เจี่ยนถงไม่เคยเห็นคนอย่างเซียวเหิงมาก่อน
“เฮ้ อึ้งทำไม ขึ้นรถสิ”
ใต้ต้นไทรใหญ่ ชายหหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเมื่อวาน ยกเว้นวันนี้เขามีจักรยานมาด้วย
“…”
“อย่าเอาแต่อึ้งสิ ขึ้นรถๆ”
“…คุณมาทำไมอีก?”
มีรอยยิ้มเจิดจ้าบนใบหน้าของเซียวเหิง “ทำไมฉันจะมาไม่ได้?”
ไม่ใช่ว่ามาไม่ได้ แต่เธอคาดไม่ถึงว่าหลังจากเกิดเรื่องเมื่อวาน เขายังจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ
เซียวเหิงตัวสูง เขาใช้ขาข้างหนึ่งยันพื้นไว้และใช้ขาอีกข้างหนึ่งเหยียบแป้นถีบจักรยาน ยื่นมือออกไปดึงหญิงสาวเข้ามาอย่างไม่ต้องพยายามและให้เธอนั่งที่นั่งด้านหลัง
เจี่ยงถงกำลังจะยืนขึ้น
“เธออย่าขยับสิ ตกลงไปฉันไม่สนนะ” ในขณะที่เขาพูด ขาก็เหยียบที่แป้นถีบและรถจักรยานก็พาเจี่ยนถงขับไปข้างหน้า
เดิมทีเจี่ยนถงกำลังจะลุกและจักรยานก็ออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ด้วยความเฉื่อย เธอล้มลงบนเบาะหลังอีกครั้ง ยื่นมือออกมาโดยไม่รู้ตัว และจับเอวบางๆ ของเซียวเหิงที่อยู่ข้างหน้าไว้แน่น
ด้วยความสับสนในหัว คนคนนี้…ยังไงกันนะ?
“ฉันเดินเองก็ได้” เจี่ยนถงพูดด้วยความกระสับกระส่าย
เสียงจากด้านหน้าดังลอยมาทันที
“ไม่ได้”
“…”
และอีกครู่หนึ่ง
“คุณเซียว เมื่อวานเราไม่ได้คุยกันชัดเจนแล้วเหรอคะ?”
คนข้าหน้า ฮึดฮัดเบาๆ
“เมื่อวานเราคุยอะไรกันเหรอ? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย?”
เพื่อน…นายทำแบบนี้ เราก็คุยอะไรไม่ได้แล้ว เจี่ยนถงใจสลาย…ทำไมคนนี้ถึงไม่เล่นไพ่ตามเกม?
“…งั้นคุณรู้เหรอว่าฉันจะทำอะไร?” จึงได้พาเธอขึ้นรถมา?
เธอกวาดสายตาไปที่จักรยานและคิดไม่ออกว่าเซียวเหิงดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่คนที่ชอบขี่จักรยาน
“เราไปกินข้าวกันก่อน ฉันดูแล้ว ฉันรู้จักร้านอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง”
เจี่ยนถงแทบจะเป็นบ้า…คนคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่เล่นตามเกม ยังตอบไม่ตรงคำถามด้วย
“ฉันไม่ชอบนั่งรถจักรยาน”
“อย่าหลอกกันเลย เมื่อวานใครกันที่เห็นคู่รักขี่จักรยานกันก็ตาร้อนแล้ว?” เซียวเหิงพูด “เจี่ยนถง ฉันรู้นี่คงจะเป็นความทรงจำระหว่างเธอกับเสิ่นซิวจิ่น ดวงตาของเธอปิดใครไม่ได้หรอก”
เจี่ยนถงอึกอักแต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
เซียวเหิงพูดลอย ๆ
“คุณอาจจะยังไม่เปิดรับฉันในเวลานี้ เดิมทีเวลาจีบสาว ก็ต้องใช้เวลาและพลังงาน เจี่ยนถง ฉันจะบอกเธอว่า นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่ตามจีบผู้หญิงอย่างจริงจัง
ถ้าหากฉันทำอะไรไม่ดี ทำไม่ถูก ทำให้เธอไม่พอใจ เธอคงจะพอถูไถไปได้ ใครใช้ให้ฉันอ่อนประสบการณ์กัน”
“คุณเซียว เราเป็นลูกค้ากับ…”
“ฉันรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร” เซียวเหิงฮึดฮัดและขัดจังหวะผู้หญิงที่อยู่ด้านหลัง “เธอเห็นฉันเป็นลูกค้าก็ได้ ฉันไม่มีความคิดเห็น”
ฉันมีนะ…เจี่ยนถงกะพริบตา ความสิ้นหวังในดวงตานั้นชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่รู้ว่าเซียวเหิงจงใจหรือยังไง คำเร็วของจักรยานไม่ได้ช้า เจี่ยนถงอยากจะกระโดดลงไปก็ใจไม่กล้าพอ
หลังผ่านไปประมาณสิบห้านาที เซียวเหิงเลี้ยวซ้ายและพาเธอขับเข้าไปในตรอกเล็กๆ
เมื่อเห็นตรอกลึก เจี่ยนถงก็รีบถาม “คุณจะพาฉันไปไหนกันแน่?”
“ชู่~” เขากระซิบเบาๆ “เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
พูดจบ รถก็เลี้ยวไปอีกและหยุดอยู่หน้ากำแพงดอกกุหลาบ เซียวเหิงก็ลงจากรถอย่างเรียบร้อย “ถึงแล้ว นี่เป็นประตูหลัง เมื่อก่อนตอนฉันมาก็เข้าประตูหน้าตลอด เธออย่ามองว่าประตูหลังเงียบและแคบ ประตูหน้านั้นยิ่งใหญ่มากนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้เจี่ยนถงก็ไม่ค่อยอยากจะลงจากรถแล้ว
ราวกับว่าเทปกาวสองหน้าติดอยู่ใต้ก้นของเขา เซียวเหิงเลิกคิ้วเล็กน้อย มองดูเธอทำตัวเหมือนเด็กในตอนนี้… “ลงมาสิ เอาแต่อยู่บนรถแบบนั้น ไม่มีประโยชน์หรอก”
“ฉันไม่!” กะพริบตาและคว้าเบาะรถไว้ใต้ก้นอย่างแน่นหนาด้วยมือทั้งสองข้าง
เซียวเหิงแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว แต่ว่าเขารู้ว่า ถ้าหากเขาขำออกมาตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้คงจะแปลงร่างกลายเป็นเม่นที่มีหนามอยู่เต็มไปหมดและขดตัวกลม และเขาคงหมดหวังจะเข้าใกล้เธอได้อีก
“ไม่ลงจริงอะ?” คิ้วสวยของเขาสั่นเทาอย่างน่าสงสัย แต่ก็เพียงครู่เดียวและในวินาทีถัดมามันก็กลับมาสงบอีกครั้ง และไม่มีใครเห็นความน่าสงสัยของช่วงเวลานั้น
“ฉันไม่หิว” อย่างไรก็ตามก็คือไม่ค่อยอยากจะเข้าไป
“ฉันหิว”
“งั้นคุณก็เข้าไปสิ ฉันกลับเองได้”
“เจี่ยนถงมีสองทางเลือก หนึ่ง เธอลงจากรถเองแล้วเข้าไปกินกับฉัน สอง ฉันอุ้มเธอลงจากรถและอุ้มเธอเข้าไปกินข้าว”
“…” เจี่ยนถงมีสีหน้าไม่สู้ดี เธอไม่ค่อยอยากจะเข้าไปจริงๆ ตอนนี้มาอยู่ในที่เกี่ยวข้องกับความ “ดูดี” มันเป็นที่ที่เธอไม่อยากจะมาที่สุด ใครจะรู้ว่าจะได้เจอกับคนคุ้นเคยสักคนสองคนหรือเปล่า?
ไม่อยากจะเจอ ไม่ได้เหรอ?
เซียวเหิงรีบหันหน้าไปอีกทาง…เขากลัวจริงๆ ว่าตัวเองจะหลุดขำออกมา จึงรีบหันไปทางอื่นและแอบหัวเราะแล้วจึงหันกลับมาแล้ว และจงใจยั่วเจี่ยนถง
“เอ๊ะ? เธอเลี้ยง?” เสียงอ้อยอิ่ง ทำให้ฟังแล้วโกรธจนกัดฟันกรอด “กินบะหมี่เนื้อ?”
ครั้งนี้ เจี่ยนถงไม่ค่อยจะสบอารมณ์แล้ว…บะหมี่เนื้อแล้วไง?
“คุณไม่กินก็ช่าง” เจี่ยนถง “ชิ” ออกมา และไถลลงจากจักรยานแล้วหันหลังเดินไปด้านนอก ทันใดนั้นแขนของเธอก็ถูกคว้ามาจากด้านหลัง “กิน ใครว่าฉันไม่กิน บะหมี่เนื้ออร่อยจะตาย ฉันชอบกินที่สุด ไป ตอนนี้เราไปหาลุงหูกัน”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเซียวเหิงก็คว้าเจี่ยวถงกลับมาแล้วกดลงบนเบาะหลังอีกครั้ง “เธออย่าได้คิดชักดาบ คุณพูดแล้วว่าจะเลี้ยงบะหมี่เนื้อผม” เขากลัวว่าเธอจะหนี
จักรยานถูกขับเข้าไปในตรอกอีกครั้ง กำแพงอิฐสีแดงทั้งสองข้างของตรอกถูกปกคลุมไปด้วยดอกกุหลาบป่าเป็นแถวสีขาวและสีชมพูสดใสและสีเหลืองอ่อน รถแล่นไปมาระหว่างกำแพงดอกไม้และลมก็พัดผ่านไป และ หน้าผากของเจี่ยนถงถูกปกคลุม เผยให้เห็นรอยแผลเป็นอันน่ากลัวภายใน เธอนั่งอยู่บนเบาะหลังของจักรยาน จิตใจของเธอค่อนข้างสะเปะสะปะ
ดอกกุหลาบสีชมพู สีขาว และสีเหลืองที่ผลิบานผ่านไป ทันใดนั้นเจี่ยนถงก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ มองไปที่ร่างสูงตรงหน้าเธอและกะพริบตา…ไม่ใช่ว่าเขาลากเธอออกมากินข้าวหรอกเหรอ? ทำไมสุดท้ายถึงได้เป็นเธอที่เลี้ยงล่ะ?
เธอยังคงคิดไม่ได้ สุดท้ายทำไมถึงกลายเป็นเธอเลี้ยง? ? ?
“คะ…คุณ” เซียว…
“นั่งดีๆ” พอเปิดปาก ยังไม่ทันจะพูดจบ จู่ ๆ ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าก็สั่ง “จับเอวฉันดีๆ!”
เจี่ยนถงไม่ทันได้คิดและยื่นมือออกไปจับเอวที่แข็งแรงของเซียวเหิงแน่น ผ่านไปครู่หนึ่ง…
“เมื่อกี้…เป็นอะไรไป?”
“อ้อ เมื่อกี้ ไม่รู้พวกจิตไร้สำนึกที่ไหนทิ้งขวดน้ำบนถนน ฉันกลัวเธอตกรถ”
“งั้นเหรอ ขอบคุณนะคะ คุณเซียว”
“อือ ไม่เป็นไร เรื่องเล็กเท่านั้นแหละ” เซียวเหิงเสียงใส และพูดเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร ริมฝีปากบางหงายขึ้นเล็กน้อยโดยที่เจี่ยนถงมองไม่เห็น