ตอนที่ 751: เงือกสาว
อี้เทียนหยุนที่ลงมือตามใจ กลับทำให้สัตว์อสูรตายกันเป็นเบือ รวมถึงอสูรน้ำเทียนสุ่ยด้วย ยังไงก็ตาม ดูผิวเผินพวกมันเหมือนไม่มีบาดแผลอะไร ซากศพยังคงสมบูรณ์มาก ดูแล้วไม่ต่างจากตอนมีชีวิตอย่างไงอย่างงั้น
และที่สำคัญคือศพพวกมันต่างพากันลอยเข้ามาที่นี่ เหมือนกำลังถูกพลังอะไรบางอย่างดึงเข้ามา อย่างรวดเร็วก็มาถึงข้างๆ เรือของพวกเขา ฉากนี้ทำเอาพวกหลินเฉียงพากันตกใจ คิดว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้ลอยเข้ามาหาพวกเขากันล่ะ?
“ลูกพี่ใหญ่ ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ การได้พบคนจิตใจดีเช่นเจ้าหาได้ไม่ง่ายเลย นี่ถือเป็นของขวัญขอบคุณให้เจ้า ให้เจ้านำสัตว์อสูรพวกนี้กลับไป ถือเป็นคำขอบคุณที่ตอบคำถามข้าเมื่อครู่ เอาไว้มีโอกาสพวกเราคงได้พบกันอีก”
อี้เทียนหยุนเผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็ถีบเท้าพุ่งออกไป หายไปกับเส้นขอบฟ้าทางทิศเหนือ หลินเฉียงบอกเอาไว้เมื่อกี้นี้แล้ว ว่าวิหารนั้นถูกสัตว์ทะเลลากไปยังทิศเหนือ ดังนั้นจึงน่าจะอยู่ที่บริเวณทางเหนือ
จากนั้นสักพัก ผู้คนก็พากันได้สติ ผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินคำพูดของอี้เทียนหยุน บอกว่าสัตว์อสูรพวกนี้ให้หลินเฉียงเป็นรางวัล! ผู้ฝึกตนที่นี่ ส่วนใหญ่ล้วนรู้จักหลินเฉียง ดังนั้นจึงได้เผยแววตาแห่งความอิจฉาออกมา
“นะ นี่คือผู้เชี่ยวชาญ!”
หลินเฉียงที่แม้จะได้สติ แต่ในใจยังคงตกใจอยู่ อสูรน้ำเทียนสุ่ยนี้ อย่างน้อยก็มีระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 4 การที่อี้เทียนหยุนยิงลูกพลังออกไปเพียงลูกเดียวก็จัดการมันจนตายได้โดยที่ไร้ซึ่งอารมณ์เช่นนี้ ก็หมายความว่าระดับของเขาเมื่อเทียบกับอสูรน้ำเทียนสุ่ยแล้ว แข็งแกร่งกว่ามาก ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่น่ากลัวขนาดนี้
“นี่ หรือว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณ?” เฉียนล่างพูดตะกุกตะกัก พร้อมกับมองไปที่หลินเฉียงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ
“แต่ข้าคิดว่าระดับของเขาจะต้องสูงกว่านี้ อย่างเช่นว่าอยู่ในระดับวิญญาณเที่ยงแท้!”
นี่จะโทษว่าพวกเขามีประสบการณ์น้อยก็ไม่ได้ แต่เป็นเพราะว่าปกติแล้ว พวกเขามีโอกาสเจอกับผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับตั้งแต่วิญญาณเที่ยงแท้ขึ้นไปน้อยมาก ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าระดับของอี้เทียนหยุนนั้นอยู่ที่ระดับราชาเซียน หากรู้ว่าเขาเป็นมหาจักรพรรดิเทียนหยุนแล้วล่ะก็ อีกฝ่ายคงต้องกลัวจนฉี่ราดอย่างแน่นอน
“ระดับวิญญาณเที่ยงแท้…..” พวกเขาพากันตกใจ กระทั่งว่าแผ่นหลังยังปรากฏเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมา
“ข้าดันไปสงสัยเขาซะได้ว่าเขาโกหก ที่แท้เขาก็ว่ายมาจริงๆ หรือว่าบางทีคงกำลังหาอะไรบางอย่างที่ก้นทะเล แล้วพอดีกับตอนที่ขึ้นมาก็บังเอิญเจอกับพวกเราเข้า?” หลังของเฉียนล่างเปียกโชก นี่มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก
นึกถึงเมื่อครู่นี้ที่ตนเองทำท่าทางเสียมารยาทกับอีกฝ่าย โชคดีแล้วที่ไม่ถูกฝ่ามืออีกฝ่ายฟาดเข้าให้ นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนล้วนแต่หยิ่งในศักดิ์ศรี หากไปทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ การจะถูกอีกฝ่ายฆ่า ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก
“เรื่องนี้คงไม่ผิดพลาดแล้วล่ะ แต่ว่าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลไป หากว่าทำให้อีกฝ่ายโกรธจริง เจ้าคงตายไปแล้ว คงไม่ยืนอยู่ที่นี่อย่างนี้หรอก” หลินเฉียงส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ “ผู้อื่นพูดความจริง แต่พวกเรากลับมีประสบการณ์น้อยเกินไป จึงเข้าใจผิดว่าเขาโกหก ครั้งนี้เจ้าคงได้เรียนรู้แล้วสินะ?”
พวกเขาพากันพยักหน้าหงึกหงัก พร้อมกับพยักหน้าต่อไปด้วยสีหน้าที่บอกว่าตนรู้แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงมากจริงๆ หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป พวกเขาจะต้องเรียนรู้ที่จะมองเรื่องราวให้กระจ่างอย่างแน่นอน
“แต่ว่าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมอบของขวัญชิ้นโตนี้ให้กับพวกเรา คราวนี้พวกเราเก็บเกี่ยวได้มหาศาลแล้ว รีบเก็บศพพวกนี้ใส่แหวนเร็ว ศพพวกนี้ไม่ได้รับความเสียหาย จะต้องขายได้ราคางามอย่างแน่นอน!”
หลินเฉียงกับพวกพากันยิ้ม รู้สึกดีที่ได้เจอกับผู้เชี่ยวชาญเข้า จะเสียดายก็แต่ที่ไม่สามารถเป็นสหายกับอีกฝ่ายได้ ไม่อย่างนั้นคงจะดีกว่านี้ แต่ต่อให้เสียดายไปก็เปล่าประโยชน์ คงทำได้เพียงแต่เรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อที่จะได้ไม่ทำผิดในคราวหน้า
ขณะเดียวกัน ทางอี้เทียนหยุนก็ได้บินมาทางทิศเหนือด้วยความเร็วสูงสุด ขณะเดียวกันก็ทำการสำรวจก้นทะเลที่ผ่านตลอดทาง ปกคลุมระยะ 50 ลี้รอบๆ โดยที่ไม่ยอมปล่อยให้รายละเอียดใดๆ เล็ดรอดไป
หลังจากรู้ว่าเป็นทางเหนือ ก็ทำให้การสำรวจของเขาลดขอบเขตลงมาก ดังนั้น ข้อมูลนี้จึงสำคัญเป็นพิเศษ หากว่าถึงขั้นนี้แล้วยังหาไม่เจอ เขาคงทำได้เพียงยอมเสียค่าความคลั่งราคาสูง เพื่อซื้อวิญญาณนำทางแล้ว แม้ว่าเขาจะต้องเป็นทุกข์มาก แต่หากหาไม่เจอจริงๆ ก็คงได้แต่ใช้วิธีนี้
หลังจากบินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งวัน เขาก็ยังคงไม่พบแม้แต่เงา นี่ทำให้เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก
ต้องรู้นะว่าด้วยความเร็วของเขา การบินมาเป็นระยะเวลาหนึ่งวันนั้น อย่างน้อยก็พูดได้ว่าเป็นระยะทางหลายแสนลี้ แต่นี่กลับไม่พบร่องรอยแม้แต่น้อย วิหารอันตั้งใหญ่ตั้งโต จะสามารถเคลื่อนย้ายมาไกลได้สักแค่ไหนเชียว?
“แปลกจริง ตกลงแล้วอยู่ที่ไหนกันแน่?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว พร้อมกับหยิบอาวุธออกมา จากนั้นก็เปิดใช้งานรัศมีโชค หวังจะให้โชคเป็นตัวบอกทาง “มา จงบอกทางที่ถูกต้องให้แก่ข้า!”
วิธีการหาทางแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก การพึ่งโชคแบบนี้แม้จะได้ทิศทางที่ถูกต้อง แต่ข้อมูลที่ได้ก็น้อยมาก ดังนั้นในเวลาปกติ เขาจึงไม่คิดจะใช้มัน
จากนั้น เขาก็ทำการตั้งอาวุธขึ้น หลังจากหมุนมัน มันก็ได้ตกลงไปบนผิวน้ำอย่างมั่นคง และทิศทางที่ชี้ยังคงเป็นทิศเหนือดังเดิม! ทิศทางไม่เปลี่ยน แสดงว่าเส้นทางนั้นถูกต้อง หมายความว่าเขามาถูกทางแล้ว
“ดูเหมือนว่าคงต้องบินไปอีก….” อี้เทียนหยุนส่ายหัว ทำได้เพียงบินต่อไปเท่านั้น แต่ในขณะที่เขากำลังจะปิดรัศมีโชคลงนั้น ทันใดนั้นก็ “ตู้ม” เสียงน้ำทะเลสาดตูมขึ้นมา ก่อนที่จะมีตัวอะไรสักอย่างกระโจนเข้าใส่เขา
เขาที่มือไวตาว่องก็พลันเอื้อมมือเข้าไปรับ พร้อมกับรู้สึกถึงความลื่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พร้อมกันนั้นยังรู้สึกถึงความนุ่มบางอย่าง และเมื่อเขามองลงไปยังสิ่งที่ตัวเองอุ้มไว้ในอ้อมแขน เขาก็พบว่าเป็นหญิงสาวที่งดงามโดดเด่นนางหนึ่ง! นี่เป็นหญิงสาวที่งดงามโดดเด่นซึ่งมีร่างเป็นครึ่งคนครึ่งปลา ส่วนหางที่เป็นปลาของเธอมีสีฟ้าที่ยาวมากกว่าหนึ่งเมตร พร้อมกับเกล็ดสีฟ้าคราม ดูแล้วน่าหลงใหลอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัยน์ตาสีฟ้าที่งดงามของเธอยิ่งน่าดึงดูดขึ้นไปอีก สิ่งที่ดึงดูดใจเป็นอันดับแรกของเธอก็คือดวงตาของเธอ จากนั้นก็เป็นใบหน้า ผมสีฟ้า ดวงตาสีฟ้า หางปลาสีฟ้า ยังไงก็ตาม เธอก็สวมเสื้อผ้าปกปิดมิดชิดอย่างดี ไม่ได้เปิดเผยพื้นผิดภายนอกแม้แต่น้อย
“อสูรทะเล?”
อี้เทียนหยุนตกใจ ไม่คิดว่ารัศมีโชคไม่เพียงแต่ช่วยบอกเส้นทางให้เขาเท่านั้น แต่ยังส่งอสูรทะเลมาให้อีกด้วย? การส่งอสูรทะเลตัวนี้มา คงไม่ให้ว่าให้เขาถามเอาที่อยู่กับเธอโต้งๆ หรอกนะ?
“ผะ เผ่ามนุษย์!” เงือกสาวพยายามดิ้นไปมา ต้องการหลุดไปจากอ้อมแขนของเขา
จากนั้น ก็มีสัตว์อสูรขนาดมหึมาโผล่พรวดขึ้นมาจากใต้น้ำ พร้อมกับอ้าปากขนาดใหญ่ของมัน หวังจะกลืนกินพวกเขา ไม่แปลกที่เงือกสาวนางนี้จะกระโดดขึ้นมาที่นี่ แท้แท้ก็เพราะถูกสัตว์อสูรไล่กินนี่เอง
“ไสหัวไป!”
อี้เทียนหยุนดีดลูกพลังลูกหนึ่งออกไป ทำให้สัตว์อสูรระดับก่อแกนวิญญาณตัวนี้ตายไปด้วยลูกพลังของเขา ทิ้งไว้แต่เพียงศพขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ
เงือกสาวที่เห็นฉากนี้ก็พลันตกใจ ลืมแม้กระทั่งว่าจะดิ้นให้หลุดไปจากอ้อมแขนของมนุษย์คนนี้
“ตะ ตายแล้วเหรอ?” เงือกสาวมองไปยังสัตว์อสูรที่ไล่ล่าตน เธอที่ทำทุกอย่างก็ไม่สามารถสลัดหลุดจากมันได้ แต่มันกลับมาตายลงอย่างนี้
จากนั้น เธอก็หันกลับไปมอง และก็เห็นอี้เทียนหยุนที่กำลังส่งยิ้มให้เธอ ทำให้ในใจของเธอรู้สึกเย็นจนขนทั้งร่างลุกชี้ชัน เพราะรอยยิ้มที่มองมานี้ ให้ความรู้สึกเหมือนว่าตนตกเป็นเหยื่อ อีกทั้งยังน่าสะพรึงกลัวกว่าสัตว์อสูรตนนั้นซะอีก
“ข้าช่วยเจ้าไว้อย่างนี้ แล้วเจ้าจะตอบแทนข้ายังไง?” อี้เทียนหยุนมองดูเธอขึ้นๆ ลงๆ พร้อมกับยิ้มออกมา
เงือกสาวเอามือปิดหน้าอก พร้อมกับรีบพูดขึ้นมาว่า “จะ เจ้ามนุษย์ หยุดความคิดนั้นเลยนะ!”
อี้เทียนหยุนพลันมีสีหน้าแปลกๆ ในทันที ตัวเขาแค่ต้องการถามบางอย่างแค่นั้น แต่อีกฝ่ายกลับคิดไปทางนั้นซะได้