่อาศัยบัตรเพิ่มค่าประสบการณ์ทั้งหลายด้วย
หากเป็นตามสภาพปกติ การสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนจะได้ค่าประสบการณ์แค่ไม่กี่ล้าน อย่างมากก็ร้อยล้าน เมื่อเทียบกันแล้ว ก็จะเท่ากับต้องสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับราชาเซียนมากถึง 300 คน
ก็หมายความว่า ความยากของภารกิจนี้ย่อมไม่ธรรมดา และเมื่อคิดว่าภารกิจที่ให้จัดการกับปีศาจร้ายระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ด้วยแล้ว แค่คิดก็รู้แล้วว่ามันน่ากลัวขนาดไหน
“ดูเหมือนว่ารอบๆ นี้จะหาไม่พบแล้ว ดูท่า หากไม่จ่ายค่าความคลั่งเพื่อชี้วิญญาณนำทาง ก็ต้องออกค้นหาไปเรื่อยๆ…..”
อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว ซื้อวิญญาณนำทางหนึ่งครั้งจะต้องใช้ค่าความคลั่งเพิ่ม 1 ล้าน และสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ก็พอที่จะกล้อมแกล้มซื้อมันได้ ค่าความคลั่งที่สะสมมาอย่างยากลำบาก กลับต้องมาเสียไปอย่างนี้ ช่างรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าจริงๆ
“ลองขึ้นไปถามสถานการณ์ข้างบนก่อน หากว่าถามไม่ได้ความอะไรแล้วล่ะก็ จากนั้นค่อยพึ่งโชคเอา”
อี้เทียนหยุนทำได้เพียงกลับขึ้นไปหาข่าวที่เกาะเทียนโหมว เขาทำใจที่จะเสียค่าความคลั่งจำนวนมหาศาลขนาดนี้ไม่ได้ เขาอยากจะเก็บค่าความคลั่งไว้ซื้อบัตรเพิ่มค่าประสบการณ์มากกว่า อย่างน้อยมันก็รู้สึกดีกว่าซื้อวิญญาณนำทาง
พูดให้ถูกคือชี้ทาง และแค่การชี้ทางธรรมดากลับต้องใช้ถึงหลายล้านค่าความคลั่ง นี่ไม่ต่างอะไรกับปล้นกัน!
“คราวนี้ข้าจะไม่เชื่อในวิชามารอีก ถึงยังไงตอนนี้ข้าก็มีเวลาอีกมาก ค่อยๆ หาเอาก็ได้!” อี้เทียนหยุนว่ายขึ้นไปอย่างรวดเร็ว และเพิ่งจะว่ายขึ้นมา ก็พลันมีเสียงตกใจดังมาจากที่ใกล้ๆ
“หือ ดูเร็ว ที่นั่นมีคนกำลังจม รีบไปช่วยเร็ว!”
ใกล้ๆ กันนั้นมีเรือกำลังแล่นผ่านมา เมื่อเห็นอี้เทียนหยุนอยู่ในน้ำ จึงได้แล่นตรงมา อี้เทียนหยุนที่เห็นว่าพวกเขากำลังแล่นเรือตรงมาที่นี้ เขาก็ไม่ได้ว่ายขึ้นไปต่อ แต่กลับเลือกที่รออยู่เฉยๆ แทน
แค่เหลือบตามองเขาก็เข้าใจ คนที่เข้ามากลุ่มนี้ เข้ามาเพื่อช่วยเขา พวกเขาคงจะมาล่าสัตว์อสูรอยู่ที่นี่บ่อยครั้ง ดังนั้นการสอบถามจากพวกเขาจึงน่าจะดีที่สุด หากว่าที่นี่มีเสียงหรือว่าเรื่องอะไร พวกเขาจะต้องรู้เป็นคนแรกอย่างแน่นอน
การล่าสัตว์อสูรที่นี่นั้น ข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากไม่รู้ว่าบริเวณใกล้ๆ นั้นมีสัตว์อสูรที่น่ากลัวอยู่หรือเปล่า บางทีพวกเขาอาจจะถูกกลืนลงท้องของพวกมันไปในพริบตาก็เป็นได้