ตอนที่ 754: โจมตี
“ข้างหน้านี้คือตระกูลของข้า เจ้ารอที่นี่ชั่วคราวก่อน จำไว้ว่าต้องซ่อนตัวด้วย อย่าให้คนในเผ่าข้าเห็น ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะต้องโจมตีเจ้าอย่างแน่นอน!”
หลานชิงหลินร้องเตือนคำหนึ่ง บอกให้เขาอย่าได้วิ่งไปทั่ว ไม่อย่างนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ เรื่องนี้สามารถยืนยันได้ ในตอนแรกที่หลานชิงหลิงเจอเขา ก็แสดงท่าทางเป็นปรปักษ์ออกมา อย่าว่าแต่คนอื่นๆ ในเผ่าเลย
ที่หลานชิงหลิงมีท่าทางอย่างนี้ต่อเขา ล้วนเป็นเพราะเขาได้ช่วยเธอไว้ ดังนั้น ก่อนจะไป เธอจึงไม่วายหันกลับมาสั่งความเขาไว้คราหนึ่ง
“อืม ไม่มีปัญหา ตราบเท่าที่ข้าคิดจะซ่อน ก็ไม่มีใครสามารถหาข้าเจอได้หรอก” อี้เทียนหยุนไม่ได้พูดอย่างขอไปที ด้วยระดับที่แข็งแกร่งอย่างเขา นอกจากจะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเขาเท่านั้น ไม่อย่างนั้นอย่าได้หวังว่าจะเห็นเขาเลย
“ตกลง งั้นข้าจะกลับไปก่อน ไว้ได้ของแล้วข้าจะกลับมา” หลานชิงหลิงพยักหน้า จากนั้นก็ว่ายไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากแหวกว่ายผ่านหลายพื้นที่ สุดท้าย เธอก็มุดเข้าไปยังร่างของวาฬทะเลขนาดยักษ์ตรงหน้า
เธอมุดเข้าไปในรูบนตัววาฬทะเลตัวนั้น คาดไม่ถึงเลยว่าที่อยู่อาศัยของเผ่าเงือกจะอยู่ในตัววาฬทะเล ยังไงก็ตาม นี่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลเท่าไหร่นัก เพราะวาฬทะเลมีขนาดตัวที่ใหญ่มาก พร้อมกับพลังรบที่ค่อนข้างมีจำกัด ทำให้ตัวของมันเปรียบได้กับโล่เนื้อขนาดใหญ่
ด้วยสถานการณ์ที่มีพลังรบอยู่อย่างจำกัด ทำให้มันยากที่จะต่อต้านการล่าของสัตว์อสูรตัวอื่นๆ ดังนั้น วาฬทะเลจึงต้องพึงพาอาศัยเผ่าอื่น เพื่อช่วยจัดการกับศัตรูของมัน
ทำให้เผ่าเงือกกลายเป็นหน่วยโจมตีหลัก ขณะที่วาฬทะเลรับหน้าที่เป็นที่พักอาศัยและป้อมปราการ เรื่องมันก็ง่ายๆ เช่นนี้ โดยเฉพาะขนาดของวาฬทะเลที่มีขนาดใหญ่มากจริงๆ ขนาดของมันใหญ่ราวๆ ร้อยจ้างได้ ทำให้เพียงพอที่จะให้คนหลายพันคนได้อยู่อาศัย
ยิ่งในสถานการณ์ที่เผ่าอสูรสีชาดออกล่าเช่นนี้ ทำให้พวกเธอต้องพากันหาที่ซ่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งที่นี่เองยังค่อนข้างปลอดภัย รอบๆ เต็มไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่ พร้อมกับสาหร่ายที่ลอยละล่องอยู่รอบๆ รับหน้าที่เป็นตัวขัดขวางชั้นดี อีกทั้ง กระแสน้ำลึกของที่นี่ยังน่าสะพรึงมาก พูดได้ว่ามีความลึกอย่างมาก ด้วยดวงตาประเมินของเขา หากไม่เข้าไปใกล้ๆ ก็ยากที่จะหาที่นี่พบ
“เผ่าเงือกอย่างงั้นเหรอ ช่างน่าสนใจจริงๆ……”
อี้เทียนหยุนทำการตรวจสอบสถานการณ์รอบๆ ที่นี่มีเงือกหนุ่มที่ทรงพลังพากันถืออาวุธลาดตระเวนอยู่ พวกเขาพากันมองไปรอบๆ อย่างระวัง และเมื่อพวกเขาเห็นหลานชิงหลิง ก็พากันรีบโค้งตัวคำนับเธอ ดูท่า ฐานะของเธอคงจะสูงมาก
ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ไม่พูดอะไร ไม่รู้เป็นเพราะว่าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี หรือเพราะฐานะที่ต่างกันมากเกินไปกันแน่
หลังจากนั้นสักพัก ก็ไม่มีอะไรที่มีค่าพอจะให้ดูอีก สิ่งที่ผ่านไปมานี้ นอกจากเผ่าเงือกแล้ว ก็มีแต่วาฬทะเลตัวเขื่อง ซึ่งระดับของวาฬทะเลตัวนี้ก็ไม่ใช่ต่ำๆ อยู่ในระดับผันแปรวิญญาณขั้นสูงสุด ถือว่าเป็นโล่เนื้อที่ทรงพลังมากทีเดียว
จากที่เขาดู หากไม่ใช่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้มาเอง ก็ยากที่จะทำให้วาฬทะเลตัวนี้เกิดแผลได้ ด้วยพลังป้องกันที่หนาเป็นอย่างมาก ทำให้การโจมตีทั่วๆ ไปยากที่จะแทงทะลุตัวของมัน
“ไม่รู้ว่ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงได้ใช้เวลานานนั้น…..”
อี้เทียนหยุนที่เอนตัวอยู่บนต้นไม้ใต้ทะเล คิดว่าหลานชิงหลิงนั้นใช้เวลานานเกินไป เขารออยู่ที่นี่หนึ่งชั่วยามแล้ว แต่เธอยังไม่เอาของออกมาอีก เกรงว่าน่าจะมีการถกเถียงอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน
แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่รออยู่ที่นี่ต่อไปเท่านั้น ที่อยู่อาศัยของเผ่าเงือกนั้นถือว่าลึกลับเป็นอย่างมาก เชื่อว่าทางฝั่งเผ่าอสูรสีชาดเองก็คงลึกลับไม่ต่างกัน หากไม่มีหลานชิงหลิงนำทาง เกรงว่าเขาคงไม่มีทางที่จะไปถูกได้
และในขณะที่เขากำลังฆ่าเวลารออยู่นั้น ทันใดนั้น ด้านหน้าก็มีเสียงเล็กน้อยดังมา จากนั้นเงือกทั้งหลายก็พากันมุดเข้าไปในร่างของวาฬทะเล จากนั้น วาฬทะเลตัวนั้นก็เริ่มบิดตัว เห็นได้ชัดว่าเตรียมที่จะหลบไปจากที่นี่ เหมือนว่ากำลังจะมีเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น
“นี่มันอะไรกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วยาม เขาเห็นเงือกที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนว่ายตรงมาที่นี่อย่างรวดเร็ว และหลังจากเข้าไปในตัววาฬตัวนั้นแล้ว ครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็เริ่มเตรียมที่จะจากไป เห็นได้ชัดว่าไปสืบได้ข่าวบางอย่าง ดังนั้นตอนนี้จึงต้องรีบย้ายที่อยู่
แต่หากเป็นอย่างนี้แล้ว หลานชิงหลิงยังจะนำทางให้เขาได้อีกเหรอ?
และในขณะที่เขากำลังจะไปหาที่วาฬทะเลอยู่นั้น ร่างของหลานชิงหลิงก็ว่ายออกมาจากวาฬทะเล พร้อมกับว่ายตรงมาที่เขา อี้เทียนหยุนก็รีบออกไปแสดงตนในทันที ด้วยเกรงว่าเธอจะหาเขาไม่เจอ
“พี่ใหญ่อี้ พี่ใหญ่อี้?” เธอร้องตะโกนอยู่ใกล้ๆ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” อี้เทียนหยุนโผล่ออกไปตรงหน้าเธอพร้อมกับถามขึ้น
“เยี่ยม รีบตามข้ามา เผ่าอสูรสีชาดไล่มาแล้ว พวกเราต้องรีบหนี!” เธอไม่พูดอะไรมาก แต่เข้ามาลากอี้เทียนหยุนว่ายเข้าหาวาฬทะเล และเมื่อไปถึงด้านบนวาฬทะเล เธอก็นำเข้าว่ายเข้าไปในตัวของวาฬทะเลในทันที
“เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่ว่าเจ้ากลัวคนในเผ่าจะเห็นข้าอย่างงั้นเหรอ? การที่เจ้าพาข้าเข้ามาอย่างนี้ เจ้าไม่กลัวพวกเขาเจอข้าหรือยังไง?” อี้เทียนหยุนถามขึ้นอย่างสงสัย
“หากไม่พาท่านเข้ามา ท่านจะต้องถูกเผ่าอสูรสีชาดเจออย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้น ท่านก็ตายอยู่ที่นี่น่ะสิ!” หลานชิงหลิงพาเขาเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
อย่างรวดเร็ว เขาก็เข้ามาที่ข้างใน ในนี้ไม่มีน้ำแม้แต่น้อย ล้วนแต่ถูกพ่นออกไปจนหมด และเมื่อเขาเพิ่งจะเข้ามา ก็พลันได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพดังขึ้นมาว่า “องค์หญิง ท่านออกไปไหนมา? หากถูกเผ่าอสูรสีชาดสังหารจะทำยังไง ท่านออกไปอย่าง…. มะ มนุษย์อย่างงั้นเหรอ!?”
องครักษ์ตรงหน้าพลันตื่นตัวขึ้นมาทันที พร้อมกับจับอาวุธในมือชี้มาที่ตัวเขา พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง
อี้เทียนหยุนมองไปที่พวกเขา องครักษ์ของที่นี่นั้น เงือกชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้ที่มีพลังสูงที่สุด อยู่ในระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 5 และเมื่อดูเหล่าองครักษ์ที่เข้ามาล้อมเขาอยู่นี้ ดูท่าคงจะเป็นระดับผู้อาวุโสของเผ่า
ยังไงก็ตาม หากเขาฟังไม่ผิด หลานชิงหลิงคนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นระดับองค์หญิง ไม่ว่าจะเป็นความงาม และพรสวรรค์ การที่เธอมีฐานะเป็นองค์หญิงก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าตกใจแต่อย่างใด
“ท่านปู่ป๋อ อย่าได้กังวล เขาไม่ใช่คนไม่ดี เขาเป็นคนที่ช่วยข้าไว้!” หลานชิงหลิงเข้ามาขวางตรงหน้าอี้เทียนหยุน พร้อมกับบอกพวกเขาไม่ให้ตกใจ
“ช่วยท่านเหรอ?” ปู่ป๋อมองเธออย่างสงสัย จากนั้นก็พูดอย่างกังวลว่า “ไม่ว่าเขาจะช่วยท่านหรือไม่ ท่านก็ต้องเข้ามานี่ก่อน!”
การที่หลานชิงหลิงเชื่ออี้เทียนหยุน ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะเชื่ออี้เทียนหยุน ด้วยความที่เป็นคนต่างเผ่า คงเป็นการยากที่จะเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เจอกันครั้งแรกด้วยแล้ว จะให้เชื่อเลยนั้น คงเป็นไปไม่ได้
“ไม่ เรื่องนี้ต้องพูดให้ชัดเจน ข้าไม่สามารถให้พวกท่านทำเหมือนเขาเป็นคนไม่ดีได้” จากนั้น หลานชิงหลิงก็บอกสถานการณ์ออกไปอย่างคร่าวๆ แม้แต่เรื่องที่อี้เทียนหยุนจะไปยังเผ่าอสูรสีชาด เธอก็บอกออกไปอย่างชัดเจน
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง วางใจเถอะ ในเมื่อเขาช่วยองค์หญิงไว้ นั่นก็เท่ากับเขามีบุญคุณต่อเผ่าเงือกเรา พวกเราย่อมไม่ทำร้ายเขา” แม้ปู่ป๋อจะพูดอย่างงั้น แต่ก็ไม่ได้ลดความระมัดระวังลงเช่นกัน
มันไม่ง่ายเลยที่จะลดความระมัดระวังลง นอกจากว่าจะทำความเข้าใจกับสถานการณ์อย่างลึกล้ำ หลานชิงหลิงเป็นคนยังไงนั้น พวกเขาล้วนรู้ดี เธอย่อมไม่มีทางหลอกพวกเขาอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ พี่ใหญ่อี้ พวกเราไปกันเถอะ” หลานชิงหลิงยิ้ม จากนั้นก็นำเขาเข้าไปด้านใน
เพิ่งจะเข้ามา องครักษ์ที่อยู่รอบๆ ก็พากันตามติดข้างหลังเขา แม้จะไม่ลงมือ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าต้องระวังไว้ พากันจับตามองเขาทุกฝีก้าว อี้เทียนหยุนยิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไร หากเปลี่ยนเป็นเขาเอง ก็ต้องจับตาดูอีกฝ่ายเช่นกัน