“คุณปู่…..”เซียวเหิงกำลังจะพูดอะไร ท่านแก่เซียวตัดบทเสียงเย็นชา
“ออกห่างจากผู้หญิงคนนั้น”
คำสั่งเย็นชาของท่านแก่เซียวดังเข้าไปในหูของเซียวเหิง ทันใดนั้น เซียวเหิงหรี่ตา เหลือบมองไปทางท่านแก่“คุณปู่ให้คนสืบเรื่องผมหรือ”
สายตาเซียวเหิงที่มองดูท่านแก เปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย
ท่านแก่เซียวบ่นพึมพำ“แกไปหาเรื่องยั่วยุคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้มา ฉันคนที่เป็นผู้ปกครองใหญ่สุดในตระกูลเซียว จะไม่ควรหาต้นสายปลายเหตุให้ชัดเจนหรือ จะต้องปล่อยให้แกไปก่อเรื่องมาให้ตระกูลเซียวอย่างนั้นหรือ หืม ”
“คุณปู่กลัวแล้วใช่ไหม คุณปู่กลัวตระกูลเสิ่น คุณปู่กลัวแม้แต่คนรุ่นหลังคนหนึ่งของตระกูลเสิ่น ถึงว่าหลายปีมานี้ ใครๆต่างพูดว่าตระกูลเซียวไม่สู้ตระกูลเสิ่น………”
เซียวเหิงยังพูดไม่ทันจบ ท่านแก่ก็กำไม้เท้าที่อยู่ข้างๆขึ้นมา ฟาดไปใส่เซียวเหิงแรงๆ“หุบปาก ” ท่านแก่ที่แข็งนอกอ่อนใน ดวงตาสีเทามัวๆคู่หนึ่ง จ้องเขม็งไปที่หลานในไส้ที่อยู่ตรงหน้าตัวเองด้วยความโกรธ
สามารถพูดได้ว่าหลานชายคนนี้ เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในชาตินี้ของตระกูลเซียว แต่มีความขี้คร้านเป็นโรคประจำตัว ท่านแก่มีความหวังกับหลานชายคนนี้มาโดยตลอด ไม่เคยคิดมาก่อนว่า หลานชายคนนี้ยังทำให้ตระกูลเซียวต้องเจอศัตรูที่แข็งกล้าเช่นนี้
หากตระกูลเซียวไม่สู้ตระกูลเสิ่น หลายปีมานี้ถึงแม้ข้างนอกจะมีคนปล่อยข่าวลือ แต่ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าเขา ใบหน้าแก่ของท่านแก่เซียวแดงก่ำ………นี่แทบจะเป็นโรคหัวใจของท่านแก่เซียวเลย
เซียวเหิงเก็บอาการขี้เล่นที่ผ่านมา ไม้เท้าของท่านแก่ฟาดลงบนร่างกายของเขา ท่านแก่ได้ใช้ความรุนแรงแล้วความดื้อรั้นในสายตาเซียวเหิงไม่ยอมเปลี่ยน และยิ่งไม่หลบไม้เท้าอันนั้น ปล่อยให้ท่านแก่เซียวใช้ไม้เท้าทุบตีบนร่างตัวเอง
พ่อบ้านที่อยู่ข้างหลังทนดูไม่ได้ จึงห้ามท่านแก่ “ท่านแก่ ใจเย็นๆ คุณชายอายุยังน้อย หลายเรื่องหากท่านสั่งสอน เขาก็จะเข้าใจได้”
ท่านแก่เซียวอารมณ์ฉุนเฉียว พ่นลมหายใจ“ต่อไปห้ามไปพบผู้หญิงคนนี้อีก”
ทันใดนั้นเซียวเหิงกำหมัดแน่น จ้องไปที่ท่านแก่เซียวด้วยความโกรธ“เป็นไปไม่ได้”
“แกพูดอีกครั้ง ”ความโกรธของท่านแก่ที่ลดลงแล้ว ได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง“เซียวเหิง แกให้ฉัน พูดอีกครั้ง”
พูดก็พูด
“ผมบอกว่า ผมไม่มีวันละทิ้งเธออย่างแน่นอน”
“แก”ท่านแก่โกรธจนหายใจหอบหน้าอกกระเพื่อม“ดี ดีมาก แกปีกกล้าขาแข็งแล้ว” ด่าเซียวเหิงไปด้วย ท่านแก่ก็ไปตามหาไม้เท้าที่ถูกเขาโยนไว้ข้างๆเมื่อกี้นี้ “เหล่าหลี่ ไม้เท้าล่ะ ไม้เท้า”
พ่อบ้านเหล่าหลี่ที่อยู่ข้างหลังสีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล นำไม้เท้าซ่อนไว้ข้างหลัง แล้วมองไปทางเซียวเหิงอีกครั้ง“คุณชาย ท่านแก่อายุมากแล้ว คุณก็พยักหน้า รับปากท่านแก่เถอะ ”
บนใบหน้าที่หล่อเหลาของเซียวเหิง เต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้ เม้นริมฝีปากแน่น ไม่ยอมเอ่ยปากสักคำ
“ไม้เท้า”ท่านแก่เซียวโกรธ จ้องเขม็งไปที่พ่อบ้านเหล่าหลี่ด้วยความโกรธ แล้วยื่นมือไปทางเขา “เหล่าหลี่ เอาไม้เท้ามาให้ฉัน”
“คุณชาย” เหล่าหลี่ยังคงไม่ละความพยายาม
เซียวเหิงกัดฟันพูดอย่างดุเดือด “ลุงหลี่ เอาไม้เท้าให้เขา”
หน้าอกของท่านแก่เซียวกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง แย่งไม้เท้ามาจากมือของพ่อบ้านเหล่าหลี่ สะบัดมือทุบไปบนหลังของเซียวเหิงอย่างแรง “แกปีกกล้าขาแข็งแล้ว ” ใช้ไม้เท้าทุบไปบนหลังของเซียวเหิงหนึ่งที
“แกเก่งแล้ว”แล้วไม้เท้าก็ฟาดไปอีกหนึ่งครั้ง ทิ้งร่องรอยไม้เท้าสีเลือดไว้บนแขนของเขา
ท่านแก่ยังไม่หายโกรธ ยกไม้เท้าขึ้นสูงๆแล้วฟาดลงไป ทุบตีแล้วทุบตีลงไปอีก ทุบจนเซียวเหิงครางเบาๆ แต่ดวงตายังคงเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ไม่ยอมแพ้
“เพื่อผู้หญิงคนเดียว แกจะทำให้ตระกูลเซียวตกอยู่ในอันตราย เซียวเหิง ฉันไม่รู้ว่า แกเริ่มเรียนรู้ความหลงใหลในความรักแบบพี่ชายแกตั้งแต่เมื่อไหร่”
ทันใดนั้น ดวงตาเซียวเหิงเบิกกว้าง
เงยหน้าขึ้นทันที จ้องเขม็งไปที่ท่านแก่เซียวด้วยความโกรธเกรี้ยว ดวงตาคู่น่าหลงใหลของเขา เวลานี้ไม่มีความขี้เล่นไม่เกรงใจ และก็ไม่มีความรู้สึกหมกมุ่นเหมือนตอนที่มองดูเจี่ยนถง ดวงตาแดงก่ำคู่นั้น จ้องเขม็งไปที่ท่านแก่เซียวอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“คุณปู่ พี่ชายของผมได้เสียไปแล้ว”
ทุกคนรู้เพียงว่าตระกูลเซียวมีเซียวเหิง แต่ไม่รู้ว่า ตระกูลเซียวยังมีหลานคนโตผู้ติดดินคนหนึ่ง นั่นก็คือพี่ชายของเซียวเหิง แต่ได้เสียชีวิตไปนานแล้วเมื่อตอนที่ย้ายไปอยู่อเมริกา
ความผิดพลาดของพี่ชายเซียวเหิง คือความเจ็บปวดในใจของเซียวเหิงที่ไม่สามารถลบทิ้งไปได้
เขาจ้องเขม็งไปที่ท่านแก่เซียวด้วยความโกรธ และมีความเกลียดชังซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา
พ่อบ้านเห็นท่าไม่ดี รีบดึงท่านแกเซียวไว้“ท่านแก่ ท่านใจเย็นๆ”
ท่านแก่เซียวก็ตกใจกับดวงตาแดงก่ำของเซียวเหิงคู่นั้น บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบด้วยความแปลกๆ …….เนิ่นนาน ท่านแก่เซียวคลายมือออก แล้วไม้เท้าในมือ“คลิก” ร่วงลงบนกระเบื้องพื้นหินอ่อน ท่านแก่ร่างกายอ่อนระทวย เสียงดัง“ปัง” ล้มนั่งลงบนโซฟาข้างหลัง
ราวกับทันใดนั้น ชายชราผมบลอนด์ผู้แข็งแรงมีชีวิตชีวาเมื่อกี้นี้ ได้แก่ลงไปสิบปีในพริบตา ในดวงตาที่เหี่ยวย่น มีประกายความสิ้นหวังกับความเสียใจ เพียงแต่บนใบหน้าเคร่งขรึมนั้น ยังคงตึงเครียดและแข็งทื่อไร้ที่เปรียบ
ดวงตาแดงก่ำของเซียวเหิง มองไปที่คนชราที่นั่งอยู่บนโซฟา เขาหลับตา ปิดบังอารมณ์ซับซ้อนใต้ดวงตา กัดฟันแน่น แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในที่สุดดวงตาคู่แดงนั้นก็ฟื้นคืนความสงบ สีเลือดได้จางหายไปเล็กน้อย
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะเข้าไปในเครือบริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปอย่างเป็นทางการ ” เขายืนตัวตรง ไม่กระดุกกระดิก เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นละห้อย จ้องมองไปที่ชายชราบนโซฟา แล้วกล่าวอย่างแข็งกร้าว
“เจี่ยนถง คือผู้หญิงคนแรกที่ผมชอบอย่างจริงจัง ผมจะไม่ปล่อยเธอไป ไม่ว่าทางด้านเสิ่นซิวจิ่นจะกดดันทางตระกูลเซียวอย่างไร ผมก็จะไม่ปล่อยเธอไป คนไหนทำคนนั้นรับ ครั้งนี้เสิ่นซิวจิ่นพุ่งตรงมาหาผม ในเมื่อผมเป็นคนชักนำอันตรายมาให้ตระกูลเซียว ผมก็จะขอรับผิดชอบคนเดียว เข้าสู่เซียวซื่อกรุ๊ป ผมจะเผชิญหน้ากับเสิ่นซิวจิ่นเอง”
ท่านแก่เซียวอ้าปาก ราวกับต้องการจะพูดอะไร แต่เมื่อเห็นความแน่วแน่ในสายตากับน้ำเสียงที่หนักแน่นของหลานชายตรงหน้าแล้ว เขาก็หุบปากไม่พูด
ก่อนที่เซียวเหิงจะจากไป ได้มองดูชายชราบนโซฟาอีกครั้ง แล้วกล่าวเรียบๆว่า
“ผมไม่ใช่พี่ชายของผม จะไม่เลือกเหมือนเขา ผมจะไม่ทิ้งผู้หญิงที่ตัวเองชอบเพราะท่าน หรือเพราะใครคนใดคนหนึ่ง และผมก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีความสามารถปกป้องผู้หญิงและครอบครัวตัวเอง”
เมื่อท่านแก่เซียวเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เห็นคือ เงาหลังที่สูงเพรียวของเซียวเหิง ได้หายไปจากประตูใหญ่แล้ว
พ่อบ้านเหล่าหลี่ร้องเรียก“ท่านแก่ครับ คุณชายเขา”
“ปล่อยเขาไป”ท่านแก่เซียวพึมพำเสียงเย็นชา กวักมือไปทางเหล่าหลี่ “ฉันเหนื่อยแล้ว แกลงไปก่อน”เมื่อเหล่าหลี่ลงไปแล้ว ท่านแก่เซียวหน้าตึงเครียด ภายในดวงตาลุ่มลึกนั้น……..สำหรับทางเลือกต่อไป จะต้องดูหลานชายคนโปรดของเขาก่อน ว่าจะสามารถทำได้เพียงใด
รถของเซียวเหิงควบไปบนสะพานอย่างรวดเร็ว
ลมพัดผ่านกระจกรถที่เปิดอยู่ ผมสีดำปลิวว่อนยุ่งเหยิง เซียวเหิงกดโทรศัพท์โทรออก แล้วใส่หูฟังบลูธูท
“เสิ่นซิวจิ่น แกฟังให้ดี ฉันจะไม่ปล่อยเจี่ยนถงไป และตระกูลเซียว ฉันก็จะปกป้องดูแลรักษาไว้ เรามาดูกันว่า ในที่สุดแล้ว ใครจะแพ้ใครจะชนะ”
ทางปลายสายโทรศัพท์ มือเรียวยาวของผู้ชายเคาะไปที่เคสมือถือสองครั้ง เมื่อได้ยินเช่นนั้น กระตุกยิ้มที่มุมปาก แล้วน้ำเสียงทุ้มๆก็ดังขึ้น“ตกลง คุณอยากทำอะไรผมก็จะร่วมด้วยจนถึงที่สุด แต่ของของผม อย่าคิดแตะต้อง”
ทั้งสองฝ่ายตัดสายเกือบจะพร้อมกัน และไม่มีอะไรจะต้องพูดอีก ต่างคนเข้าสู่สภาวะเตรียมทำสงคราม