ตอนที่ 760: กล้าหาญ
ปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุนนั้นมีพลังที่น่าทึ่งมาก อยู่ในระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 8 เมื่อเทียบกับจักรพรรดินีในปัจจุบันแล้ว แข็งแกร่งกว่าขั้นหนึ่ง ซึ่งระดับที่ห่างกันขึ้นหนึ่งนี้ ก็คือแขนที่งอกเพิ่มอีกสองข้างข้างหลังเขา ต้องรู้นะว่าระดับความแข็งแกร่งโดยรวมนั้น รู้ได้จากง่ายๆ อย่างนี้แหละ
หากอี้เทียนหยุนอยู่ที่นี่ เขาจะรู้ได้ทันทีว่าจักรพรรดินียากที่จัดการกับปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุน นอกจากว่าจะมีสมบัติอะไรสักอย่างที่พลิกผลแพ้ชนะได้ ไม่อย่างนั้น เธอย่อมไม่มีทางที่จะจัดการกับปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุนผู้นี้
แม้ระดับของทั้งสองจะไม่ต่างกันมากนัก แต่เมื่อเผ่าวิญญาณร้ายระเบิดพลังออกมา พวกเขาจะมีพลังที่สามารถบดขยี้ศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
ส่วนสายเลือดของเผ่าเงือกนั้นยังถือว่าห่างไกลจากคำว่าน่าทึ่งไปไกลนัก พูดได้เพียงว่าพวกเธอเป็นที่รักของน้ำเท่านั้น ทำให้มีความสามารถที่จะควบคุมพลังวิญญาณธาตุน้ำได้ แต่ปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุนเองก็เป็นเผ่าอสูรสีชาดเช่นกัน ดังนั้น การควบคุมพลังวิญญาณธาตุน้ำก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่าเงือกเลย
ดังนั้น ความต่างระหว่างทั้งสองจึงไม่ได้ปรากฏช่องว่างออกมาใหญ่เป็นพิเศษ
“จักรพรรดินีของข้า ไม่คิดเลยว่าท่านจะรักษาตัวได้เร็วเช่นนี้ หรือว่าหาหญ้าหยกวารีเจอแล้วอย่างงั้นเหรอ?” ปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุนหัวเราะ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เรื่องทั้งหมดได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว วาฬทะเลของเจ้าได้ถูกพวกข้าล้อมไว้แล้ว ทางออกอื่นก็ถูกข้าป้องกันไว้แล้วเช่นกัน เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะหนีไปไหนได้อย่างงั้นเหรอ?”
“ต่อให้จักรพรรดินีเจ้าจะฟื้นกลับคืนมาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าก็ไร้ความหมาย”
ปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุนไม่กังวล กลับกัน กลับมองมาที่พวกเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ข้าจะให้ตัวเลือกเจ้าสองข้อ ตัวเลือกแรกคือตายแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าจะถูกจับแล้วถูกนำมาเป็นเครื่องสังเวยให้แก่ข้า, ส่วนตัวเลือกที่สองนั้น ให้พวกเจ้าสาบานว่าจะภักดีต่อเผ่าอสูรสีชาดเรา พร้อมกับส่งไข่มุกหยกวารีนั้นมาให้แกข้า สมบัติที่ดีชิ้นนั้น อยู่ในมือพวกเจ้าไปก็ไร้ประโยชน์”
“ต่อให้ข้าสาบานว่าจะภักดีต่อเจ้า เจ้าก็ยังจะจับคนในเผ่าของข้าไปเป็นเครื่องสังเวยอยู่ดีนั่นล่ะ!” จักรพรรดินีจับอาวุธในมือแน่น อาวุธในมือเธอนี้ เป็นอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำ ซึ่งด้วยระดับอย่างพวกเธอ อาวุธระดับนี้ถือว่าเป็นระดับที่ดีที่สุดแล้ว
“ที่เจ้าพูดมาก็ถูก แต่หากว่าเจ้าไม่ยอมสาบานว่าจะภักดีตามคำข้า ข้าก็จะจับทุกคนในเผ่าของเจ้ามาเป็นเครื่องสังเวยให้หมด เลือกมาซะ ข้ารู้ว่าจักรพรรดินีอย่างเจ้าคงรู้นะว่าจะเลือกแบบไหน?” ปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุนเต็มไปด้วยแสงเย็นเยียบ เหมือนกับเป็นกระบี่ที่พร้อมจะออกมาจากฝักได้ทุกเมื่อ
“วางใจเถอะ ต่อให้พวกข้าจะตาย ก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะชนะพวกข้าได้โดยไม่มีการสูญเสีย! ใครจะอยู่ใครจะตาย สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถที่จะบอกได้อย่างแน่นอน!” กลิ่นอายของจักรพรรดินีพวกเขาพุ่งขึ้นเทียมฟ้า ไม่หวาดกลัวต่อชีวิตและความตาย ยังคงมีความทระนงเหมือนกับเมื่อก่อน
“สมแล้วที่เป็นเผ่าเงือก ในเมื่อพวกเจ้าไม่หวาดกลัวต่อชีวิตและความตาย งั้นข้าจะเป็นคนช่วยเจ้าเอง!” ปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุนชี้มือ พร้อมกับออกคำสั่งไปว่า “จับพวกมันมาให้ข้า ใครต่อต้าน ฆ่าไม่มีการละเว้น!”
“ครับ!”
เผ่าอสูรสีชาดก็เต็มไปด้วยความฮึกเหิมเช่นกัน พร้อมกับพุ่งเข้าใส่เผ่าเงือกอย่างไม่มีการลังเล หอกยาวในมือพวกเขา พลันมีแสงสีแดงฉานเปล่งออกมา ก่อนที่จะมีเปลวเพลิงอสูรพุ่งออกมา
เผ่าอสูรสีชาดเป็นเผ่าที่มีธาตุไฟและน้ำในตัว ซึ่งถือว่าเป็นธาตุที่ขัดกัน ดังนั้น เมื่อโจมตีออกไป จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเผ่าเงือกจะต้องถูกกระทำอย่างสาหัสแค่ไหน
“ท่านย่า ข้ามาช่วยแล้ว!” ในตอนนี้เอง หลานชิงหลิงก็ได้วิ่งมาจากด้านหลัง ขณะที่มือถือหอกยาวแน่น ให้ความรู้สึกเหมือนนักรบหญิงที่พร้อมจะพุ่งชน
“องค์หญิง!” เมื่อพวกไห่เสี่ยวพ่างเห็นหลานชิงหลิงวิ่งออกมา ก็พลันตกใจในทันที
ตกใจแม้กระทั่งจักรพรรดินีเอง เห็นได้ชัดว่าเธอบอกให้ทั้งสองคนหนีไป แต่ใครจะรู้ว่าหลานชิงหลิงจะกลับมาอย่างไม่คาดคิด ทำให้ในใจของเธอพลันรู้สึกหนาวเย็นถึงขีดสุด
ตอนนี้ต่อให้พวกเธออยากจะหนีก็ไม่สามารถหนีได้ เธอวางแผนว่าจะตรึงปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุน และให้ทุกคนทุ่มชีวิตเข้าสังหารสังหาร เพื่อดึงดูดความสนใจทั้งหมดมาที่นี่ สร้างโอกาสให้หลานชิงหลิงและอี้เทียนหยุนได้หนีไป นี่เป็นแผนที่เธอวางเอาไว้
แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับพังสิ้น หลานชิงหลงกลับเลือกที่จะวิ่งกลับมา ทำให้ในใจของพวกเขาต่างก็สั่นสะเทือน
“เจ้า ทำไมเจ้าถึงกลับมา!?” จักรพรรดินีมีสีหน้าน่าเกลียด
“ท่านย่า พ่อแม่ของข้าไม่อยู่แล้ว ข้าไม่สามารถทิ้งท่านย่าแล้วหนีเอาตัวรอดคนเดียวได้…..” หลานชิงหลิงพูดด้วยสายตามุ่งมั่น
“โอ้ เด็กโง่ เจ้า…..” จักรพรรดินีทอดถอนใจ จากนั้นก็พูดอย่างสงสัยว่า “แล้วสหายเผ่ามนุษย์คนนั้นล่ะ?”
“ข้าให้เขาหนีไป พร้อมกับเอาไข่มุกหยกวารีให้เขานำไปมอบให้สหายคนอื่น ข้าเชื่อว่าพี่ใหญ่อี้จะสามารถหาเผ่าเงือกเผ่าอื่นพบ!” หลานชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้มบาง “ท่านย่า ข้าจะให้ท่านได้เห็น ว่าหลายวันมานี้ ข้าไม่ได้มีระดับลดลงเลย!”
“ดี ในเมื่อมาแล้ว งั้นพวกเราก็ร่วมฆ่าด้วยกัน ให้พวกมันได้สัมผัส ว่าเผ่าเงือกของพวกเราจะไม่มีวันยอมจำนน!” จักรพรรดินีรู้ว่าตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว หากจะให้หลานชิงหลิงกลับไปซ่อนตัวอีก ก็เกรงว่าจะสร้างความสนใจ ทำได้เพียงแต่ฝืนเข้าต่อสู้ แล้วดูว่าจะสามารถหนีไปได้ไหม
หากว่าสามารถหนีไปได้ เธอก็จะให้หลานชิงหลิงหนีไป ดังนั้นจึงต้องใส่ใจสถานการณ์ในที่นี่เป็นพิเศษ
“ยังคงมีจิตวิญญาณที่กล้าแกร่งอยู่อีกเหรอ?” ปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุนหัวเราะ “ตุ๊กตาตัวนี้ดูดีมาก ดูคล้ายกับอดีตจักรพรรดินีที่เสียสละตัวเองคนนั้นนิดหน่อย? ดูเหมือนว่าจะเป็นองค์หญิงของเผ่าเงือกสินะ ดูท่า การเสียสละตัวเองของนางในครั้งนั้น คงจะไม่มีผลซะแล้วสิ”
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” นัยน์ตาสีฟ้าของหลานชิงหลิงเต็มไปด้วยความโกรธและจิตสังหาร แตกต่างจากความใสซื่อบริสุทธิ์เมื่อก่อนหน้าโดยสมบูรณ์
“คนที่จะฆ่าข้ามีอยู่มาก มีเจ้าเพิ่มมาอีกคนก็ไม่นับเป็นอะไร” ปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุนโจมตีเข้ามา พร้อมกับกวัดแกว่งไข่มุกในมือที่ดูเหมือนจะเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง ทันใดนั้น ก็มีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมา “จักรพรรดินี ครั้งก่อนข้าทำลายหางปลาของเจ้า แต่คราวนี้ข้าจะทำลายทั่วทั้งร่างของเจ้า ดูสิว่าคราวนี้เจ้ายังจะหนีได้อีกไหม!”
“ถ้ามีปัญญาก็เอาสิ!” จักรพรรดินีสายตาเย็นชา พร้อมกับถือหอกในมือพุ่งเข้ารับการโจมตีที่เข้ามาอย่างกล้าหาญ
ทันใดนั้น ในร่างของวาฬทะเลก็กลายเป็นสนามรบ ที่เต็มไปด้วยการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง หลานชิงหลิงก็เข้าร่วมสงครามเช่นกัน เธอเข้าต่อสู้ร่วมกับสหายในแนวหน้า ดูแล้วจะเหมือนองค์หญิงคนหนึ่งได้ยังไง นี่มันคล้ายกับทหารเงือก ที่ต่อสู้ด้วยจิตวิญญาณของผู้กล้าต่างหาก!
และในขณะที่พวกเขากำลังจะปะทะเข้ากับเปลวเพลิงพิโรธนั้น ทันใดนั้น ก็ได้มีร่างๆ หนึ่งเดินมาจากข้างหลังอย่างช้าๆ พร้อมกับในมือที่ถือผลึกกลมๆ สีฟ้าอยู่ ซึ่งก็คือไข่มุกหยกวารี
หลังจากผู้คนเห็นอย่างนี้ ก็พากันหยุดต่อสู้ในทันที พร้อมกับมองไปยังเผ่ามนุษย์ที่กำลังเดินมาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการไข่มุกหยกวารีนี้หรอกเหรอ?” และคนที่ถือไข่มุกหยกวารีนี้ออกมาก็คืออี้เทียนหยุนนั่นเอง
เขาเดินเข้ามาทีละก้าว พร้อมกับกวาดสายตามองรอบๆ พวกเขาเพิ่งจะปะทะกัน ดังนั้นจึงยังไม่มีคนตาย ยังคงอยู่ในสภาพประจันหน้าอยู่
“เผ่ามนุษย์อย่างงั้นเหรอ!?” ปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุนจับจ้องมาที่เขา พร้อมกับหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ ไม่คิดเลยว่าไข่มุกหยกวารีจะอยู่ในมือเผ่ามนุษย์ ดีมาก ดีจริงๆ! เจ้าเด็กเผ่ามนุษย์ ตราบเท่าที่เจ้าส่งไข่มุกหยกวารีมา ไม่เพียงแต่ข้าจะปล่อยเจ้าออกไป แต่ยังจะให้สมบัติจำนวนมากกับเจ้าด้วย และยังจะมอบนางเงือกที่งดงามอีกหลายคนให้กับเจ้า ไม่รู้ว่านี่พอจะแลกกันได้ไหม?”
ปรมาจารย์อสูรจุ้ยหยุนรู้เช่นเห็นชาติเผ่ามนุษย์ดี พวกเขาเป็นเผ่าที่เห็นแก่ประโยชน์เป็นที่ตั้ง และเมื่อมีเหยื่อที่ล่อตาล่อใจ พวกเขาก็จะวิ่งเข้าใส่ในทันที
แม้กระทั่งจักรพรรดินีที่อยู่ทางนั้นก็ยังจ้องมาที่อี้เทียนหยุนเขม็ง ไม่รู้ว่าเขาจะเลือกอย่างไหน