ข้างหลังมีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นอีก เสิ่นยี เสิ่นเอ้อและคนอื่นๆ จอดรถเรียงกันเป็นแถวยาวหกคันหน้าประตูห้องจัดเลี้ยง
ผู้ชายเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของเสิ่นยี จากนั้นก็ทำเรื่องน่าตกใจ
“เพียะ!” เสียงตบอย่างรุนแรงดังขึ้น
“ไหนคนล่ะ!” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมา
เสิ่นยีงงไปหมด “คนไหนครับบอส”
“เจี่ยนถงที่ฉันให้แกจับตาดูไว้ไง ไปไหนแล้ว!” สายตาเย็นชามองไปที่เสิ่นยี เมื่อเสิ่นยีได้ยินชื่อเจี่ยนถง หัวใจของเขาแทบจะหล่นลงไปที่ตาตุ่ม สีหน้าของเขาซีดเผือด “บอส ผม…”
“แกไม่ได้ทำตามคำสั่งของฉัน แกไม่ได้สนใจเจี่ยนถง วันนี้แกไม่ได้ส่งคนไปจับตามองเธอใช่ไหม!”
“บอส…” เหงื่อเต็มหน้าผากของเสิ่นยี เขาไม่ได้สนใจเจี่ยนถงจริงๆ ผู้หญิงคนไหนมีอะไรดี เธอฆ่าเซี่ยเวยเหมิง แถมยังด่าทอคนที่เธอฆ่าตายด้วย
ใบหน้าอันหล่อเหล่าของเสิ่นซิวจิ่นเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาชี้หน้าเสิ่นยีแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาจัดการแก” พูดจบ เขาก็รีบสั่งเสิ่นเอ้อที่ยืนอยู่ข้างๆ “จัดหาคนมา พาลูกน้องที่อยู่เมือง S กลับมาให้หมด หาเธอให้เจอ!”
เสิ่นเอ้อจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาไม่เห็นบอสเป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว เขารีบพยักหน้าทันที
เสิ่นซิวจิ่นมองห้องจัดเลี้ยงข้างหน้า จู่ๆ เหมือนเขานึกอะไรได้ หลายปีก่อน ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่บนสปริงบอร์ดข้างสระว่ายน้ำ เธอตะโกนสารภาพรักกับเขาที่นั่น
ประกายในตาของเขาหายวับไป เขารีบหันหลังขึ้นรถ “ซูเมิ่ง แกเฝ้าอยู่ที่นี่ ถ้าเจอเธอให้รีบแจ้งฉัน” เขากวาดตามองคนอื่น “พวกแกด้วย ใครหาเจี่ยนถงเจอ ให้รีบแจ้งฉันทันที”
เหมือนเขานึกอะไรขึ้นได้อีก “ส่งคนไปเฝ้าใต้หอพักกับบริษัทของเธอ ถ้าเจอให้รีบรายงานฉัน”
พูดจบ เขาก็เหยียบคันเร่ง รถพุ่งตัวออกไปหลงเหลือไว้เพียงควันรถ
เจี่ยนถง!
บนที่นั่งคนขับ ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่ม นอกจากความเย็นชายังมีความกังวลอยู่ด้วย
เขาไม่รู้ว่าทำไม เมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นหายตัวไป เขาถึงร้อนใจแบบนี้
เขาไม่รู้ว่าทำไมซูเมิ่งถึงพูดว่าผู้หญิงคนนั้นจะฆ่าตัวตายหรือเปล่า เขากระวนกระวายใจมาก
เขาไม่รู้อะไรเลย
แต่ว่าเขาต้องตามหาเธอให้เจอ!
นี่คือความคิดของเสิ่นซิวจิ่น
รถเคลื่อนตัวอยู่บนถนนในเมือง S ผ่านถนนแต่ละเส้น เสิ่นซิวจิ่นไม่ได้สังเกตเรื่องหนึ่ง เขากำลังทำเรื่องที่โง่แสนโง่ นั่นก็คือการงมหาในทะเล เขากำลังพยายามตามหาใครคนหนึ่งท่ามกลางคนมากมาย!
แต่เขาก็ต้องทำแบบนี้
เขาใส่หูฟังบลูทูธ จากนั้นก็โทรหาซูเมิ่ง เสิ่นยีและเสิ่นเอ้อ รวมถึงลูกน้องพวกนั้นด้วย “หาเจอไหม”
“เจอเธอไหม”
“เธอกลับบ้านหรือยัง”
“ที่บริษัทล่ะ”
ทุกสายที่โทรออกไป ทำให้ลูกน้องของเสิ่นซิวจิ่นยิ่งตกใจ
เวลาผ่านไปทุกวินาที พริบตาเดียวก็เป็นเวลาห้าทุ่มครึ่งแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงจะเป็นวันใหม่แล้ว
ทันใดนั้น!
ผู้ชายที่อยู่ตรงเบาะคนขับ ภาพในหัวของเขาหายแวบไป
จู่ๆ เขาก็หักพวงมาลัยเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง
เหมือนรถถึงที่หมาย ขายาวก้าวลงจากรถ
ชายหนุ่มลงจากรถและปิดประตูรถ
เขาก้าวเข้าไปที่ประตู
เป็นไปตามคาด เธออยู่ที่นี่จริงๆ
ตรงมุมประตู ผู้หญิงคนนั้นนั่งพิงประตูเหล็กอย่างหมดสภาพ ชายหนุ่มก้าวขายาวเข้าไปหยุดตรงหน้าเธอ
เจี่ยนถงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
“นายมาเยาะเย้ยฉันใช่ไหม” เธอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เธอไม่อยากรู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ในเวลาแบบนี้ เธอไม่อยากรู้ เพราะคืนนี้เธอเหนื่อยเหลือเกิน
“ซูเมิ่งบอกว่าเธอหายไป” เสียงทุ้มดังขึ้น
เขาหมายความว่า ฉันตามหาเธออยู่
แต่เจี่ยนถงในตอนนี้ คงไม่รับรู้และสนใจสิ่งที่อยู่ในคำพูด
เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ก้มหน้ามองเธออยู่อย่างนั้น
อย่างนั้น แค่ช่วงเวลาหนึ่ง
จู่ๆ เหมือนเขาตัดสินใจอะไรบางอย่างที่สำคัญได้
ชายหนุ่มก้มลงและยื่นมือไปหาเธอ
“ปึก” เจี่ยนถงปัดมือของชายหนุ่มอย่างแรง “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” คืนนี้เธอไม่อยากแสดงอะไรอีก
แต่ทว่าสายตาของชายหนุ่ม ค่อยๆ มองไปตรงมือที่โดนปัด เขาไม่ได้โมโหและตัดสินใจนั่งยองลงตรงหน้าเธอ “ตอนเด็กๆ ฉัน เธอ แล้วก็เซี่ยเวยเหมิงโดดเรียนมาเล่นสวนสนุกแห่งนี้ด้วยกัน เซี่ยเวยหมิงขี้ขลาดเลยถูกเธอลากออกมาด้วย ส่วนฉันไม่อยากฟังตาแก่สอน ก็เลยทำตามที่เธอบอก เราสามคนพากันโดดเรียนมาที่สวนสนุกแห่งนี้ เหมือนว่าจะเล่นเครื่องเล่นเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะชิงช้าสวรรค์นั่น เวยหมิงอยากนั่งมาก แต่เธอไม่ยอม เธอไม่อยากนั่งก็เลยไม่ยอมให้ฉันนั่งด้วย ตอนนั้นฉันจำได้ว่าเธอพูดอย่างเอาแต่ใจว่า ‘ก่อนที่เสิ่นซิวจิ่นจะตกหลุมรักเจี่ยนถง เจี่ยนถงจะไม่นั่งชิงช้าสวรรค์เด็ดขาด’ ”
เหมือนเจี่ยนถงจะเกิดความรู้สึกขึ้นในใจ เธอพูดต่อจากเสิ่นซิวจิ่นว่า “ฉันจำคำตอบของนายในตอนนั้นได้ นายตอบบอกฉันอย่างหนักแน่นว่า ‘ชาตินี้เสิ่นซิวจิ่นไม่มีทางรักเจี่ยนถง’ ” เธอกำมือแน่น สิ่งไม่ดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอ มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เธอรักเสิ่นซิวจิ่น
เธอมองผู้ชายตรงหน้า ใบหน้านี้ คนคนนี้ ทำให้เธอเสียอะไรไปหลายอย่าง
สิ่งแรกคือใจ ต่อมาคือตัวตนและอดีตของเธอ รวมไปถึงอิสระและศักดิ์ศรี จากนั้นก็มีดวงตาอันสดใสปรากฏขึ้นในชีวิตของคนที่กำลังจะขาดอากาศหายใจท่ามกลางความมืดมน แววตาที่จ้องมองมาไม่มีการเยาะเย้ยแม้แต่น้อย แต่วันนี้มันกลับหายไปแล้ว
เธอนั่งคิดอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมี จะต้องถูกลิดรอนไปทีละนิด เหตุผลก็คือเสิ่นซิวจิ่นคนที่อยู่ตรงหน้านี่ไง
แววตาของชายหนุ่มฉายแววความเจ็บปวด แต่พริบตามันก็หายไป เขาไม่ชอบแววตาที่ผู้หญิงคนนี้มองมาในตอนนี้
เขาดันกระพุ้งแก้มไปมา จากนั้นจึงยื่นมือไปหาเธออีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาใช้แรงกดไปที่มือเล็กที่ใช้ปัดมือของเขาเมื่อครู่ เขาใช้เทคนิคดึงมือเธอพร้อมกับตัวเธอเข้ามาในอ้อมอก เขาเลื่อนมือลงมาโอบเอวของเธอแล้วอุ้มขึ้นมา เสิ่นซิวจิ่นลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมา
“ไปกับฉัน”
เจี่ยนถงดิ้นไปมา “ปล่อยฉันนะ!” เธอกลัวคนคนนี้ แต่ตอนนี้เธอไม่อยากเห็นหน้าเขามากกว่า
“ฟึบ” เขาเอาตัวของหญิงสาวยัดเข้ามาตรงเบาะข้างคนขับ และกดไหล่ของเธอไว้ นิ้วชี้จรดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ “ตอนนี้เธอต้องพักผ่อน”
ในใจของชายหนุ่มมีความรู้สึกเจ็บปวดซ่อนเอาไว้ ขนาดตัวเขาเองยังไม่รู้เลย
“ร่างกายของฉัน ฉันดูแลเองได้ ฉันไม่นอน” วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เธอไม่อยากแสดงอีกแล้ว
ชายหนุ่มทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเดินอ้อมมาตรงที่นั่งคนขับ “ฉันบอกว่าเธอต้องพักผ่อน เธอต้องฟัง ไม่งั้นเด็กดื้อจะต้องโดนลงโทษ”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเย็นชาเล็กน้อย แต่ถ้าลองฟังดีๆ ก็จะรู้ว่าในคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความรัก
แต่ทว่ากลับไม่มีใครสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นเจี่ยนถงหรือตัวเสิ่นซิวจิ่นเอง